การที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) มีความหมายต่อโลกอย่างไร

ที่มาของภาพ : Reuters
สเตฟานี เฮการ์ตี ผู้สื่อข่าวด้านประชากรโลกของบีบีซีรายงานว่า ในคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ลงนามภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ได้ส่งสัญญาณว่าเขาต้องการถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวอาจจะขัดขวางมาตรการรับมือต่อการเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในอนาคตได้
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก โดยในปี 2020 เขาได้แจ้งให้ทาง WHO ทราบขณะที่เกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 แต่ระดับสูงที่สุด โดยบอกว่าเขาจะถอนสหรัฐฯ ออกจาก WHO แต่ต่อมาประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ยุติเรื่องดังกล่าว หลังจากเขาเข้ารับตำแหน่ง
ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์การจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของ WHO และบอกด้วยว่าองค์กร “ล้มเหลวในการปฏิรูปที่จำเป็นเร่งด่วน” รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์อิทธิพลของจีนในองค์การอนามัยโลกอย่างเปิดเผย
สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ที่สุดของ WHO โดยงบประมาณราว 1 ใน 5 ขององค์กรนี้ได้รับการอุดหนุนโดยสหรัฐฯ ราว 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 238,000 ล้านบาท)
ประเทศที่มีรายได้ต่ำหลายประเทXพึ่งพาองค์กรนี้ เพื่อสนับสนุนระบบสาธารณสุขอันเปราะบางของพวกเขา รวมถึงการรณรงค์ฉีดวัคซีนต่าง ๆ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดโรค ผู้สื่อข่าวของบีบีซีกล่าวว่าการที่องค์กรนี้ถูกตัดงบประมาณ อาจส่งผลกระทบต่อโครงการต่าง ๆ เหล่านี้
เรื่องแนะนำ
Discontinue of เรื่องแนะนำ
บีบีซีสำรวจดูว่าประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อประกาศถอนตัวดังกล่าว

ที่มาของภาพ : EPA-EFE/REX/Shutterstock
ประเทศยากจนในแอฟริกาต้องพึ่งพา WHO
ดอร์คัส วังกิรา ผู้สื่อข่าวด้านสุขภาพของบีบีซีแอฟริกา
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในแอฟริกาเตือนว่าการตัดสินใจของทรัมป์ที่จะถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลกนั้น อาจส่งผลสะเทือนถึงความสำเร็จในการต่อสู้กับโรคต่าง ๆ ทั่วทั้งทวีป เช่น มาลาเรีย วัณโรค และเอชไอวี (HIV) เนื่องจากประเทศยากจนในแอฟริกาหลายประเทศยังคงต้องพึ่งพา WHO สำหรับความช่วยเหลือด้านเทคนิคและวัคซีนต่าง ๆ เกือบทั้งหมด
เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลก การถอนตัวของสหรัฐฯ จะหมายถึงเงินทุนลดลงสำหรับโครงการสำคัญ ๆ ในแอฟริกา รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพ การตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน และการฉีดวัคซีนในเด็ก
นอกจากนี้องค์การอนามัยยังมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุข โดยศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของแอฟริกา (Africa CDC) บันทึกเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นในทวีปนี้ได้ถึง 214 กรณี เมื่อปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ที่บันทึกได้ 166 กรณี ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการระบาดของโรคเอ็มพ็อกซ์ที่พบมากสุดในแอฟริกากลาง และเป็นภาระอันหนักอึ้งของภูมิภาคดังกล่าว
ปีที่แล้ว สหรัฐฯ ร่วมมือกับรวันดาและองค์การอนามัยโลกเพื่อจัดการกับโรคติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์กหรือเอ็มวีดี (Marburg Virus Disease: เอ็มวีD) ซึ่งระบาดในประเทศดังกล่าว
นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมายังพบการกลับมาระบาดอีกครั้งของอหิวาตกโรค ไข้เ-ือดออก และหัด โดยเมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาทาง WHO ตั้งข้อสังเกตว่า การระบาดของอหิวาตกโรคมีความซับซ้อนและควบคุมได้ยากมากขึ้นด้วย

ที่มาของภาพ : Getty Pictures
เป็นการสูญเสียอิทธิพลหรือโอกาสครั้งใหม่ ?
ซิลเวีย ชาง บีบีซีแผนกภาษาจีน
การประกาศถอนสหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก อาจสร้างสุญญากาศความเป็นผู้นำและเอื้อให้จีนขยายอิทธิพลในงานกำกับดูแลด้านสาธารณสุขทั่วโลกได้ รวมถึงช่วยให้จีนมีบทบาทในสถาบันระหว่างประเทศได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น เช่น องค์การอนามัยโลกซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ โดยจีนได้เพิ่มเงินบริจาคให้กับ WHO แล้ว และวางตำแหน่งประเทศในฐานะกระบอกเสียงด้านสาธารณสุขที่สำคัญของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19
โดยพบว่าเมื่อพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกในเมืองอู่ฮั่นเมื่อเดือน ธ.ค. 2019 ทางการจีนเลือกที่จะปิดปากผู้แจ้งเบาะแสเป็นอย่างแรกและทำให้ดูเหมือนว่าการระบาดนั้นไม่รุนแรง นอกจากนี้ แม้กระทั่งในช่วงกลางเดือน ม.ค. 2020 ซึ่งไวรัสระบาดไปประเทศอื่น ๆ แล้ว เจ้าหน้าที่จีนยังออกมากล่าวว่าไม่พบการระบาดจากคนสู่คน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (21 ม.ค.) นายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนออกมากล่าวว่า บทบาทขององค์การอนามัยโลกควรได้รับการเสริมสร้างให้แข็งแกร่งมากขึ้น ไม่ใช่ถูกทำให้อ่อนแอลง พร้อมกับให้คำมั่นว่าจีนจะสนับสนุนองค์กรนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

ที่มาของภาพ : Getty Pictures
ผลกระทบจากการลดเงินสนับสนุน
อิสฮารา ดานาเซการา บีบีซีแผนกภาษาสิงหล
องค์การอนามัยโลกมีบทบาทสำคัญอย่างมากในระบบดูแลด้านสาธารณสุขของศรีลังกา โดยสนับสนุนความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่จำเป็น เงินทุน และการสนับสนุนด้านยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความท้าทายด้านสาธารณสุขที่สำคัญ
WHO ยังมีส่วนสำคัญในการปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการริเริ่มโครงการด้านสุขภาพในแม่และเด็ก การรณรงค์ฉีดวัคซีน และการควบคุมโรคติดเชื้อ เช่น โรคไข้เ-ือดออก และวัณโรค เป็นต้น
ดังนั้น หากเงินทุนขององค์การอนามัยโลกลดลง ศรีลังกาจะเผชิญกับความสูญเสียอย่างมาก เพราะการรณรงค์ฉีดวัคซีนจะเกิดความล่าช้า ซึ่งนำไปสู่การกลับคืนมาของโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ความพยายามในการต่อสู้กับโรคไม่ติดต่อ เช่น โรคเบาหวานและโรคหัวใจ อาจสะดุดลง ส่งผลให้ระบบดูแลสุขภาพเกิดความตึงเครียดมากขึ้น โดยที่มาพิสูจน์แล้วว่าการสนับสนุนของ WHO มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อศรีลังกาในช่วงที่เกิดวิกฤตระดับชาติ เช่น เหตุภัยพิบัติสึนามิเมื่อปี 2004 และสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19

ที่มาของภาพ : Getty Pictures
อิมราน กุเรชี บีบีซีแผนกภาษาฮินดี
“เราอาจต้องรอดูว่าสหภาพยุโรปและจีนจะก้าวขึ้นมามีบทบาทมากขึ้นหรือไม่” ศาสตราจารย์ เค ศรีนาถ เรดดี อดีตหัวหน้ามูลนิธิสาธารณสุขแห่งอินเดีย กล่าว และบอกว่าการถอนตัวของสหรัฐฯ อาจเป็น “โอกาสที่ดีสำหรับจีน” รวมถึงสหภาพยุโรปในการยกระดับบทบาทของพวกเขาในเวทีโลก
ศ.เรดดี คาดว่าจะเกิดผลกระทบมากขึ้นต่อโครงการด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เช่น การเฝ้าระวังเชื้อวัณโรค และการดื้อยาต้านจุลชีพ มากกว่าจะเกิดผลกระทบต่อโครงการเฉพาะที่เกิดขึ้นในอินเดีย อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจว่าการสนับสนุนแบบทวิภาคีจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐฯ (CDC) มากขึ้น รวมถึงจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ และมูลนิธิอื่น ๆ ในสหรัฐฯ
“ในโลกที่พึ่งพาและเชื่อมต่อกัน การที่สหรัฐฯ ออกจากองค์การอนามัยโลก จะส่งผลเสียไม่เพียงแต่สำหรับประเทศอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสหรัฐฯ เองด้วย” เขากล่าว และเน้นให้เห็นว่าในช่วงยุคหลังโควิด-19 ความร่วมมือแบบพหุภาคีจะยังคงมีความสำคัญในการรับมือกับความท้าทายด้านสาธารณสุขทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามจากการระบาดครั้งใหญ่ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate alternate)
การที่องค์การอนามัยโลกสูญเสียผู้สนับสนุนหลักด้านการเงิน ย่อมหมายถึงประเทศอื่น ๆ จะ “จำเป็นต้องเพิ่มการมีส่วนร่วมและเพิ่มระดับความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ระหว่างกัน” เขากล่าวเสริม “ทั้งความร่วมมือระหว่างประเทศและการพึ่งพาตนเองจะมีจุดมุ่งหมายและรูปแบบการทำงานใหม่”
ทาร์ฮับ อัสกฮาร์ บีบีซีแผนกภาษาอูรดู
สำหรับประเทศปากีสถานและอัฟกานิสถานซึ่งกำลังต่อสู้กับโรคโปลิโออันเป็นความท้าทายสำคัญจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การตัดสินใจของทรัมป์ทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าความพยายามในการกำจัดโรคนี้ในอนาคตจะเป็นเช่นไร นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังเป็นแห่งสุดท้ายในโลกที่ต้องต่อสู้กับโปลิโอซึ่งยังคงต่อสู้กับโปลิโอซึ่งเป็นโลกประจำถิ่น
แม้มีความพยายามร่วมกันมาหลายปี แต่ปากีสถานก็ยังเผชิญกับความล้มเหลวจนทำให้โปลิโอกลับมาระบาดมากขึ้นอีกครั้ง โดยในปี 2013 เด็กมากกว่าครึ่งหนึ่งป่วยเป็นโปลิโอ และจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขยังระบุด้วยว่า ปากีสถานยังไม่มีการฉีดวัคซีนตามรอบประจำปกติ
กลยุทธ์ปัจจุบันของปากีสถานในการรับมือกับโรคร้ายแรงนี้ มักอาศัยเงินทุนจากผู้บริจาคระหว่างประเทศมากกว่าการลงทุนด้านสาธารณสุขในประเทศ ด้วยเหตุนี้องค์การอนามัยโลกและหน่วยงานระหว่างประเทศอื่น ๆ จึงเป็นผู้จัดหาเงินทุนหลักให้กับประเทศ รวมถึงการสนับสนุนทรัพยากรทางเทคนิคที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนให้การฉีดวัคซีนและการรณรงค์ด้านสุขภาพสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยในปี 2013 องค์การอนามัยโลกคือผู้ให้การสนับสนุนโครงการโปลิโอของปากีสถานมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ดร. ซาฟาร์ มิร์ซา ได้ลดความสำคัญของผลกระทบที่เกิดขึ้นทันทีจากการถอนตัวของสหรัฐฯ โดยให้เหตุผลว่า WHO ได้รับการสนับสนุนจากประเทศต่าง ๆ จำนวนมาก และเงินทุนจากสหรัฐฯ ไม่ใช่เส้นเ-ือดใหญ่เพียงเส้นเดียวในการกำจัดโรคร้ายแรง แต่ “สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการลดการพึ่งพาการสนับสนุนจากภายนอก และสร้างระบบการดูแลสุขภาพที่ยืดหยุ่นและยืนอยู่บนลำแข้งตัวเองของปากีสถาน”
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนว่า แม้การถอนตัวของสหรัฐฯ อาจไม่ทำให้การระดมทุนหยุดชะงักลง แต่มันอาจรบกวนระบบนิเวศด้านสาธารณสุขของโลกด้วยการทำให้ทุกอย่างชะลอลง ไม่ว่าจะเป็นการผลิตวัคซีน ไปจนถึงการเปิดตัวโครงการต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่า

ที่มาของภาพ : Getty Pictures
ผู้เล่นหลักในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ฮานาน ราเซ็ค บีบีซี แผนกภาษาอาหรับ
คำสั่งของทรัมป์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โลกอาหรับกำลังเผชิญกับปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือความหวาดกลัวต่อการแพร่กระจายของโรคและความต้องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วน โดยพบว่าผู้คนเกือบ 2.1 ล้านคนในกาซานั้นเป็นเด็ก และเมื่อตรวจพบโรคโปลิโอในเดือน ก.ค. 2024 มันก็ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาด
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคเมื่อเร็ว ๆ นี้ เกิดจากระบบสาธารณสุขและโครงสร้างพื้นฐานของฉนวนกาซาถูกทำลายอย่างร้ายแรงอันเป็นผลกระทบจากความขัดแย้งที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2023
ทั้งนี้ แม้มีการปิดล้อมขัดขวางไม่ให้อาหารและเวชภัณฑ์เข้ามาในฉนวนกาซา แต่องค์กรอนามัยโลกก็ช่วยทำให้แน่ใจว่าเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี จำนวนมากกว่าครึ่งล้านคนซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซาตอนกลางและตอนใต้ จะได้รับการฉีดวัคซีนโปลิโอ
ในขณะเดียวกัน อหิวาตกโรคก็อีกเป็นหนึ่งปัญหาด้านสุขภาพที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เนื่องจากมันแพร่ระบาดในตะวันออกกลางเพิ่มมากขึ้น โดยพบว่าในค่ายผู้ลี้ภัยอัล-โฮล (Al-Hol) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้พลัดถิ่นมากกว่า 40,000 คน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ ทำให้อหิวาตกโรคอุบัติขึ้นมากกว่า 200 รายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งพบว่าองค์การอนามัยโลกเข้ามาสนับสนุนโครงการฉีดวัคซีนติดต่อกันเป็นเวลา 10 วันเพื่อหยุดยั้งการระบาด
ทีมข่าวบีบีซีแผนกภาษาเปอร์เซีย
ผลกระทบโดยตรงจากการถอนตัวของสหรัฐฯ สำหรับภาคสาธารณสุขของอิหร่านนั้นยังมีความไม่แน่นอน แต่อาจนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงด้านเงินทุน การทูตด้านสาธารณสุขในเวทีโลก และความริเริ่มด้านสาธารณสุขในภูมิภาคนี้
อิหร่านยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับ WHO อยู่ และองค์กรเองก็มีสำนักงานอยู่ในกรุงเตหะราน พวกเขาร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและการศึกษาทางแพทย์ของอิหร่าน เพื่อจัดการความท้าทายด้านสาธารณสุข รวมถึงยกระดับบริการด้านสุขภาพภายในประเทศซึ่งมุ่งเน้นไปที่การป้องกันโรค การเสริมสร้างระบบสาธารณสุข และการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุฉุกเฉิน
องค์การอนามัยโลกมักอำนวยความสะดวกในโครงการด้านสาธารณสุขระดับภูมิภาคที่ต้องการความร่วมมือระหว่างประเทศ ดังนั้น การขาดความสนับสนุนจากสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่อขอบเขตและประสิทธิผลของโครงการริเริ่มต่าง ๆ เหล่านี้ อันเป็นผลกระทบทางอ้อมต่อการมีส่วนร่วมของอิหร่านและผลประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการต่าง ๆ
ประเทศอื่น ๆ เช่น จีน อาจเข้ามามีบทบาทโดดเด่นมากขึ้นในด้านสาธารณสุขของโลก ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์ของโลกซึ่งอิหร่านดำเนินการอยู่ได้ สิ่งนี้อาจเปิดช่องทางใหม่สำหรับอิหร่านในการเข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้นหรือเป็นความท้ายก็ได้ ขึ้นอยู่กับพันธมิตรและผลประโยชน์ที่เปลี่ยนแปลงภายในองค์การอนามัยโลก
ที่มา BBC.co.uk