ศาลแขวงขอนแก่นยกฟ้อง ชี้ไม่ต้องรับผิดชอบเพราะไม่ได้ก่อหนี้เอง ผู้บริโภคถูกมิจฉาชีพลวงติดตั้งแอปฯ ปลอม สูญเงินจากบัตรเครดิตกว่าหนึ่งแสน ถูกธนาคารกรุงไทยฯ ฟ้องเรียกชำระหนี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2568 น.ส.จินตนา ศรีนุเดช หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัด สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า หน่วยงานฯ ได้ช่วยเหลือด้านคดีความหลังจากได้รับเรื่องร้องจากผู้บริโภคที่ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าแจ้งให้เปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้าเป็นระบบดิจิทัลและลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมที่สามารถเข้าควบคุมโทรศัพท์มือถือและแอปฯ บัตรเครดิตจากระยะไกล ส่งผลให้มิจฉาชีพสามารถถอนเงินสดจากแอปฯ บัตรเครดิตไปโดยที่เจ้าของบัญชีไม่รู้ตัว
เมื่อทราบว่าถูกลวงลวง ผู้บริโภครีบแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น และติดต่อบัตรกรุงไทยเพื่อยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ทำธุรกรรมเอง อย่างไรก็ตาม ต่อมาบริษัทบัตรเครดิตกลับยื่นฟ้องผู้บริโภคให้ชำระหนี้จำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
ต่อมาศาลแขวงขอนแก่นได้มีคำพิพากษายกฟ้อง กรณีบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ฟ้องผู้บริโภครายหนึ่งชำระหนี้จำนวน 113,263.ninety nine บาท เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ด้าน นายสุรกิจ สิงหะพล เจ้าหน้าที่กฎหมายและคดี สภาผู้บริโภค ได้กล่าวถึง เหตุผลในการยกฟ้องผู้บริโภคอาจสรุปได้ว่า
-
หลังจากเกิดเหตุผู้บริโภครีบแจ้งความที่สถานีตำรวจว่าถูกลวงลวง อาจยืนยันได้ว่าผู้บริโภคได้รีบดำเนินการเมื่อทราบเหตุ
-
ผู้บริโภคอาจถูกขโมยรหัสลับเฉพาะบุคคล (PIN) ผ่านเครื่องมือควบคุมโทรศัพท์เคลื่อนที่ระยะไกล และผู้บริโภคไม่ได้ยินยอมที่จะให้ข้อมูลนั้นกับบุคคลอื่น
ดังนั้น การทำธุรกรรมถอนเงินสดที่เกิดขึ้นจึงอาจไม่ได้เกิดขึ้นโดยที่ผู้บริโภคเป็นผู้ทำรายการด้วยตัวเอง
พร้อมเปิดเผยสาระสำคัญของคำพิพากษา ว่า ศาลได้วินิจฉัยข้อตกลงและเงื่อนไขในคำขอเบิกสินเชื่อที่กำหนดให้ผู้บริโภคต้องรับผิดชอบในธุรกรรมผ่านอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการใช้รหัสประจำตัวของผู้ให้บริการทุกกรณี เป็นข้อตกลงและเงื่อนไขที่ทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบเกินสมควรอันเป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม กับเมื่อผู้บริโภคแจ้งเหตุความเสียหายให้บัตรกรุงไทยและร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนโดยมีหลักฐานยืนยันแล้วจึงเชื่อได้ว่าผู้บริโภคไม่ได้เป็นผู้เบิกถอนเงินสดด้วยตนเอง
“ในคดีนี้ศาลได้พิจารณาว่าผู้บริโภคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมดังกล่าวและไม่ควรต้องรับผิดชอบหนี้ที่เกิดจากการกระทำของมิจฉาชีพ จึงมีคำพิพากษายกฟ้อง หมายความว่า ผู้บริโภคไม่ต้องชำระหนี้ตามที่บริษัทบัตรกรุงไทยฯ ฟ้องร้อง ซึ่งถือเป็นการยืนยันหลักการสำคัญว่าหนี้ที่ไม่ได้เกิดจากการกระทำของผู้บริโภคเอง และธุรกิจไม่ควรนำมาฟ้องร้องบังคับให้ผู้บริโภคชำระหนี้” นายสุรกิจ ระบุ
สำหรับผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายในลักษณะเดียวกัน สภาผู้บริโภคแนะนำว่าให้แจ้งความลงบันทึกประจำวันและแจ้งให้บัตรเครดิตทราบทันทีหากถูกตัดเงินโดยที่ผู้บริโภคไม่ได้ทำรายการด้วยตัวเอง และหากถูกฟ้องร้องไม่ควรไปศาลโดยไม่มีทนายความและไม่ควรทำสัญญายอมรับผิดโดยเด็ดขาด เพราะหนี้ที่เกิดขึ้นอาจมีข้อต่อสู้ทางกฎหมายที่สามารถทำให้ไม่ต้องรับผิดหรือรับผิดน้อยลงได้ การยอมชำระหนี้ไปแล้วอาจทำให้แก้ไขได้ยาก
ดังนั้น หากได้รับหมายศาลหรือคำฟ้อง ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง หรือขอคำปรึกษากับสภาผู้บริโภค ที่เบอร์ 1502 หรือเว็บไซต์ https://criticism.tcc.or.th/criticism ได้ทันที
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )