สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสนธิกำลัง ป.ป.ท.-ภูธรภาค 9 รวบสารวัตรสอบสวน ภูธรสะเดาคาเงินของกลาง 1.5 หมื่น เผยพฤติการณ์เจ้าตัว เรียกรับเงิน 8.5 หมื่น แลกปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้องหาคดีพกอาวุธไม่ได้รับอนุญาต
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 27 ม.ค. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ได้ออกเอกสารข่าวแจกกรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ท. และตำรวจภูธรภาค 9 ร่วมปฏิบัติการจับกุม พันตำรวจโท นันทกฤษณ์ นวลละออง สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรสะเดาในข้อหาเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ
สืบเนื่องจากเมื่อเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 เวลา 05.10 น. ผู้เสียหายได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอยู่ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
โดยมี พันตำรวจโท นันทกฤษณ์ นวลละออง ตำแหน่งสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรสะเดา ปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรสอบสวน โดยเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีดังกล่าว และมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้เสียหายในวันที่มีการจับกุม โดยอ้างว่าเป็นหลักประกันปล่อยชั่วคราว จำนวน 75,000 บาท และยังเรียกเงินอีก จำนวน 5,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าตอบแทนในการทำสำนวน และอำนวยความสะดวกในการประกันตัว
ต่อมายังได้เรียกเงินจากผู้เสียหายอีกจำนวน 20,000 บาท อ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียมในการทำสำนวนคดี ซึ่งผู้เสียหายได้มอบเงินให้แล้วรวมจำนวน 85,000 บาท คงเหลืออีกจำนวน 15,000 บาท ซึ่งนัดหมายให้ผู้เสียหายนำมามอบให้ในวันที่ 27 มกราคม 2568 ผู้เสียหายเห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องและทำให้ได้รับความเสียหาย จึงได้ร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จนนำไปสู่การร่วมสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงาน ป.ป.ท. และตำรวจภูธรภาค 9
และในวันนี้ (27 มกราคม 2568) พันตำรวจโท นันทกฤษณ์ฯ ได้นัดหมายให้ผู้เสียหายนำเงินจำนวน 15,000 บาท มามอบให้ในรถยนต์ส่วนตัว เจ้าหน้าที่สำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 9 และสำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าจับกุมพันตำรวจโท นันทกฤษณ์ ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นพนักงานสอบสวน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และมาตรา 201
จากการตรวจสอบพบเงินสดจำนวน 15,000 บาท ในรถของ พันตำรวจโท นันทกฤษณ์ฯ เจ้าหน้าที่จึงยึดเงินสดของกลางไว้เป็นหลักฐานในคดีและควบคุมตัว พันตรวจโท นันทกฤษณ์ฯ โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2566 มาตรา 22 และมาตรา 23 และนำตัวผู้ถูกกล่าวหาไปทำบันทึกการจับและสอบปากคำเบื้องต้น ในชั้นนี้ผู้ถูกกล่าวหายังให้การปฏิเสธ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อนึ่งการจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้การอำนวยการของนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ นายทวิชาติ นิลกาญจน์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ภาค 9 นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นายราม วสุธนภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดสงขลา และนายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )