‘กองทุน CAI’ เทขาย ‘Grand Lot’ หุ้น ‘บางจาก คอร์ปอเรชั่น’ 9% คงเหลือถือหุ้น 4.86% ขณะที่ ‘ทักษิณ’ ขึ้นเวทีงานครบรอบ 50 ปี ‘บมจ.MFC’ หลัง ‘OPUS-CHARTERED ISSUANCES S.A.' เข้าถือหุ้นใหญ่
…………………………………….
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เผยแพร่แบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ว่า CAPITAL ASIA INVESTMENTS PTE LTD หรือ กองทุน CAI ซึ่งเป็นกองทุนสัญชาติสิงคโปร์ รายงานการจำหน่ายหุ้นของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ออกมา 123,923,085 หุ้น คิดเป็น 9% ของหุ้น BCP ทั้งหมด
ส่งผลให้ล่าสุดกองทุน CAI คงเหลือการถือครองหุ้น BCP ในจำนวน 66,936,315 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 4.8612% ของหุ้น BCP ทั้งหมด จากก่อนหน้านี้ที่กองทุน CAI ถือหุ้น BCP จำนวน 190,859,400 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 13.8612% ของหุ้น BCP ทั้งหมด
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รายงานสรุปการซื้อขายกระดานรายใหญ่ (Grand Lot) ว่า มีรายการ Grand Lot หุ้น BCP จำนวน 1 รายการ จำนวน 123 ล้านหุ้น มูลค่า 4,531 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 36.57 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นราคาต่ำกว่าราคาในกระดาน 5%
รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า จากแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ปรากฏข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2567 กองทุน CAI รายงานการได้มาหุ้น BCP ในสัดส่วน 5.9394% ที่ราคาเฉลี่ย 32.37 บาท/หุ้น และต่อมาวันที่ 30 ธ.ค.2567 กองทุน CAI รายงานการได้มาหุ้น BCP ในสัดส่วน 4.0605% ที่ราคาเฉลี่ย 36.5 บาท/หุ้น เมื่อรวมกับหุ้นที่มีอยู่เดิม 5.9394% ทำให้ขณะนั้น กองทุน CAI ถือหุ้น BCP คิดเป็นสัดส่วน 10%
ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่ากลุ่มทุนการเมืองกลุ่มหนึ่งมีความพยายามเข้ามาครอบครองหุ้นของ BCP โดยเข้าซื้อหุ้น BCP ผ่านนอมินี (Nominee) ซึ่งเป็นกองทุนต่างชาติแห่งหนึ่ง ที่มีผู้บริหารเป็นชาวแอฟริกาใต้ ซึ่งใกล้ชิดกับนักการเมืองใหญ่ รวมทั้งมีการเจรจาโน้มน้าวให้กองทุนประกันสังคม ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ BCP ให้ขายหุ้น BCP ที่ถืออยู่ออกมาด้วย
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC ในฐานะหนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง มีกำหนดจัดงาน “The World's Next Opportunities and Past” เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของ MFC ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าว MFC ได้เชิญนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามาร่วมแสดงความเห็นในเวทีเสวนา The World’s Next Opportunities and Past ด้วย
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ ตลท. พบว่า ณ วันที่ 11 มี.ค.2567 ผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรกของ MFC ประกอบด้วย 1.บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในสัดส่วน 24.96% 2.ธนาคารออมสิน ถือหุ้นในสัดส่วน 24.94% 3.กระทรวงการคลัง ถือหุ้นในสัดส่วน 15.92% 4.LGT BANK (SINGAPORE) LTD ถือหุ้นในสัดส่วน 6.02% และ5.นาย ประทักษ์ สุมงคลธนกุล ถือหุ้นในสัดส่วน 3.forty eight%
ต่อมา บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGH รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2567 บริษัทฯได้ดำเนินการขายหุ้นสามัญทั้งหมดในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (MFC) จำนวน 31,357,850 หุ้น หรือคือเป็น 24.96% ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ MFC ให้แก่ OPUS-CHARTERED ISSUANCES S.A. ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติลักเซมเบิร์ก
ขณะที่แบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ที่เกี่ยวกับ MFC ระบุว่า OPUS-CHARTERED ISSUANCES S.A. ได้รายงานการเข้าซื้อหุ้น MFC จำนวน 31,357,850 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 24.9633% จากบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ในราคาหุ้นละ 25 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 156.79 ล้านบาท
อ่านประกอบ :
จับตา‘กลุ่มทุนการเมือง’จ้องฮุบ‘บางจาก’ ส่ง‘นอมินี’ซื้อหุ้น-กล่อม‘ประกันสังคม’ขายต่อ
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )