
ท่าทีและความเคลื่อนไหวของสมเด็จฮุนเซนในวันนี้ได้รับความสนใจจากคนไทยอย่างมากเป็นพิเศษ จากที่เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) พนมเปญโพสต์ ซึ่งเป็นสื่อกัมพูชารายงานว่า เขาออกมาเตือน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และครอบครัว โดยขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งจะรวมถึงการกระทำอันเป็นการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
วันนี้ (27 มิ.ย.) สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวปราศรัยต่อสมาชิกสภาเทศบาล สภาเขต และสภาเทศบาลจังหวัดพระวิหาร ณ ห้องประชุมจังหวัดพระวิหาร โดยเขาเริ่มปราศรัยตั้งแต่เวลา 7.47 น. จนถึงเวลาประมาณ 11.40 น.
ขณะที่มีความเคลื่อนไหวทางฝั่งไทยเช้าวันนี้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ก่อนการปราศรัยของฮุนเซนจะเกิดขึ้น โดยยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะสื่อสารกับรัฐบาลกัมพูชาผ่านช่องทางที่เป็นทางการเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นจากโซเชียลมีเดีย ส่วนอีกประเด็นหนึ่งคือการแก้ปัญหาเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติโดยยึดผลประโยชน์ของประชาชนไทยเป็นหลัก อาชญากรรมข้ามชาติที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลไทยอยากจะเชิญชวนทั้งโลกมาช่วยกัน รวมถึงเชิญชวนรัฐบาลกัมพูชาร่วมด้วย เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยไทยพร้อมเริ่มดำเนินการก่อน ส่วนเรื่องการสอบสวนเส้นทางการเงิน ปปง.ของไทยได้ร่วมมือกับ ปปง.ของต่างประเทศ
ผู้ดำเนินรายการถามว่า การที่สมเด็จฮุนเซนออกมาแบล็กเมล์คนทางฝั่งประเทศไทยในลักษณะนี้ ทำให้คนไทยสงสัยว่าทางการไทยจะรีแอ็คอย่างไร
พรหมินทร์ตอบว่า สมเด็จฮุนเซน เป็นประธานวุฒิสภา เป็นผู้มีบารมีที่ชาวกัมพูชาเคารพ แต่ว่าไม่ได้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการอยู่ในรัฐบาล ทางกระทรวงต่างประเทศกำลังดูอยู่ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง ก่อนหน้านี้ตามที่เป็นข่าวว่ามีการปะทะกันที่ชายแดน ทางเราก็มีการประท้วงไปหลายเรื่อง แต่เมื่อเป็นเรื่องการต่างประเทศ ก็ทำด้วยความระมัดระวัง เช่น แนวทางของฝั่งกัมพูชาที่อยากให้ไปขึ้นศาลโลก ในขณะที่ฝั่งไทยเราใช้การเจรจาระหว่างประเทศเท่านั้น
ผู้ดำเนินรายการถามว่า การที่ฮุนเซนมีสถานะเป็นประธานวุฒิสภาและเป็นเสนาธิการสูงสุด ก็เท่ากับว่าเขามีตำแหน่งอย่างเป็นทางการใช่หรือไม่ ทางไทยจะไม่รีแอ็คเลยหรือ
พรหมินทร์ตอบว่า ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น ตนเพิ่งเรียนสายกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ (กต.) ทาง กต. กำลังพิจารณาอย่างรอบคอบอยู่ว่า การโต้ตอบของไทยควรจะเป็นในระดับไหน อย่างไร เพราะตามหลักแล้ว แต่ละประเทศจะไม่แทรกแซงระหว่างกัน ที่ผ่านมาตนก็ได้หารือกับ รมว.กต.มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าเพิ่งมาหารือ
ด้าน วิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการเดียวกัน วิเคราะห์ ‘ตัวฮุนเซน’ ว่า แรงจูงใจอาจเป็นความแค้นตั้งแต่ปฏิบัติ ‘โปเซนตง’ มีเหตุการณ์การเผาสถานทูตไทยในพนมเปญ ซึ่งทักษิณมีแอคชั่นกดดันกัมพูชาหนัก รวมทั้งมีกลุ่มทุนไทยสนับสนุนการทำรัฐประหารในกัมพูชาแต่ไม่สำเร็จด้วย รวมถึงการจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาลไทย ซึ่งเชื่อมโยงไปที่กลุ่มทุนที่สนับสนุนกลุ่มการเมืองหลักในกัมพูชา จึงเป็นความแค้นของฮุนเซนที่เขาสามารถรอและเก็บความแค้นนี้ไว้เพื่อเอาคืนได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
“ณ วันนี้ผมว่าเขาก็ใช้การปั่นโซเชียล ปล่อยคลิป ปล่อยข้อความ ปล่อยคอนเทนต์ ซึ่งเราไม่เห็นจำเป็นต้องไปเต้นตามฮุนเซนเลย… ณ วันนี้เราต้องนิ่งนะ เพราะเรากำลังเผชิญหน้ากับบิดาแห่งแสกมเมอร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
วิโรจน์ยังตอบคำถามอีกว่า ก่อนมีช็อตขู่ทักษิณล่าสุด มีการปล่อยคอนเทนต์ชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้นำรัฐประาร เป้าประสงค์ของผู้นำกัมพูชาอาจเป็นการปลุกปั่นคนไทย เพราะรู้ว่าคนที่ชื่นชมประยุทธ์ก็มีความเกลียด ‘ชินวัตร’ ทำให้ประเทศไทยไร้เอกภาพ และหากนำไปสู่รัฐประหารก็จะตรงใจเขา ณ วันนี้ก็ยังไม่คลิปอะไร ต่อให้มีก็ยังต้องตรวจสอบเพราะ AI สามารถทำได้ทุกอย่าง อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า ความน่ากลัวของเรื่องนี้ไม่ใช่มีคลิปหรือไม่มีคลิป การไม่รู้ว่ามีหรือไม่มี แต่ออกมาปลุกปั่นไว้ก่อนนั้นน่ากลัวที่สุด เพราะทำให้คนไทยไม่ไว้วางใจกันเองต่อการจัดการปัญหาของรัฐบาล
“ไม่ว่าออกหน้าไหน ฮุนเซนหัวเราะหมด หน้าเดียวที่เขาจะไม่หัวเราะคือ การตั้งสติ แล้วพยักหน้ารับ อือ ปล่อยมัน อยากขู่ก็ปล่อย”
ผู้ดำเนินรายการถามว่า การเสี้ยมให้เกิดการเปลี่ยนผู้นำประเทศไทย เขาได้อะไร วิโรจน์เห็นว่า เขาอาจต้องการให้เราโกรธแค้นชิงชังมากๆ ทำให้น็อตหลุด หากอยู่ดีๆ ยิvกัน ปะทะกัน เขาพร้อมจะ ‘แห่ศw’ หรือความสูญเสียทันที เพื่อทำลายความชอบธรรมของไทยในเวทีระหว่างประเทศ
ผู้ดำเนินรายการถามว่า เป็นไปได้ไหมที่เขาจะเสี้ยมให้เปลี่ยนรัฐบาลเพื่อจะเจรจาหย่าศึกกับเรา เพราะเจรจากับรัฐบาลชุดนี้ไม่สำเร็จ วิโรจน์เห็นว่า ถ้าได้รัฐบาลใหม่ การเจรจาหาทางลงก็ยิ่งเป็นเรื่องยาก เพราะหากมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ทุกเวทีดีเบตจ ะต้องถามถึงนโยบายจัดการปัญหากับกัมพูชา กลายเป็นนโยบายสัญญาประชาคมที่ประชาชนมีส่วนร่วม รัฐบาลชุดใหม่จะยิ่งไม่มีทางโอนอ่อนกับรัฐบาลกัมพูชาแน่ๆ มันน่าจะยิ่งยากขึ้นสำหรับฮุนเซน
สำหรับประเด็นการพูดของฮุนเซนในวันนี้ ประชาไทรวบรวม 7 ประเด็นสำคัญจากการรายงานของสื่อหลายสำนักทั้งในฝั่งไทยและกัมพูชา
รอนายกฯ ไทยคนใหม่ร่วมแก้ปัญหา
ไทยพีบีเอสเวิลด์รายงานคำพูดฮุนเซนตอนหนึ่งว่า กัมพูชาไม่สามารถทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบันและจะรอรัฐบาลใหม่
สอดคล้องกับท่าทีของเขาเมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) สื่อผู้จัดการออนไลน์รายงานโดยอ้างอิงสำนักข่าว Recent News ว่า ฮุนเซนกล่าวระหว่างเยี่ยมประชาชนและทหารกัมพูชาที่จังหวัดพระวิหารว่า กัมพูชากำลังรอการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย ซึ่งอาจนำไปสู่การแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดนระหว่างทั้งสองประเทศได้ พร้อมย้ำว่าการแก้ปัญหาสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยมีความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขปัญหานี้
“เรากำลังรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยมาเจรจากับกัมพูชา ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าใครคือผู้มีอำนาจที่แท้จริง เราไม่รู้ว่าจะเจรจากับใคร เป็นกองทัพหรือพรรคการเมือง หรือใครอยู่เบื้องหลังพรรคการเมืองหรือนายกรัฐมนตรี” ฮุนเซนกล่าว
ฮุนเซนกล่าวอีกว่ากัมพูชาไม่ได้มองประเทศไทยเป็นศัตรู และไม่เคยสนับสนุนกลุ่มเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง แต่กัมพูชาพร้อมทำงานร่วมกับนักการเมืองทุกคนที่เข้ามาบริหารประเทศไทย
ฮุนเซนยังเล่าอีกว่า ในช่วงดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งเป็นผู้นำประเทศไทยมานานเกือบสิบปี ความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชา-ไทยมีเสถียรภาพและถึงระดับสูงสุด แม้จะมีภูมิหลังทางทหารแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังเสริมสร้างความสามัคคีกับประเทศเพื่อนบ้าน ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลไทยปัจจุบันกำลังเผชิญกับความยากลำบากกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ รวมถึงปัญหาชายแดนกับมาเลเซีย พม่า ลาว และปัจจุบันกับกัมพูชา ที่ชายแดนถูกปิดฝ่ายเดียว
เหตุปล่อยคลิปเสียง
ตามรายงานของสื่อผู้จัดการออนไลน์ ฮุนเซนกล่าวตอนหนึ่งถึงกรณีคลิปเสียงสนทนากับนายกฯ ไทยที่หลุดออกมานั้น โดยฮุนเซนบอกว่า การรั่วไหลดังกล่าวไม่ใช่เจตนาของตน แต่เป็นเพราะระดับผู้นำกัมพูชาคนอื่นๆ ที่โกรธแค้นฝ่ายไทย จึงได้นำการสนทนาดังกล่าวออกมาเผยแพร่ สาเหตุที่ทางกัมพูชาโกรธเคืองก็เพราะฝ่ายไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชา และปิดพรมแดนฝ่ายเดียว และกล่าวหากัมพูชาในเรื่องนี้
ส่วนเสียงที่บันทึกเอาไว้ ฮุนเซนอ้างว่าเพื่อเป็นหลักฐาน เพราะนายกฯ ไทยเคยลวงลวงตนมาแล้วครั้งหนึ่ง “เคยถูกลวงมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้จึงต้องบันทึกไว้” ฮุนเซนกล่าว
ฮุนเซนกล่าวย้ำว่ากัมพูชาพร้อมที่จะทำให้สถานการณ์ชายแดนและการค้ากับไทยเป็นปกติเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย แต่นายกฯ แพทองธารของไทยไม่น่าจะทำได้
ทางด้านมติชนออนไลน์รายงานประเด็นนี้โดยอ้างอิงจาก Kampuchea Thmey On on daily basis basis ฮุนเซนระบุว่า คลิปเสียงที่หลุดออกมานั้น ไม่ใช่ความตั้งใจของตน แต่เพราะผู้นำกัมพูชาคนอื่นไม่พอใจฝ่ายไทย จึงได้ปล่อยคลิป สาเหตุก็เพราะฝ่ายไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชาและปิดพรมแดนฝ่ายเดียว
ส่วนเหตุผลที่บันทึกเสียงนั้น สมเด็จฯ ฮุนเซนอ้างว่า เพราะนายกฯ ไทยเคยโกงมาครั้งหนึ่ง “ข้าพเจ้าเคยถูกโกงมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงต้องบันทึกไว้” และย้ำว่า กัมพูชาพร้อมที่จะทำให้สถานการณ์ชายแดนและการค้ากับไทยเป็นปกติเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย แต่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับนายกฯ ของไทย
มติชนรายงานอีกด้วยว่า นอกจากนี้ สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากที่มีการปรับกำลังทหารที่สามเหลี่ยมมรกตแล้วนั้น ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ และแพทองธาร ก็ได้โทรศัพท์ไปขอบคุณเขา แต่ในทางการกรุงเทพฯ กลับใช้คำว่า “กัมพูชาถอนทหารออก” ที่เป็นถ้อยคำแสดงถึงการหักหลัง และเป็นสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจบันทึกเสียงเอาไว้
ตั้งคำถามไม่ไปศาลโลก
ทางด้านกรุงเทพธุรกิจรายงานอ้างอิงสื่อ Khmer Instances ว่าฮุนเซน ยังได้ตั้งคำถามถึงความไม่เต็มใจของไทยที่จะนำประเด็นพิพาทขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ทั้งๆ ที่ไทยก็กล่าวหากัมพูชา
“(รัฐบาล) กรุงเทพฯ กล่าวหาว่ากัมพูชาละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย แล้วทำไมไทยไม่ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เหตุใดจึงเลี่ยงการดำเนินคดี คุณไม่ควรกลัวในสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย” ฮุน เซน กล่าว
สมเด็จฮุน เซน ยังได้เรียกร้องให้ประชาชนชาวไทย ชาวกัมพูชา และประชาคมโลกพิจารณาคำถามเหล่านี้อย่างรอบคอบ
นอกจากนี้ฮุน เซน ยังได้เน้นย้ำว่าคำตัดสินของศาลจะให้ข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นกลางแก่รัฐบาลทั้งสองในการนำไปชี้แจงและอธิบายผลลัพธ์ดังกล่าวให้ประชาชนของตนทราบ
“หากกัมพูชาถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาท ประชาชนกัมพูชาอาจตำหนิรัฐบาล ในทำนองเดียวกัน หากไทยถอนกำลังประชาชนไทยอาจวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำของพวกเขา แต่ด้วยคำตัดสินของศาล ทั้งสองฝ่ายสามารถพูดได้ว่า นี่คือคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศ” ฮุน เซนกล่าว และตั้งคำถาม “ทำไมไทยไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ และหากไม่เห็นด้วย เหตุใดจึงไม่ส่งเรื่องไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ”
เขาย้ำด้วยว่ามีแต่คนขาดความซื่อสัตย์เท่านั้นที่กลัวกระบวนการทางกฎหมาย
อาการป่วยทักษิณ
ตามรายงานของสื่อผู้จัดการออนไลน์ ฮุนเซนกล่าวตอนหนึ่งว่า ทักษิณ ชินวัตร แกล้งป่วยหลายโรค เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมาย ทักษิณไม่ได้ป่วย อุปกรณ์ที่ใส่คอ ใส่มือ ก็แค่การแสดง
ฮุนเซนกล่าวว่า ในวันที่เขาเข้าพบทักษิณ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2567 นั้น ทักษิณไม่ได้ป่วย แต่เมื่อถ่ายรูปคู่กับตนกลับเอาชุดผู้ป่วยมาสวม เพื่อลวงสายตาประชาชนและเจ้าหน้าที่ไทย
ฮุนเซนกล่าวว่าตอนเข้าพบทักษิณแรกๆ นั้นตนไม่รู้เลยว่าจะแกล้งป่วย เหตุที่เพิ่งมาเปิดเผยตอนนี้ ก็เพราะว่าตนมีคุณธรรม ตอนนั้นจึงยังไม่เปิดเผย และที่มาเปิดเผยตอนนี้ ก็เพราะว่าลูกสาวของทักษิณ นายกฯ ไทย เป็นคนไม่มีคุณธรรม
สอดคล้องกันกับมติชนออนไลน์ที่รายงานคำพูดฮุนเซนโดยอ้างอิงสื่อพนมเปญโพสต์ โดยฮุนเซนระบุว่า ทักษิณ ไม่ได้ป่วยขณะที่ตนได้เดินทางมาเยี่ยมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 และ สวมอุปกรณ์เฝือกคอเพื่อถ่ายรูปเท่านั้น
ช่วยยิ่งลักษณ์ลี้ภัย
ตามรายงานของสื่อผู้จัดการออนไลน์ ฮุนเซนกล่าวด้วยว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รอดพ้นการจับกุมในประเทศไทย ก็เพราะเดินทางออกนอกประเทศผ่านกัมพูชาไปสิงคโปร์ ด้วยหนังสือเดินทางกัมพูชา ด้วยการสนับสนุนจากฮุนเซน และสามารถหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัย เมื่อถึงที่ปลอดภัยแล้ว ยิ่งลักษณ์ได้โทรศัพท์ไปขอบคุณฮุนเซนทั้งน้ำตา พร้อมกันนั้น ฮุนเซนยังได้ขอโทษที่โกหกนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ถามว่ายิ่งลักษณ์หลบหนีไปที่ไหน
ทางด้านมติชนออนไลน์รายงานคำพูดฮุนเซนในประเด็นนี้เพิ่มเติม โดยอ้างอิงมาจากสื่อ Kampuchea Thmey On on daily basis basis ว่า หากประเทศไทยต้องการทราบว่า ทักษิณดูหมิ่นสถาบันอย่างไร ให้ส่งทูตพิเศษไปสอบถามรายละเอียดได้
ปมธุรกิจสแกมเมอร์ ขอให้เลิกโทษกัมพูชา เพราะไทยก็เป็นต้นตอ
มติชนออนไลน์รายงานคำพูดฮุนเซนโดยอ้างอิงสำนักข่าว Recent News ว่า กัมพูชาเป็นเหยื่อของปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีต้นตอมาจากประเทศไทย เพราะอาชญากรเหล่านี้ใช้ไทยเป็นทางผ่านเพื่อเข้ามาก่อเหตุ พร้อมกับขอให้ทางการไทยเลิกโทษคนอื่นโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาสำหรับปัญหาอาชญากรรมออนไลน์
ฮุน เซน กล่าวว่านายกรัฐมนตรีของไทยพยายามโยนความผิดเรื่องอาชญากรรมออนไลน์ให้กัมพูชา ถือเป็นเรื่องรับไม่ได้ เพราะลืมไปว่าปัญหาเหล่านี้มีต้นตอมาจากไทย ฮุน เซน ยังอ้างด้วยว่า ไทยให้ที่พักพิงแก่เครือข่ายอาชญากรตามแนวชายแดนกับพม่าและลาว แพทองธารอ้างว่ากัมพูชาให้สัญญาณอินเตอร์เน็ตแก่กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่กัมพูชาตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปแล้ว
ฮุน เซน ยังกล่าวอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ขู่ว่าจะตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตและไฟฟ้าที่ไทยส่งมาให้กับกัมพูชา แต่กัมพูชาได้มีมาตรการเลิกนำเข้าไฟฟ้าและอินเตอร์เน็ตจากไทยด้วยตัวเอง ไม่ได้มาจากแรงกดดันจากไทย
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังขอให้สาธารณชนไทยวิจารณ์ผู้นำประเทศอย่างระมัดระวัง และพิจารณาถึงแนวทางที่ไทยใช้ พร้อมย้ำว่าไม่ได้วิจารณ์พรรคเพื่อไทยโดยรวม แต่ประณามการกระทำที่ไม่เหมาะสมของผู้นำบางคนที่ขาดความรับผิดชอบ ที่ไม่จริงใจต่อคนไทยและชาวกัมพูชา หากผู้นำประเทศยังไม่จริงใจกับประชาชนตัวเอง แล้วกัมพูชาจะเชื่อใจพวกเขาได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม สมเด็จฯ ฮุน เซน เน้นย้ำว่ากัมพูชาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทุกรูปแบบ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานข้อสังเกตว่า คำกล่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในเรื่องนี้ มีขึ้นหลังการปล่อยรายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน ที่ระบุว่า รัฐบาลกัมพูชาปล่อยให้การก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ลุกลามในประเทศกัมพูชา เพราะกัมพูชาดำเนินการไม่มากพอในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งที่ได้รับแจ้งหลายครั้ง
มีขีปนาวุธที่อาจยิvถึงกรุงเทพฯ ได้ แต่จะไม่ทำ
มติชนออนไลน์รายงานคำพูดฮุนเซนโดยอ้างอิงสื่อ Kampuchea Thmey On on daily basis basis โดยฮุนเซนกล่าวว่าไม่เคยมองว่าประเทศไทย หรือประชาชนไทยเป็นศัตรู เพราะประชาชนไทยส่วนใหญ่ก็ต้องการสันติภาพ มิตรภาพ กับกัมพูชา แต่ก็ยังมีกลุ่มหัวรุนแรงในไทยโจมตีกัมพูชา จึงถูกบังคับให้ต้องสู้กลับ
ช่วงตอนหนึ่ง ฮุน เซน ยังระบุว่า เรามีสิทธิที่จะต่อสู้ตอบโต้การรุกรานใดๆ ก็ตาม แม้ว่าเราจะตัวเล็ก แต่เราก็มีสิทธิที่จะปกป้องตัวเอง ไม่เพียงแต่สิทธิที่จะปกป้องตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีสิทธิที่จะต่อสู้ตอบโต้ด้วย
“เราไม่มีเจตนาที่จะโจมตีกรุงเทพฯ แม้ว่าขีดความสามารถด้านอาวุธของเราอาจไปถึงที่นั่น แต่เราจะไม่ยิv ฉันไม่ได้คุยโวเกี่ยวกับอาวุธของเรา” ฮุน เซน ระบุพร้อมเตือนว่า อย่ากดดันกัมพูชาเพราะกัมพูชาได้เตรียมพร้อมไว้ทุกวิถีทาง ทั้งการทหารและอาวุธ
กต.แถลงโต้ใช้ช่องทางทางการสื่อสารกับกัมพูชา
เวลาประมาณ 10.10 น. เฟซบุ๊กเพจกระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกเอกสารข่าวชี้แจงว่า ตามที่ได้มีความพยายามที่จะปั่นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสร้างความแตกแยกในสังคมไทย รัฐบาลไทยขอยืนยัน และทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายว่า ไทยจะใช้ช่องทางที่เป็นช่องทางทางการเท่านั้นในการสื่อสารระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา
สำหรับความพยายามในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ มีรายงานหลายฉบับจากองค์การระหว่างประเทศ ทั้งสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United International locations Arena of business on Drugs and Crime – UNODC) และองค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty World – AI) ออกมาชี้แจงให้เห็นว่า อาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้เป็นภัยคุกคาม ซึ่งประเทศไทยเห็นด้วยว่าจะสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
ไทยพร้อมที่จะแสดงบทบาทนำและขอให้ประชาคมระหว่างประเทศร่วมมือกับไทยในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในอนุภูมิภาคเราต่อไป
ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )