เปิดโปงนักพอดแคสต์เบอร์ต้น ๆ ของโลก ขยายวงข่าวปลอมด้านสุขภาพอย่างไร
Article info
- Creator, แจ็กกี เวคฟีลด์
- Role, บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส
ทีมสืบสวนของบีบีซีพบว่า สตีเวน บาร์ตเลตต์ พิธีกรรายการ “Diary of a CEO” กำลังเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนด้านสุขภาพที่เป็นอันตรายผ่านพอดแคสต์ซึ่งติดอันดับหนึ่งของเขา
คำกล่าวอ้างล่าสุดจากแขกรับเชิญของเขา เช่นการอ้างว่ามะเร็งสามารถรักษาได้ด้วยการกินอาหารคีโตแทนการใช้วิธีการรักษาที่พิสูจน์แล้วทางการแพทย์ ถูกเผยแพร่โดยแทบไม่มีการตั้งคำถามหรือการคัดค้านใด ๆ
ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลกับบีบีซีว่าการไม่ตั้งคำถามต่อข้ออ้างที่พิสูจน์แล้วว่าไม่ถูกต้องเหล่านี้เป็นเรื่องอันตราย เนื่องจากจะบั่นทอนความเชื่อมั่นในวงการแพทย์แผนปัจจุบัน
จากการวิเคราะห์พอดแคสต์ 15 ตอนที่เกี่ยวกับสุขภาพ บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส พบว่า แต่ละตอนมีข้อมูลด้านสุขภาพที่เป็นอันตรายและขัดแย้งกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในวงกว้างเฉลี่ยถึง 14 ข้อ
Flight Studio บริษัทผลิตพอดแคสต์ของบาร์ตเลตต์ระบุว่า แขกรับเชิญได้รับ “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น” และมีการ “ค้นคว้าอย่างละเอียด” แล้ว
Skip เรื่องแนะนำ and proceed readingเรื่องแนะนำ
Pause of เรื่องแนะนำ
พอดแคสต์ของบาร์ตเลตต์เริ่มต้นขึ้นในปี 2017 โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ประกอบการและธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลก รายการของเขาติดอันดับต้น ๆ อย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ เช่น ไนจีเรีย อินเดีย และเม็กซิโก
ความนิยมยื่งพุ่งสูงขึ้นเมื่อบุคคลมีชื่อเสียง อาทิ นักร้องชาวอังกฤษ เลียม เพย์น และผู้ก่อตั้ง Airbnb ไบรอัน เชสกี้ ได้มาแบ่งปันเคล็ดลับความสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา บาร์ตเลตต์ได้หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยแขกรับเชิญถูกนำเสนอในฐานะผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในสาขาของตน โดยทัศนะของพวกเขาแทบไม่ได้รับการทักท้วงใด ๆ
บทสัมภาษณ์เหล่านี้ยังถูกนำไปเผยแพร่ในช่องยูทูบของบาร์ตเลตต์ ซึ่งมีผู้ติดตามมากถึง 8.6 ล้านคน ตั้งแต่มีการปรับเนื้อหาในปีที่แล้ว ยอดเข้าชมรายเดือนเพิ่มขึ้นจาก 9 ล้าน เป็น 15 ล้านครั้ง
บาร์ตเลตต์ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Times เมื่อเดือน เม.ย. ว่า เขาคาดว่าพอดแคสต์ของเขาจะทำรายได้ 20 ล้านปอนด์ (ราว 864 ล้านบาท) ในปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากค่าโฆษณา
เราตรวจสอบพอคแคสต์ตอนที่เกี่ยวกับสุขภาพจำนวน 23 ตอนซึ่งเผยแพร่ตั้งแต่เดือน เม.ย. ถึงเดือน พ.ย. ปีนี้ โดยทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ 4 ท่าน ในจำนวนนี้มี 15 ตอนที่มีข้อมูลอ้างอิงที่อาจเป็นอันตราย
ผู้เชี่ยวชาญที่เราพูดคุยด้วยได้แก่ ศาสตราจารย์ เดวิด ไกรมส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยมะเร็ง, ศาสตราจารย์ ไฮดี ลาร์สัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข, ดร. พาธา คาร์ ที่ปรึกษาด้านโรคเบาหวานของ NHS และ ดร. ลิซ โอ'เรียร์ดอน ศัลยแพทย์
เราบันทึกคำแนะนำกล่าวอ้างที่เป็นอันตรายโดยพิจารณาว่า หากคำแนะนำนั้นถูกนำไปปฏิบัติจริง อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ
ภายในช่วงเวลา 18 เดือนที่เราศึกษา เราพบว่า แม้ว่าแขกรับเชิญบางคนที่ถูกนำเสนอว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจะให้ข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ส่วนใหญ่กลับเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน เช่น
- ทฤษฎีสมคบคิดต่อต้านวัคซีน โดยอ้างว่าโควิดเป็นอาวุธชีวภาพที่ถูกสร้างขึ้น
- การอ้างว่าสามารถ “ย้อนสภาพ” โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) ออทิสซึม และความผิดปกติอื่น ๆ ได้ด้วยการควบคุมอาหาร
- การระบุว่าการใช้ยาตามหลักฐานทางการแพทย์เป็น “พิษ” ต่อผู้ป่วย และลดทอนความสำเร็จของการรักษาที่พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ
“นักพอดแคสอาจอ้างว่าตนเองกำลังแบ่งปันข้อมูล แต่ที่จริงแล้วพวกเขากำลังแพร่กระจายข้อมูลที่บิดเบือนและเป็นอันตราย” ศาสตราจารย์เดวิด ไกรมส์ จากวิทยาลัยทรินิตี้ ดับลิน กล่าว
“ทั้งสองสิ่งนี้ต่างกันมากและไม่ได้ส่งเสริมผู้ฟัง หากแต่กำลังทำให้สุขภาพของเราทุกคนตกอยู่ในอันตราย” เขากล่าวเสริม
วงการพอดแคสต์ในสหราชอาณาจักรไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานควบคุมสื่อที่กำหนดกฎเกี่ยวกับความถูกต้องและความเป็นกลาง ดังนั้นบาร์ตเลตต์จึงไม่ได้ละเมิดกฎการออกอากาศใด ๆ
ในตอนหนึ่งที่ออกอากาศเมื่อเดือน ก.ค. บาร์ตเลตต์ได้พูดคุยกับ ดร.อาซีม มาลฮอทรา แพทย์ที่มีชื่อเสียงในช่วงการระบาดใหญ่จากการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับวัคซีนโควิด
ในตอนนั้น ดร.มาลฮอทรากล่าวว่า “วัคซีนโควิดเป็นผลลบสุทธิต่อสังคม” อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ขององค์การอนามัยโลกแสดงให้เห็นว่าวัคซีนช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมากในช่วงการแพร่ระบาด
เมื่อจบตอนดังกล่าว บาร์ตเลตต์ซึ่งไม่มีพื้นฐานทางการแพทย์ได้ให้เหตุผลว่าการออกอากาศแนวคิดที่ถูกหักล้างไปแล้วนั้นเพื่อ “นำเสนอมุมมองอีกด้านหนึ่ง” เนื่องจาก “ความจริงมักอยู่ตรงกลาง”
เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า: “แนวคิดของกลุ่มเรียกร้องสิทธิในการเลือกตั้งสตรี (suffragettes) คานธี และมาร์ติน ลูเธอร์ คิง ก็เคยถูกตอบรับอย่างเลวร้ายเช่นกัน… ดังนั้นเราต้องถ่อมตนเพราะบางแนวคิดที่สำคัญอาจกระตุ้นเร้าอารมณ์เราได้ แต่ก็ไม่ควรถูกเซ็นเซอร์”
ดร.มาลฮอทราบอกกับบีบีซีประกอบการสืบสวนของเราว่า เขา “ยอมรับอย่างเต็มที่ว่ายังมีบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับมุมมอง[ของเขา]” และเสริมว่า “แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามุมมองของเขาถูกพิสูจน์ว่าผิด”
ในพอดแคสต์หลายตอน แขกรับเชิญอ้างว่าพวกเขารู้วิธีแก้ปัญหาสุขภาพอย่างง่าย ๆ ที่สถาบันกระแสหลักปกปิดไว้ไม่ให้สาธารณชนรับรู้ พวกเขามักใช้โอกาสนี้ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์ของตนเองด้วย
ดร.โธมัส เซย์ฟรีด นักวิจัยด้านมะเร็งปรากฏตัวในพอดแคสต์เมื่อเดือน ต.ค. เขาเป็นผู้สนับสนุนการใช้ “คีโตไดเอท” ซึ่งเป็นการรับประทานอาหารที่คาร์โบไฮเดรตต่ำและไขมันสูง เพื่อรักษามะเร็ง
อย่างไรก็ตาม ศ.ไกรมส์บอกกับเราว่า แพทย์เตือนผู้ป่วยไม่ให้จำกัดอาหารในขณะที่เข้ารับการรักษามะเร็ง
“คุณอาจป่วยหนักมากขึ้นจริง ๆ และมีผลลัพธ์ทางสุขภาพที่แย่ลงมาก เมื่อเทียบกับการทำตามคำแนะนำที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกรับรอง” เขากล่าว
ในพอดแคสต์ ดร.เซย์ฟรีด ยังกล่าวอ้างว่าการฉายรังสีและเคมีบำบัดช่วยยืดอายุผู้ป่วยได้เพียง 1-2 เดือนเท่านั้น และเปรียบเทียบการรักษามะเร็งสมัยใหม่ว่าเป็นเหมือน “การรักษาในยุคกลาง”
บาร์ตเลตต์ไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ ต่อคำกล่าวอ้างนี้
สถิติจากสถานบันวิจัยมะเร็งของสหราชอาณาจักร (Most cancers Overview UK) ระบุว่า อัตราการรอดชีวิตจากมะเร็งในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ส่วนในสหรัฐอเมริกา อัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งลดลง 33% ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา อันเป็นผลมาจากการรักษาทางการแพทย์สมัยใหม่
ดร.โธมัส เซย์ฟรีด บอกกับเราว่า เขา “ยืนยันในคำกล่าวที่ให้ไว้ระหว่างการสัมภาษณ์”
ศ.ไฮดี ลาร์สัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขกล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาที่แขกรับเชิญเหล่านี้นำเสนอมีความน่าดึงดูดสำหรับผู้ฟัง เพราะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่จับต้องได้และไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาแผนปัจจุบัน
“แต่พวกเขากำลังก้าวล้ำขอบเขตเกินไป มันทำให้ผู้คนหันหลังให้กับการแพทย์ที่มีหลักฐานรองรับ พวกเขาหยุดทำสิ่งที่อาจมีผลข้างเคียงบ้าง แต่อาจช่วยชีวิตพวกเขาได้”
เซซีล ซิมมอนส์ จาก Institute of Strategic Dialogue องค์กรคลังสมองที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยข้อมูลบิดเบือน เชื่อว่าคอนเทนต์ลักษณะนี้ช่วยเพิ่มผู้ฟังได้
“คอนเทนต์เกี่ยวกับสุขภาพที่ใช้พาดหัวชวนหวาดกลัวมักได้ผลดีทางออนไลน์ ด้วยการที่อัลกอริทึมช่วยขยายการเข้าถึง” เธอกล่าว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บาร์ตเลตต์เคยเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาด้านสุขภาพที่น่าสงสัย
ในเดือน ม.ค. ในรายการ Dragons' Den ของบีบีซี รายการที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่มาเสนอไอเดียธุรกิจแก่กลุ่มนักลงทุนระดับมัลติมิลเลียนแนร์ 5 คน รวมถึงบาร์ตเลตต์
เขาได้ลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า “Ear Seeds” ซึ่งเป็นเม็ดสำหรับกดจุดฝังในหู โดยกล่าวอ้างอย่างผิด ๆ ว่าสามารถรักษาอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง หรือ myalgic encephalomyelitis (ME) ได้
หลังมีการร้องเรียนบีบีซีได้เพิ่มคำชี้แจงในตอนดังกล่าว ระบุว่า “Ear Seeds” ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อรักษาโรค และควรปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์สำหรับ ME
บาร์ตเลตต์ ยังเป็นนักลงทุนใน Huel บริษัทผลิตอาหารทดแทน และ Zoe ผลิตภัณฑ์ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
“เขามีส่วนได้ส่วนเสียทางการเงินในบริษัทสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และเมื่อคุณมีผลประโยชน์ทางการเงิน คุณก็จะมีความสนใจเพิ่มเติมในการมุ่งเน้นไปยังสุขภาพและโภชนาการ” เซซีล ซิมมอนส์กล่าว
ล่าสุด บีบีซีพบว่า โฆษณาบนเฟซบุ๊ก สองรายการซึ่งมีบาร์ตเลตต์ปรากฏอยู่ถูกสั่งห้ามโดยหน่วยงานกำกับดูแลการโฆษณา (ASA) เนื่องจากโฆษณาผลิตภัณฑ์ Huel และ Zoe สองรายการนี้โดยไม่เปิดเผยว่าเขาเป็นนักลงทุน
ผู้ก่อตั้งทั้งสองบริษัทเคยได้รับเชิญเป็นแขกรับเชิญในพอดแคสต์ The Diary of a CEO มาก่อนหน้านี้
โฆษกของ Flight Studio บริษัทโปรดักชั่นของบาร์ตเลตต์ระบุว่า: “The Diary of a CEO [DOAC] เป็นพื้นที่พูดคุยที่เปิดกว้างและลงลึก มีการสนทนากับผู้ที่ได้รับคัดเลือกมาจากผลงานหรือประสบการณ์ชีวิตอันโดดเด่นและมีผลกระทบสำคัญ”
พวกรับฟังเสียงจากหลายแง่มุม ไม่ใช่แค่คนที่บาร์ตเลตต์และทีม DOAC เห็นด้วยเท่านั้น พร้อมเสริมว่าทีมบีบีซีได้ตรวจสอบเพียง “แขกรับเชิญเพียงส่วนน้อย” จากทั้งหมดเกือบ 400 ตอนที่ออกอากาศจนถึงปัจจุบัน
ที่มา BBC.co.uk