เหตุใดผู้นำหญิงเม็กซิโกจึงได้รับคำชื่นชมจากการจัดการอย่างชาญฉลาดกับทรัมป์และนโยบายสหรัฐฯ ?

ที่มาของภาพ : Getty Pictures

คลอเดีย เชนบาม ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโก

Article data

  • Creator, ดาเนียล ปาร์โด
  • Operate, บีบีซีนิวส์ มุนโด (แผนกภาษาสเปน)
  • Reporting from Mexico City

เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในเดือน พ.ย. 2024 นักวิเคราะห์หลายคนเตือนว่า เม็กซิโกจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจาก “ลัทธิการคุ้มครองการค้า” ของทรัมป์ อันหมายถึงการออกนโยบายเศรษฐกิจที่เน้นกีดกันสินค้าจากประเทศอื่น และแนวนโยบายด้านความมั่นคงและการอพยพระหว่างประเทศที่แข็งกร้าว

เศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศที่มีพรมแดนติดกันยาวประมาณ 3,140 กิโลเมตร เชื่อมร้อยกันอย่างใกล้ชิด โดยชาวเม็กซิโกเป็นกลุ่มผู้อพยพที่เข้าสู่สหรัฐฯ มากที่สุด

เม็กซิโกยังอยู่ในภาวะอันเปราะบางเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านทางเหนือทรงอำนาจอย่างอเมริกา คลอเดีย เชนบาม ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโก สามารถทำงานร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ หยุดแผนการขึ้นภาษีสินค้าบางรายการของเม็กซิโก โดยกล่าวว่า “เป็นการให้เกียรติประธานาธิบดีเชนบาม”

“เราผ่าน การขึ้นภาษีของทรัมป์ มาได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น” เชนบาม ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (2 มี.ค.) ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากในกรุงเม็กซิโกซิตี้ พร้อมตะโกนว่า “¡No estás sola! หรือแปลว่า คุณไม่ได้อยู่คนเดียว”

เชนบาม วัย 62 ปี ได้รับเสียงแซ่ซ้องจากวิธีจัดการกับ ทรัมป์ ในช่วงเวลาที่ผู้นำโลกหลายคนกำลังดิ้นรนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนโยบายต่างประเทศภายใต้การนำของรัฐบาล “ทรัมป์ 2.0”

โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีที่กำลังจะลงจากตำแหน่งอีกไม่นาน กล่าวชื่นชม “ความใจเย็น” และ “ความฉลาด” ของเธอ ในขณะที่ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร แห่งโคลอมเบีย เรียกเธอว่า “ผู้สถาปนาเอกราชของละตินอเมริกา” แม้แต่ สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่างหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ ยังเรียกเธอว่าเป็นเป็นผู้นำของโลก”ผู้รู้ใจทรัมป์” (Trump whisperer)

แต่ เชนบาม ซึ่งเป็นนักการเมืองสายก้าวหน้าและผู้ประกาศตนเป็นนักสตรีนิยม สามารถพลิกบทของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้เป็นโอกาสสำหรับรัฐบาลภายใต้การนำของเธอได้อย่างไร ท่ามกลางความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ?

ที่มาของภาพ : Getty Pictures

ผู้ได้รับรางวัลโนเบล

เธอเป็นที่รู้จักในนามว่า “Doctora” (หรือ ดอกเตอร์) ในเม็กซิโก โดยแนวทางการทำงานการเมืองของ เชนบาม ได้รับการหล่อหลอมจากประสบการณ์ในฐานะนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์

เธอเป็นบุตรสาวของผู้อพยพชาวยิวจากยุโรปตะวันออก เธอเติบโตมาในครอบครัวปัญญาชนฝ่ายซ้ายจากชนชั้นกลางระดับบนของกรุงเม็กซิโกซิตี้ เมืองหลวงของประเทศ

เมื่อครั้งที่ยังเป็นนักศึกษา เธอทำวิจัยเกี่ยวกับการผลิตพลังงานสะอาดในชุมชนพื้นเมือง และเป็นนักรณรงค์ต่อต้านการทุจริตและลัทธิเสรีนิยมใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางทางการเมืองที่สนับสนุนตลาดทุนนิยมเสรีและการยกเลิกกฎระเบียบที่รุงรัง

เส้นทางชีวิตของ เชนบาม พลิกผันเข้าสู่การเมือง จากการเข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหวฝ่ายก้าวหน้าที่นำโดยอดีตประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ เริ่มต้นจากการเป็นเลขาธิการด้านสิ่งแวดล้อมในกรุงเม็กซิโกซิตี้ ก่อนไต่เต้าขึ้นสู่เก้าอี้นายกเทศมนตรีในที่สุด

ในปี 2007 เธอเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์และผู้กำหนดนโยบายที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วม จากผลงานของในคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (Intergovernmental Panel on Climate Switch – IPCC)

ทรัมป์ ให้คำมั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า จะนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นความพยายามระดับโลกที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาอุณหภูมิที่สูงขึ้น มีรายงานว่ารัฐบาลของเขาห้ามไม่ให้นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ เข้าร่วมการประชุม IPCC ในเดือน ก.พ.

ที่มาของภาพ : Getty Pictures

เชนบาม บอกว่า การใช้เฟนทานิลในสหรัฐฯ ลดลง 40% เนื่องจากเกิดการยึดยานี้ในเม็กซิโก

คู่ตรงข้าม 2 ฝั่งของชายแดน

หนึ่งเดือนหลังจากที่ เชนบาม สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของเม็กซิโก ทรัมป์ ชายที่เป็น “ขั้วตรงข้าม” กับเธอในหลาย ๆ ด้าน ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของสหรัฐฯ ประเทศที่อยู่ฝั่งอีกด้านของชายแดน

ทรัมป์ ผู้มีแนวคิดอนุรักษนิยม ชนะการเลือกตั้งด้วยความมุ่งมาดปรารถนาจะปราบปรามประเทศต่าง ๆ ที่เขากล่าวว่าใช้ประโยชน์จากความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของอเมริกา และคาดว่านโยบายของเขาจะส่งผลกระทบต่อเม็กซิโกอย่างหนัก

รายงานของกลุ่มวิจัยสภาแอตแลนติก (Atlantic Council) ระบุว่า สินค้าส่งออกของเม็กซิโก 80% มาจากสหรัฐฯ ส่วนการลงทุนจากสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 44% ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเม็กซิโก 4% มาจากเงินที่ผู้อพยพชาวเม็กซิกันที่ทำงานในต่างประเทศส่งกลับบ้าน

ถึงแม้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะพึ่งพาเม็กซิโกอย่างมาก แต่เพราะขนาดของสหรัฐฯ ทำให้สหรัฐฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากการหยุดชะงักทางการค้าดังกล่าวมากนัก

ที่มาของภาพ : Getty Pictures

เม็กซิโกรอดพ้นจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. เมื่อ เชนบาม ตกลงที่จะส่งทหาร 10,000 นายไปที่ประจำการตลอดชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก

ในเดือน ก.พ. เชนบาม จัดการหลีกเลี่ยงมาตรการขึ้นภาษีศุลกากร 25% ของทรัมป์ ได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน หลังจากที่เธอตกลงจะส่งทหาร 10,000 นาย ไปยังประจำที่ตะเข็บชายแดนทางตอนเหนือเพื่อลดการหลั่งไหลเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายของผู้อพยพ

ในเดือน มี.ค. ทรัมป์ ขู่อีกรอบ แต่คราวนี้ เชนบาม มีบัญชีมาตรการต่าง ๆ เพื่อสนองความต้องการของเขาไว้แล้ว

เม็กซิโกยึดยาเฟนทานิลหลายสิบตัน ยาดังกล่าวคือหนึ่งในสารสังเคราะห์โอปิออยด์ เป็นยาเสพติตที่ออกฤทธิ์ร้ายแรง นี่คืออีกหนึ่งคำขอของทรัมป์ รวมทั้งการจับกุมเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ได้ด้วย

นอกจากนี้ทางการเม็กซิโกยังส่งตัวอาชญากร 29 รายที่อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ต้องสงสัยที่สหรัฐฯ ต้องการตัวมากที่สุดมาหลายปี แต่ในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมองว่า เป็นปฏิบัติการดังกล่าวถือว่าละเมิดกฎหมายของเม็กซิโก

ผลก็คือ เชนบาม สามารถหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรได้อีกครั้งโดยไม่ต้องหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับชายผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก เฉกเช่นผู้นำคนอื่น ๆ

เปลี่ยนการยอมรับข้อเสนอให้เป็นโอกาส

สิ่งที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าในทั้งหมดนี้ก็คือ ประธานาธิบดีเม็กซิโกสามารถการยอมรับข้อเสนอเหล่านี้ให้กลายเป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จได้

ประการแรก เธอเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยในประเทศที่ยังคงเผชิญกับความรุนแรง โดยเฉพาะจากองค์กรอาชญากร

ประการที่สอง เชนบาม ฉวยใช้ประโยชน์จากภัยคุกคามที่ ทรัมป์ประกาศเริ่มต้นการฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตทางเศรษฐกิจ โดยส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ กระตุ้นธุรกิจขนาดกลาง และทำให้เม็กซิโกพึ่งพาสหรัฐฯ น้อยลงในที่สุด

“นโยบายด้านความมั่นคงได้รับการเสริมความแข็งแกร่งและกระเตื้องขึ้นหลังจากแรงกดดันของ ทรัมป์ แต่ไม่ใช่ปฏิกิริยาตอบสนองเพียงอย่างเดียว” กวาเดอลูป กอนซาเลซ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเม็กซิโก กล่าว

“และเรื่องเศรษฐกิจก็เหมือนกัน” เธอกล่าวเสริม

“กลยุทธ์คือการโน้มน้าวสหรัฐฯ ว่าหากต้องการฟื้นคืนขีดความสามารถในการแข่งขันและเสริมสร้างอุตสาหกรรมของตนเอง สหรัฐฯ จำเป็นต้องมีเม็กซิโก” เออร์เนสโต โลเปซ ปอร์ติลโล หัวหน้าโครงการรักษาความปลอดภัยของพลเมือง มหาวิทยาลัยอิเบโรอเมริกานาในกรุงเม็กซิโกซิตี้ กล่าว และเสริมว่า “เชนบาม ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีคนก่อนอย่างรุนแรง ทั้งที่มาจากพรรคเดียวกัน”

แต่เขาเตือนว่า “เม็กซิโกมีปัญหายืดเยื้อเกี่ยวกับการลอยนวลพ้นผิด การกรรโชกทรัพย์ การอุ้มหาย และไม่มีอะไรที่ประธานาธิบดีจะทำเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว”

เม็กซิโกยังคงเป็นสังคมแห่งความเหลื่อมล้ำ การทุจริตคอร์รัปชันยังคงครอบงำการเมือง ประชาชนส่วนใหญ่ทำงานนอกระบบ และมีการแย่งชิงอำนาจของพรรคแกนนำรัฐบาลที่ควบคุมองคาพยพในรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ เชนบาม ได้จัดเทศกาลใหญ่ในใจกลางเมืองอันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหลวงเพื่อเฉลิมฉลอง “ชัยชนะของชาติ”

“เราแข็งแกร่งขึ้นเพราะเราได้รับการสนับสนุนจากประชาชน” เธอกล่าวและว่า “เพราะรัฐบาลและประชาชนไม่สามารถแยกขาดจากกันได้”

เชนบาม ยังไม่พอใจกับคะแนนนิยม 85% ของเธอ และต้องการปลุกกระแสชาตินิยมเพิ่มขึ้น

นี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการทำให้ ทรัมป์ กลายเป็นสินทรัพย์มากกว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อเม็กซิโก