นับตั้งแต่มนุษย์เดินทางออกนอกแอฟริกาและแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ทว่ามีภูมิภาคแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนต้องใช้เวลายาวนานกว่ามนุษย์กลุ่มแรกจะเดินทางมาถึงนั่นคือ ทวีปอเมริกา(ทั้งเหนือและใต้) ที่ได้กลายเป็นสถานที่สุดท้ายที่มนุษย์โบราณอาศัยอยู่
.
อย่างไรก็ตามคำถามที่ว่าพวกเขาเดินทางมาถึง ‘เมื่อไหร่’ กันแน่ยังเป็นที่ถกเถียงและไม่ค่อยเข้าใจดีนัก ก่อนหน้านี้มีการประเมินเบื้องต้นว่าน่าจะอยู่ที่ 13,000 ปีก่อนไปจนถึง 20,000 ปีก่อน กระนั้นก็ยังขาดหลักฐานทางโบราณคดีที่จะชี้ชัดลงไปว่าเป็นเวลาช่วงใดกันแน่ ทำให้ยังเกิดความสับสนอยู่เป็นจำนวนมาก จนกระทั้งกระดูกของอาร์มาดิโลยักษ์ เข้ามาเติมเต็มช่องว่างของข้อมูล และอาจทำให้นักวิทยาศาสตร์เห็นภาพรวมของช่วงเวลาในอดีตได้ชัดเจนขึ้น
.
ตามรายงานใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร PLOS ONE ทีมวิจัยได้ค้นพบสิ่งมีชีวิตที่คล้ายอาร์มาดิลโลขนาดยักษ์ หลังจากที่รถขุดดินได้พบกระดูกสันหลังและกระดูกเชิงกรานของมันที่ริมฝั่งแม่น้ำเรกองกิสตาในเขตมหานครบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา
.
การตรวจสอบเบื้องต้นให้ข้อมูลว่าสัตว์ชนิดนี้มีน้ำหนักราว 300 กิโลกรัม ยาว 1.8 เมตรและมีเกล็ดหุ้มเกราะปกคลุมอยู่เต็มตัว ทีมวิจัยระบุว่ามันคืออาร์มาดิลที่สูญพันธุ์ไปแล้วที่เรียกว่า ‘นีโอสเคลอโรคาลิปตัส’ (Neosclerocalyptus) ซึ่งเป็นอาร์มาดิลโลที่เล็กที่สุดในขณะนั้น แต่ก็ยังมหึมาเมื่อเทียบกับปัจจุบัน
.
การระบุอายุด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสีชี้ว่า สัตว์ตัวนี้เสียชีวิตไปเมื่อระหว่าง 20,811 ถึง 21,090 ปี ซึ่งในตอนแรกทีมวิจัยไม่พบหลักฐานว่ามันเสียชีวิตเพราะอะไรกันแน่ แต่ระหว่างการทำความสะอาดกระดูกอย่างระมัดระวัง พวกเขาก็พบรอยแผลตรง 32 รอย ซึ่งไม่ใช่การโดนกัดแทะจากสัตว์ฟันแทะ สัตว์กินเนื้อ หรืออุบัติเหตุอย่างแน่นอน
.
ทีมวิจัยจึงเปรียบเทียบรูปร่างของรอยแผลกับรอยที่น่าจะเกิดจากเครื่องมือหิน ไม่เพียงเท่านั้นร่องรอยเหล่านี้ดูเหมือนมุ่งเน้นไปยังบริเวณที่มีเนื้อของสัตว์อยู่มากที่สุด
.
“รอยแผลไม่ได้กระจายอยู่แบบสุ่ม แต่เน้นไปที่โครงกระดูกที่มีกล้ามเนื้อขนาดใหญ่เช่น กระดูกเชิงกรานและหาง” ทีมวิจัย กล่าว ดังนั้นจึงเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า มนุษย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มันเสียชีวิตหรืออย่างน้อยมนุษย์ก็เป็นผู้ตัดเฉือนเนื้อของอาร์มาดิลโลตัวนี้
.
อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่ https://ngthai.com/history/77229/early-human-extensive-armadillo/
.
#NationalGeographicThailand #มนุษย์โบราณ
RSS)
ที่มา : Nationwide Geographic Thailand's