ชื่อใหม่ ทิ้งรูปถ่าย ‘จีเซล เพเลคอต' หญิงฝรั่งเศส ล้างร่องรอยสามีผู้วางยาข่มขืนหมู่ออกจากชีวิต
Article data
- Creator, ลอรา กอซซี
- Map, บีบีซีนิวส์
คำเตือน รายงานนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการละเมิดทางเพศ
มันเป็นเดือน พ.ย. ในปี 2021 จีเซล เพเลคอต ใช้เวลากับการนอนมากเกินไป
เวลาส่วนใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์ของเธอหมดไปกับการหลับใหล เธอรู้สึกรำคาญ เพราะในระหว่างสัปดาห์เธอทำงานอย่างหนักในฐานะผู้จัดการฝ่ายซัพพลายเชน นั่นทำให้เวลาว่างของเธอมีค่ามาก
ทว่าดูเหมือนเธอไม่ค่อยจะตื่นตัวเทาไร ใจคอมักล่องลอยไปโดยไม่รู้ตัว และไม่มีความทรงจำว่าได้เข้านอนแล้ว
แต่ถึงกระนั้นจีเซล ในวัย 58 ปี ก็ยังมีความสุข เธอนับว่าตัวเองโชคดีที่มีโดมินิก เพเลคอต สามีที่อยู่ข้าง ๆ เธอมา 38 ปี ตอนนี้ลูกทั้ง 3 คนของพวกเขา แครอลีน, เดวิด, ฟลอเรน เติบโตแล้ว ทั้งคู่วางแผนจะเกษียณอายุเร็ว ๆ นี้และย้ายไปที่มาซาน หมู่บ้านที่มีประชากร 6,000 คน ในโพรวองซ์ ดินแดนงดงามทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งนางเพเลคอตสามารถขี่จักรยาน และสามารถพาลังโคม สุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกไปเดินเล่นได้
Skip เรื่องแนะนำ and continue readingเรื่องแนะนำ
Stop of เรื่องแนะนำ
เธอตกหลุมรัก โดมินิก ตั้งแต่ทั้งคู่ได้พบกันในช่วงต้นทศวรรษ 1970
“เมื่อฉันเห็นชายหนุ่มในชุดจัมเปอร์สีน้ำเงิน ก็รู้เลยว่ามันคือรักแรกพบ” จีเซล หวนคิดถึงวันวานเมื่อนานมาแล้ว
ทั้งสองคนมีประวัติครอบครัวที่ซับซ้อนซึ่งเกิดจากความสูญเสียและเกิดภาวะบอบช้ำทางจิตใจ ก่อนได้พบความสุขสงบเพราะมีกันและกัน
4 ทศวรรษของการเป็นคู่ชีวิต พวกเขาเผชิญกับปัญหาทางการเงินบ่อยครั้ง และมีปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเพื่อนร่วมงานในช่วงกลางทศวรรษ 1980 แต่พวกเขาก็ผ่านมันมาได้
หลายปีต่อมา เมื่อทนายความขอให้สรุปความสัมพันธ์กับสามี เธอกล่าวว่า “เพื่อน ๆ เคยบอกว่าเราเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และฉันคิดว่าเราคงจะได้เห็นการผ่านพ้นช่วงเวลาต่างๆ ไปด้วยกัน”
เมื่อถึงจุดหนึ่ง จีเซล และโดมินิก นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันภายในห้องพิจารณาคดีเมืองอาวีญง (Avignon) ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากมาซาน โดยมีลูก ๆ และทนายความรายล้อมรอบตัวเธอ ขณะที่สามีสวมชุดสีเทาของผู้ต้องขังในเรือนจำ นั่งอยู่ในคอกจำเลย
เขากำลังเผชิญโทษจำคุกสูงสุดจากคดีข่มขืนที่รุนแรง และเป็นที่รู้จักในฝรั่งเศสและที่อื่น ๆ ดังคำกล่าวของบุตรสาวของนายเพเลคอตที่ว่า “เป็นหนึ่งในนักล่าทางเพศที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 20 ปี”
ในปี 2011 ตอนที่ จีเซล รู้สึกว่าเธอนอนมากเกินไป เธอไม่อาจคาดเดาได้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
เธอไม่รู้เลยว่าในช่วงอายุ 50 ปีปลาย ๆ แล้วและกำลังย่างสู่วัยเกษียณ สามีของเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ท่องอินเทอร์เน็ต โดยมักพูดคุยกับชาวเน็ตในวงเปิดและห้องสนทนาเปิด ซึ่งมีเนื้อหาทางเพศที่มักมีความรุนแรงหรือผิดกฎหมาย ซึ่งสามารถเข้าถึงได้อย่างอิสระ
ในระหว่างขึ้นศาล โดมินิก กล่าวว่า ช่วงเวลาที่เป็นชนวนเหตุแห่ง “ความวิปริต” เกิดขึ้นหลังจากเขาเคยถูกข่มขืนและทารุณกรรมในวัยเด็ก
“เรากลายเป็นพวกกามวิตถารเมื่อพบวิธีการบางอย่างในอินเทอร์เน็ต”
ในระหว่างปี 2010-2011 ชายคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นบุรุษพยาบาลส่งรูปถ่ายของภรรยาของเขาที่ถูกวางยานอนหลับจนหมดสติไป และยังแบ่งปันคำแนะนำต่าง ๆ อย่างชัดเจนให้แก่นายโดมินิกเพื่อให้เขาทำแบบเดียวกันกับจีเซล
ตอนแรกเขาลังเล แต่ก็ไม่นาน
หลังจากลองผิดลองถูก เขาตระหนักว่าการใช้ยาในปริมาณที่เหมาะสมสามารถทำให้ภรรยาหลับลึกจนไม่มีอะไรมาปลุกเธอได้ พวกเขาได้รับการใบสั่งยาถูกกฎหมาย โดยแพทย์ของเขาคิดว่านายโดมินิกต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะวิตกกังวล เนื่องจากปัญหาทางการเงิน
จากนั้นเขาก็สามารถจัดแจงให้ภรรยาใส่ชุดชั้นในที่เธอไม่ยอมสวมใส่เวลามีเซ็กส์ตอนมีสติ และสามารถถ่ายทำฉากต่าง ๆ ซึ่งไม่เธอไม่ยินยอมให้ถ่ายทำในยามตื่น
ตอนแรกเขาเป็นคนเดียวที่ข่มขืนเธอ แต่เมื่อทั้งคู่ย้ายมาตั้งรกรากที่เมืองมาซานในปี 2014 เขาก็ปรับรูปแบบและขยายปฏิบัติการได้อย่างสมบูรณ์
เขาเก็บยากล่อมประสาทไว้ในกล่องรองเท้าภายในโรงรถ และเปลี่ยนยี่ห้อใหม่เพราะอันแรกมีรสชาติ “เค็มเกินไป” จนต้องแอบใส่ในอาหารและเครื่องดื่มของภรรยา
ในห้องสนทนาที่เรียกว่า “โดยที่เธอไม่รู้” เขาคัดเลือกผู้ชายทุกวัยมาข่มเหงภรรยาตัวเอง และถ่ายทำผู้เข้าฉากเอาไว้ด้วย
เขาให้การในศาลว่า ภรรยาสิ้นสติสมประดีแล้วในตอนที่ชาย 71 คน มาถึงบ้านของพวกเขาตลอดระยะเวลาหนึ่งทศวรรษ “คุณก็เหมือนกับผม คุณชอบโหมดข่มขืน” เขาบอกกับใครคนหนึ่งในห้องแชท
หลายปีผ่านไป ผลของการละเมิดที่นางจีเซลตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัวในช่วงเวลากลางคืน เริ่มส่งผลต่อชีวิตยามตื่นของเธอ เธอน้ำหนักลด ผมร่วงเป็นกระจุก และหน้ามืดอยู่บ่อย ๆ จนเกิดอาการวิตกกังวลว่าตัวเองใกล้ตายหรือเปล่า
ครอบครัวของเธอเริ่มกังวล แต่เธอกลับดูมีสุขภาพดีและสดใสเมื่อมาเยี่ยมพวกเขาที่บ้าน
“เราจะโทรหาเธอ แต่ส่วนใหญ่เป็นโดมินิกที่รับสาย เขาจะบอกว่าจีเซลหลับอยู่ แม้เป็นเวลากลางวันก็ตาม” ปิแอร์ ลูกเขยของเธอกล่าว “แต่เราคิดว่าอาจเพราะเธอทำหลายอย่าง [ตอนที่เธออยู่กับเรา] โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิ่งไล่ตามหลาน ๆ”
การไปสถานีตำรวจทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป
บางครั้งจีเซลก็เกือบจะสงสัย ครั้งหนึ่งเธอสังเกตเห็นสีเขียวในเบียร์ที่สามีหยิบยื่นให้เธอ จึงรีบเทมันลงในอ่างล้างจาน อีกครั้งหนึ่ง เธอสังเกตเห็นคราบน้ำยาฟอกขาวที่เธอจำไม่ได้ว่าเกิดจากกางเกงตัวใหม่ “คุณไม่ได้วางยาฉันโดยบังเอิญใช่ไหม” เธอจำได้ว่าถามเขา เขาหลั่งน้ำตาก่อนบอกว่า “คุณกล่าวหาผมเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร”
แต่ส่วนใหญ่แล้ว เธอรู้สึกโชคดีที่มีเขาอยู่ด้วยในห้วงที่ต้องจัดการกับปัญหาสุขภาพ เธอมีปัญหาทางนรีเวช และเข้ารับการทดสอบทางระบบประสาทหลายครั้งเพื่อดูว่าเธอเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือเนื้องอกในสมองตามที่เธอกลัวหรือไม่ แต่ผลที่ออกมาไม่ได้ช่วยอธิบายความเหนื่อยล้าที่เพิ่มขึ้นและอาการหมดสติ
หลายปีต่อมา ในระหว่างการพิจารณาคดี โจเอล น้องชายของโดมินิก ซึ่งเป็นแพทย์ ถูกถามว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ไม่เคยรวบรวมเบาะแสและรู้ว่าจีเซลเป็นเหยื่อของการให้สารเคมีที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก นั่นคือ การข่มขืนโดยใช้ยา
“ในทางการแพทย์ เราพบแต่สิ่งที่เรากำลังมองหา และเรามองหาสิ่งที่เรารู้” เขาตอบ
จีเซล รู้สึกดีขึ้นเมื่อออกจากเมืองมาซาน ซึ่งเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่เธอแทบไม่สังเกตเห็น
ในเดือน ก.ย. 2020 หลังเธอกลับจากการเดินทาง โดมินิก มาบอกกับเธอทั้งน้ำตาว่า “ผมทำอะไรโง่ ๆ ผมถูกจับได้ว่าแอบถ่ายใต้เสื้อผ้าผู้หญิงในซูเปอร์มาร์เก็ต” เธอเล่าระหว่างการพิจารณาคดี
เธอรู้สึกแปลกใจมาก เพราะ “ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยประพฤติตัวไม่เหมาะสมหรือใช้คำพูดหยาบคายต่อผู้หญิงเลย”
เธอบอกว่าเธอยกโทษให้สามี แต่ขอให้เขาสัญญากับเธอว่าจะขอความช่วยเหลือ เขาตอบรับ “และเราก็ทิ้งมันไว้อย่างนั้น” เธอกล่าว
แต่โดมินิกคงรู้ว่าเวลาอวสานใกล้เข้ามาแล้ว
ไม่นานหลังจาก โดมินิกถูกจับกุมในซูเปอร์มาร์เก็ต ตำรวจยึดโทรศัพท์ 2 เครื่อง และแล็ปท็อปของเขา จึงพบวิดีโอและรูปถ่ายของจีเซลที่ถูกเขาและคนอื่น ๆ ข่มขืนมากกว่า 20,000 รายการอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“ผมดูวิดีโอเหล่านั้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง มันน่าหนักอก แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบต่อผม” เจเรมี บอสเซ ปลาติแยร์ หัวหน้าทีมสืบสวน กล่าวกับศาล
“ในช่วง 33 ปีที่เป็นตำรวจ ผมไม่เคยเห็นเรื่องแบบนั้นมาก่อน” สเตฟาน กัล เพื่อนร่วมทีมของเขาบอก และว่า “มันสกปรก มันน่าตกใจ”
ทีมสืบสวนได้รับมอบหมายให้ติดตามตัวชายในวิดีโอ พวกเขาตรวจสอบใบหน้าและชื่อของคนเหล่านั้นซึ่งโดมินิกบันทึกไว้อย่างระมัดระวัง และตรวจสอบควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถระบุตัวตนได้ 54 คน ขณะที่อีก 21 คนยังหาชื่อไม่ได้
ชายบางคนที่ยังระบุชื่อไม่ได้ กล่าวในห้องสนทนากับโดมินิกว่าพวกเขาถูกวางยาคู่กัน “สำหรับผม นั่นเป็นส่วนที่เจ็บปวดที่สุดของคดีนี้” บอสเซ ปลาติแยร์ กล่าว “เมื่อรู้ว่าผู้หญิงอีกคนเป็นเหยื่อของสามี”
2 พ.ย. 2020 โดมินิก และ จีเซล รับประทานอาหารเช้าร่วมกันก่อนมุ่งหน้าไปยังสถานีตำรวจ ซึ่งนายโดมินิกถูกเรียกตัวไปพบพนักงานสอบสวนในคดีเกี่ยวข้องกับเหตุแอบถ่ายใต้กระโปรง ตำรวจขอให้จีเซล เข้าไปอีกห้องหนึ่ง เธอยืนยันว่าโดมิก ผู้เป็นสามีของเธอ “เป็นคนดี” แต่ปฏิเสธว่าไม่เคยมีส่วนร่วมในการมีเซ็กส์หมู่ 3 คน
“ผมจะต้องโชว์ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ” ผู้กำกับสถานีตำรวจเตือนเธอ ก่อนแสดงภาพกิจกรรมทางเพศให้จีเซลดู
ตอนแรกเธอไม่รู้จักทั้ง 2 คนเลย แต่ต่อมาเธอ “บอกให้เขาหยุด… ทุกอย่างพังทลายลง ทุกสิ่งที่ฉันสร้างขึ้นมา 50 ปี”
จีเซลในสภาพตื่นตระหนก ถูกส่งตัวกลับบ้านพร้อมเพื่อนคนหนึ่ง เธอจำต้องบอกให้ลูก ๆ ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
“เสียงกรีดร้องของลูกสาวของเธอยังหลอกหลอนและติดอยู่ในใจฉันตลอดไป” จีเซล หวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น
แคโรไลน์ เดวิด และฟลอเรนซ์ เดินทางมายังเมืองมาซานเพื่อตรวจสอบบ้าน และพบรูปถ่ายของแคโรไลน์ ในสภาพคล้ายถูกวางยา อยู่ในแล็ปท็อปของโดมินิก ถึงแม้เขาจะปฏิเสธว่าไม่ได้ล่วงละเมิดเธอก็ตาม
“คุณไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
เดวิด ลูกคนโตของทั้งคู่ กล่าวว่าพวกเขาไม่มีรูปถ่ายครอบครัวหลงเหลืออยู่อีกต่อไป เพราะพวกเขา “กำจัดทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพ่อ” ภายในไม่กี่วัน ชีวิตของจีเซลเหลือเพียงกระเป๋าเดินทางและสุนัขของเธอ
ในขณะเดียวกัน โดมินิกยอมรับสารภาพว่าทำความผิด และถูกจับกุมอย่างเป็นทางการ ได้กล่าวขอบคุณตำรวจที่ “เอาภาระนี้ออกไปจากเขา”
สองสามีภรรยาไม่ได้พบกันอีก จนกระทั่งพวกเขาจะนั่งเผชิญหน้ากันในห้องพิจารณาคดีอาวีญงในเดือน ก.ย. 2024
เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวของสามีที่วางยาภรรยาของเขามาเป็นเวลากว่าทศวรรษและเชิญคนแปลกหน้ามาข่มขืนเธอถูกกระพือข่าวไปทั่วโลก ด้วยการตัดสินใจอันน่าทึ่งของ จีเซล ในการสละสิทธิในการไม่เปิดเผยตัวตนและเปิดให้มีการพิจารณาคดีต่อสาธารณชนและสื่อต่าง ๆ
“ฉันอยากให้ผู้หญิงคนไหนก็ตามที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งโดยไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคืนก่อนหน้า จำสิ่งที่ฉันพูดได้” เธอกล่าว “เพื่อไม่ให้ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อของสารเคมีอีกต่อไป ฉันถูกบูชายัญบนแท่นบูชาแห่งความชั่วร้าย และเราจำเป็นต้องพูดคุยกันในเรื่องนี้”
ทีมกฎหมายของเธอยังผลักดันให้มีการเปิดวิดีโอที่ถูกแอบถ่ายไว้กลางศาล เพื่อใช้เป็นหลักฐานตีตก “ข้อต่อสู้ของจำเลยเกี่ยวกับการข่มขืนโดยไม่ได้ตั้งใจ” ซึ่งกลุ่มจำเลยจะใช้อ้างว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจข่มขืนจีเซล เพราะไม่ทราบว่าเธออยู่ในสภาพที่ไม่มีสติ
“เธอต้องการใช้ความละอายเปลี่ยนวิธีคิด และมันก็เป็นเช่นนั้น” ผู้หญิงคนหนึ่งที่เข้าร่วมสังเกตการณ์การพิจารณาคดีในเมืองอาวีญงกล่าวเมื่อเดือน พ.ย. “จีเซลพลิกมุมคิด เราไม่ได้คาดหวังว่าจะมีผู้หญิงแบบนี้”
แอนน์ มาร์ตินาต์ แซงต์-เบิฟ ผู้ตรวจสอบทางการแพทย์ กล่าวว่า หลังการจับกุมสามีของเธอ จีเซล ได้รับความบอบช้ำทางจิตใจอย่างชัดเจน แต่มีท่าทีสงบและปลีกวิเวก ซึ่งเป็นกลไกการป้องกันตัวเอง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับผู้รอดชีวิตจากการเหตุโจมตีของผู้ก่อการร้าย
จีเซล เองก็เคยบอกว่า เธอเป็น “ทุ่งแห่งซากปรักหักพัง” และเธอกลัวว่าในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของชีวิตอาจไม่เพียงพอที่จะสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่
นางแซงต์-เบิฟ กล่าวว่า เธอพบว่าจีเซล “มีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษ” “เธอเปลี่ยนสิ่งที่อาจทำลายเธอให้เป็นพลัง”
หลายวันก่อนที่การพิจารณาคดีจะเริ่มต้นขึ้น สองสามีภรรยาเพเลคอตหย่าร้างกัน
จีเซล กลับไปใช้นามสกุลเดิมของเธอ เธอใช้ชื่อ เพเลคอต ในการพิจารณาคดีเพื่อให้หลานของเธอ “ภูมิใจ” ที่มีเธอเป็นยาย และไม่รู้สึกละอายใจที่เกี่ยวข้องกับโดมินิก
นับตั้งแต่นั้น เธอย้ายไปอยู่ในหมู่บ้านอันห่างไกลจากเมืองมาซาน เธอเข้าพบจิตแพทย์ แต่ไม่ได้กินยาใด ๆ เพราะเธอไม่ต้องการรับสารเคมีใด ๆ อีก ชีวิตเธอไปต่อโดยไม่เหนื่อยแล้ว
ในช่วงแรกของการพิจารณาคดี ปิแอร์ สามีของแคโรไลน์ ขึ้นให้การ
ทนายฝ่ายจำเลยถามเขาเกี่ยวกับช่วงที่จีเซลต้องทุกข์ทรมานจากการสูญเสียความทรงจำ และลูกเขยต้องติดตามไปพบแพทย์ตามนัด คำถามคือเป็นไปได้อย่างไรที่ครอบครัวจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น
ปิแอร์ส่ายหัว ก่อนกล่าวว่า “คุณกำลังลืมสิ่งหนึ่ง… คุณไม่สามารถจินตนาการถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
ที่มา BBC.co.uk