แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/uxoy | ดู : 10 ครั้ง
ธปทจ่อหั่นgdpต่ำกว่า-2.5%-ลดเป้าเงินเฟ้อเซ่นภาษีทรัมป์-เผยเอกชนเริ่มชะลอลงทุน

‘ธปท.’ เตรียมปรับลดเป้าจีดีพีปี 68 ต่ำกว่า 2.5% หั่นคาดการณ์ ‘เงินเฟ้อ’ เซ่นผลกระทบ ‘ภาษีทรัมป์’ เผย ‘เอกชน’ เริ่มชะลอการลงทุนแล้ว

…………………………………

เมื่อวันที่ 17 เม.ย. นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงาน Media Briefing หัวข้อ ‘วิเคราะห์ผลกระทบเบื้องต้นของนโยบายการค้าโลกต่อเศรษฐกิจไทย’ ว่า ในปี 2567 การส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 18.3% ของการส่งออกไทยทั้งหมด ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆของอาเซียน ในขณะที่กลุ่มอาเซียนมีการส่งออกสินค้าไปสหรัฐคิดเป็นสัดส่วน 23.3% ของการส่งออกอาเซียนทั้งหมด

สำหรับ 5 อุตสาหกรรมหลักของไทยที่มีการส่งออกไปสหรัฐมากที่สุด ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร ยานยนต์และชิ้นส่วน และเกษตรและเกษตรแปรรูป หรือเป็นสัดส่วนการส่งออกรวมกันสูงถึง 75% ของการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐ นั้น ทั้ง 5 อุตสาหกรรมดังกล่าว จะต้องมีการปรับตัวอย่างมาก หากสหรัฐเรียกเก็บภาษี tariff ค่อนข้างแรง ดังนั้น จึงต้องมีมาตรการเข้าดูแลอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

นายสักกะภพ กล่าวต่อว่า ก่อนวันที่ 20 ม.ค.2568 หรือก่อนที่สหรัฐฯที่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทย (tariff) นั้น อัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯอยู่ที่เฉลี่ย 1.7% แต่ ณ วันนี้ (17 เม.ย.2568) อัตราภาษีนำเข้าส่วนเพิ่มอยู่ที่ 9.3% หรือรวมกันแล้วอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐจะอยู่ที่ 11% ในขณะที่มูลค่าเพิ่มจากการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐอยู่ที่ 2.2% ต่อจีดีพี ซึ่งสงครามการค้ากับสหรัฐ จะทำให้มูลค่าเพิ่มจากการส่งออกส่วนนี้ลดลง

“สงครามการค้ากับสหรัฐ คงจะทำให้ตรงนี้ (มูลค่าเพิ่มจากการส่งออก) ลดลง ถ้าสมมติว่าลดลง 20% ก็จะตีความว่า จีดีพีจะหายไป 0.4% แต่แน่นอนว่า คงไม่หายไปหมด เพราะจะขึ้นอยู่กับว่า จะมีการปรับตัวอย่างไร และ tariff จะรุนแรงแค่ไหน” นายสักกะภพ กล่าว

นายสักกะภพ ระบุด้วยว่า กลุ่ม sectoral tariff ซึ่งได้แก่ กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงล้อยาง กลุ่มเหล็กและอลูมิเนียม เป็นกลุ่มที่มีมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกคิดเป็น 0.9% ต่อจีดีพี ส่วนกลุ่ม reciprocal tariff (เลื่อน tubby reciprocal tariff ออกไป 90 วัน) ซึ่งได้แก่ กลุ่มเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า เกษตรและเกษตรแปรรูป ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งเกี่ยวข้องกับ SMEs กว่า 4,437 ราย นั้น เป็นกลุ่มที่มีมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกคิดเป็น 1.2% ต่อจีดีพี

นายสักกะภพ ย้ำว่า “เนื่องจาก tariff ยังมีความไม่แน่นอน แต่หลังจาก 90 วันแล้ว จะมีผลชัดเจนว่า แต่ละกลุ่มจะเสียมากน้อยแค่ไหน ส่วนผลกระทบ ณ ตรงนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็กระทบระดับหนึ่ง แต่คงไม่ได้มาก อาจจะมากในบางเซ็กเตอร์ และไม่เยอะมากในบางเซ็กเตอร์ จึงต้องมีการติดตามและดูผล ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 และทอดยาวไปถึงไปถึงปีหน้าด้วย”

นายสักกะภพ กล่าวอีกว่า ผลจากการที่สหรัฐฯปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากับประเทศต่างๆ จะทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบผ่านการนำเข้าสินค้ามากขึ้น ซึ่งจะมาซ้ำเติมภาคการผลิตในประเทศ โดยเฉพาะหมวดโลหะ เคมีภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่ม โดยตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา แม้ว่าการบริโภคเอกชนเติบโตในระดับ 2% ต่อไตรมาส แต่จีดีพีในภาคการผลิตของไทยแทบไม่เติบโตเลย ในขณะที่การนำเข้าเติบโตค่อนข้างมากในช่วงหลัง

“ถ้ามีสงครามการค้า และ tariff ขึ้นมาเยอะๆ จะทำให้สินค้าที่ส่งไปขายในสหรัฐฯไม่ได้ จะมาแข่งขันกับไทย ทั้งในแง่การแข่งขันกับผู้ผลิตในประเทศ และการแข่งขันในตลาดที่สามที่เราส่งออกไป โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน นี่ก็เป็นจุดหนึ่งที่ซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างของภาคผลิตที่มีอยู่เดิม” นายสักกะภพ กล่าว

นายสักกะภพ กล่าวว่า ส่วนแนวทางการรับมือในสถานการณ์ดังกล่าวนั้น ธปท. จะดูแลให้การทำงานของกลไกตลาดการเงิน ทำงานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นกลไกการระดมทุน และเรื่องสภาพคล่อง รวมทั้งดูแลความผันผวนในตลาดการเงิน เพื่อลดผลกระทบในแง่การปรับตัวของภาคธุรกิจ ขณะเดียวกัน ธปท. จะมีการติดตามกรณีที่เกิดการ disruption ในเซ็กเตอร์สำคัญที่มีการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ

นอกจากนี้ ธปท. ยังมีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานต่างๆ โดยในระยะสั้น ควรมีมาตรการรับมือ ทั้งการแข่งขันของสินค้าจากต่างประเทศ อาทิ การเร่งรัดกระบวนการไต่สวนการทุ่มตลาด และการป้องกันการนำเข้าสินค้ามาเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐผ่านไทย ส่วนในระยะยาว ควรให้ความสำคัญกับการขยายตลาดและสร้างซัพพลายเชน โดยเฉพาะกับประเทศในภูมิภาค และต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยเพื่อให้แข่งขันในห่วงโซ่อุปทานโลกได้

นายสักกะภพ กล่าวถึงผลกระทบนโยบายการค้าของสหรัฐฯต่อจีดีพีของไทย ว่า เดิมเราบอกไว้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุดเดือน ก.พ.2568 ว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.5% บวกเล็กน้อย ซึ่งผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐ จะทำให้จีดีพีปรับลดลงแน่นอน แต่จะมีผลมากน้อยเพียงคงต้องรอดูว่า tariff จะเป็นอย่างไร ส่วนเงินเฟ้อน่าจะปรับตัวลดลงเช่นกัน เพราะราคาน้ำมันลดลง จึงจะมีการปรับลดประมาณการเงินเฟ้อด้วย

“จีดีพี มีผลแน่นอน เงินเฟ้อ มีผลแน่นอน แต่ต้องดูว่า เงินเฟ้อมาจากอะไร และดูผลของความเสี่ยงเงินเฟ้อที่ต่ำตรงนั้น ถ้าเริ่มเห็นสัญญาณว่า เงินเฟ้อที่มาจากฝั่งดีมานด์ เริ่มเห็นการปรับลดลงของราคาในวงกว้าง ที่สะท้อนอุปสงค์ที่เริ่มอ่อนแอ เรา (กนง.) ก็จะเริ่มเข้ามา แต่ตรงนี้เรายังไม่เห็น ณ จุดนั้น แต่ในแง่เศรษฐกิจ ต้องยอมรับว่าความเสี่ยงมีสูงขึ้น ซึ่งในการประชุม กนง. ครั้งล่าสุด ที่มีการลดดอกเบี้ยนั้น กรรมการฯให้น้ำหนักกับเรื่องเศรษฐกิจ

เนื่องจากเงินเฟ้อไม่มีอะไรที่น่ากังวล ในด้านเสียรภาพการเงิน หนี้ครัวเรือนก็ไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น และในรอบที่แล้ว ที่มีการปรับลดดอกเบี้ย ได้มีการรวมความเสี่ยงของสงครามการค้าไปบ้างแล้ว แต่ก็ต้องติดตามดูว่าผลในรอบนี้ จะมีมากน้อยแค่ไหน” นายสักกะภพ กล่าวและว่า ในการประชุม กนง. ในวันที่ 30 เม.ย.นี้ จะมีการนำเสนอข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสงครามการค้าให้ที่ประชุม กนง. พิจารณา เพื่อประกอบการตัดสินใจในการดำเนินนโยบายการเงิน

@ยัน‘ตลาดการเงินไทย’มีเสถียรภาพ-‘เอกชน’ชะลอลงทุน

นายสักกะภพ กล่าวด้วยว่า นโยบายการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงการตอบโต้ของประเทศเศรษฐกิจหลักดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ การเงิน และการค้าโลกอย่างมีนัย โดยผลกระทบต่อตลาดการเงินโลกนั้น ในระยะสั้น พบว่า ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.2568 เป็นต้นมา การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์มีความผันผวน มีการเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงออกมาค่อนข้างมาก ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงลดลง และค่าเงินมีความผันผวนเร็วมาก

“หลังจากมีการประกาศฯ tariff ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาเร็ว จากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับผลของ tariff ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่เงินสกุลอื่นๆแข็งค่าขึ้นมา ทั้งเงินสกุลเอเชีย ยุโรป รวมถึงเงินบาทก็แข็งค่าขึ้น คนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นต่างๆ รวมถึงไทย และคนเข้ามาซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อย เช่น ทองคำ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนต้นทุนระดมทุนผ่านตลาดพันธบัตรของไทย ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐที่ปรับตัวค่อนข้างมาก เพราะคนกลัวเรื่องเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินไทย เรายังมีเสถียรภาพและมีบัฟเฟอร์ค่อนข้างดี เพราะเรามีหนี้ต่างประเทศค่อนข้างน้อย เงินสำรองค่อนข้างสูง โดยตลาดการเงินโดยรวมยังทำงานได้ปกติ การระดมทุนต่างๆผ่านตลาดหุ้นกู้ยังเป็นปกติ และการไหลเข้าออกของเงิน ไม่มีลักษณะที่ผิดปกติแต่อย่างใด” นายสักกะภพ ระบุ

นายสักกะภพ ย้ำว่า “เราคาดการณ์ว่าตลาดการเงินโลกยังมีความผันผวนต่อไป เพราะ tariff ยังมีความไม่แน่นอนสูง เราต้องมีการติดตาม แต่อย่างน้อย ในแง่เสถียรภาพในด้านต่างประเทศ เราค่อนข้าง OK แต่สิ่งที่ต้องติดตาม คือ ภาวะการเงินของกลุ่มที่อาจได้รับผลกระทบจาก tariff กลุ่มที่ส่งออกไปสหรัฐค่อนข้างเยอะ ที่อาจมีความเสี่ยงในการทำธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น ความเสี่ยงด้านเครดิตสูงขึ้น และไปกระทบภาวะการเงินของเขา ซึ่งเราต้องติดตามต่อไป”

นายสักกะภพ กล่าวต่อว่า จากความไม่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ขณะนี้นักลงทุนบางส่วนเริ่มชะลอการลงทุนออกไปแล้ว เพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับ tariff ทั้งนี้ จากการที่ ธปท.ได้เข้าไปพูดคุยกับผู้ประกอบการใน 5 เซ็กเตอร์ ที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ คือ อาหาร เครื่องจักร ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ พบว่าบางกลุ่มเริ่มชะลอการผลิตและลงทุน และส่วนใหญ่บอกว่าขอรอความชัดเจนว่า อีก 90 วัน tariff จะเป็นอย่างไร

“ถ้านับรวมเม็ดเงินลงทุนของ 5 อุตสาหกรรมหลักที่ส่งออกไปสหรัฐ เม็ดเงินลงทุนรวมกันอยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท หรือ 8.3% ของยอดการอนุมัติบีโอไอทั้งหมด ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่า จะมีการชะลอ เลื่อน หรือยกเลิกการลงทุนมากน้อยเพียงใด” นายสักกะภพ กล่าว

นายสักกะภพ ยังระบุว่า การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ (tariff) จะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ และทำให้การค้าโลกลดลงตามมา ตลอดจนทำให้อุปสงค์ของโลกชะลอตัวลง (global place apart a question to shock) ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน มีแนวโน้มลดลง ส่วนผลกระทบต่อสหรัฐฯนั้น จะเกิด detrimental provide Shock ซึ่งสิ่งที่ตามมา คือ จะทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น

“เงินเฟ้อสหรัฐน่าจะปรับตัวสูงขึ้น แต่เงินเฟ้อของโลกจะปรับตัวลดลงจากปัจจัยอุปทาน และจะกระทบต่อเงินเฟ้อของไทยในระยะถัดไปด้วย” นายสักกะภพ กล่าว
นายสักกะภพ ระบุว่า “ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่นิ่ง แต่อย่างน้อยสิ่งที่เราทราบ คือ ครั้งนี้ ความไม่แน่นอนของการค้าโลกมีเยอะมาก และเป็นลักษณะที่เป็น Shock ขนาดใหญ่ต่อการค้าโลก

รวมถึงลักษณะของ Shock ในครั้งนี้ จะอยู่กับเรานาน หรือที่เรียกว่า prolonged คือ ลักษณะของ Shock ไม่ใช่ว่า มีแล้วหายไปทันที แต่ Shock ตัวนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในแง่พื้นฐานเศรษฐกิจ การค้าจริง สิ่งที่เราจะเห็น คือ จะใช้เวลาในการพัฒนาการ และอาศัยการปรับตัวของภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเศรษฐกิจ และธุรกิจต่างๆ ในแง่การหาจุดสมดุลใหม่ ซึ่งจะใช้เวลาค่อนข้างนาน”

ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

สามีคลั่งทะเลาะเมีย สาดกระสุนใส่เมียเจ็บปางเสียชีวิต ก่อนอุ้มร่างขึ้นกระบะขับหนีข้ามจังหวัด

‘ทวี’ แถลง จับกุมตัว ‘ชวนหลิง จาง’ กก.บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ - ผู้ต้องหา ‘คดีนอมินี’

รวบหนึ่งในบัญชีม้า แก๊งปลอมเพจลวงลงทุน ห้างทองชื่อดัง เสียห

ตำรวจสอบสวนกลาง ลุยชายหาดจังหวัดภูเก็ตจับเจ็ตสกีเถื่อน ตำรวจส 2025-04-19 16:29:00

มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) มอบถุงยังชีพพระราชทานแก่เมียนมา ช่วยผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหว

‘ภูมิใจไทย’ ขับ ‘เอกราช ช่างเหลา’ พ้นพรรค พร้อมย้ำไปทำงานกับ ‘กล้าธรรม’ นานแล้ว

รวบอาสาสมัคร ทหารพรานหัวร้อน สางปมแค้น แท-งอริเสียชีวิต งานสงกรานต์

ทลายเครือข่ายเว็บพนันรายยักษ์ เงินหมุนกว่า 3,200 ล้านต่อปี ข 2025-04-19 16:30:00

ผู้เรียบเรียง

ให้คะแนนความพอใจของคุณ :

0 / 5 คะแนน 0

คุณให้คะแนน:

แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/uxoy | ดู : 10 ครั้ง
  1. ทลายเครือข่ายเว็บพนันรายยักษ์-เงินหมุนกว่า-3,200-ล้านต่อปี-ข-|-2025-04-19-16:30:00 ทลายเครือข่ายเว็บพนันรายยักษ์ เงินหมุนกว่า 3,200 ล้านต่อปี ข 2025-04-19 16:30:00
  2. “พ่อนอนทำไม”-พ่อลูกอ่อนขี่-จยยชนท้ายเก๋งดับ-|-19-เม.ย “พ่อนอนทำไม” พ่อลูกอ่อนขี่ จยย.ชนท้ายเก๋งดับ 19 เม.ย
  3. รวบหนุ่มลวงเด็ก-14-ผ่านเฟซบุ๊ก-หนีกบดานประเทศเพื่อนบ้าน-สุดท รวบหนุ่มลวงเด็ก 14 ผ่านเฟซบุ๊ก หนีกบดานประเทศเพื่อนบ้าน สุดท
  4. ซีพีเอฟ-ร่วมสนับสนุนงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย-ประจำปี-2568 ซีพีเอฟ ร่วมสนับสนุนงานเมาลิดกลางแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568
  5. นศwัฒนารถตัดหญ้าบังคับรีโมทผสานระบบโซลาเซลล์-จ.ตรัง-ทุกทิศ นศ.พัฒนารถตัดหญ้าบังคับรีโมทผสานระบบโซลาเซลล์ จ.ตรัง ทุกทิศ
  6. การพบสารหนู-ปนเปื้อนเกินมาตรฐานในแม่น้ำกก-ส่งผลทำให้ปีนี้แทบ การพบสารหนู ปนเปื้อนเกินมาตรฐานในแม่น้ำกก ส่งผลทำให้ปีนี้แทบ
  7. แผ่นดินไหวขนาด-27-ประเทศเมียนมา-2025-04-19-19:20:fifty-three-ตามเวลาประเทศไทย-|-วันเสาร์ที่-19-เมษายน-พศ.-2568 แผ่นดินไหวขนาด 2.7 ประเทศเมียนมา 2025-04-19 19:20:fifty three ตามเวลาประเทศไทย | วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2568
  8. dsi-รวบ-กกไชน่า-เรลเวย์-หมายเลข-10-ข้อหานอมินี-เตรียมแถลงข่าว-1830-น. ดีเอสไอ รวบ กก.ไชน่า เรลเวย์ หมายเลข 10 ข้อหานอมินี เตรียมแถลงข่าว 18.30 น.
  9. ให้เงินสามี-3-แสน-แลกออกจากบ้าน-|-19-เม.ย ให้เงินสามี 3 แสน แลกออกจากบ้าน 19 เม.ย
  10. งานนี้เดือดแน่-ขอเสียง-fc-ตำรวจสอบสวนกลาง-cib-หน่อยครับ-ร งานนี้เดือดแน่ ขอเสียง Fc ตำรวจสอบสวนกลาง CIB หน่อยครับ 🔥🔥 ร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Share via
Click to Hide Advanced Floating Content
Send this to a friend