
ศาลอาญายกฟ้อง ‘ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์' อดีตสส.พรรคอนาคตใหม่ คดีมีหุ้นสื่อในครอบครอง ชี้โจทก์ยังนำสืบไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำผิด
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 ยื่นฟ้อง นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์ อดีตสส.ข้ามเพศ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 ยื่นฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สส.หรือเป็นผู้ต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้ง หรือยินยอมให้พรรคการเมืองอื่นเสนอชื่อในการสมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ
ศาลพิพากษายกฟ้อง โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าบริษัทของจำเลยทั้งสองบริษัทเป็นโปรดักชั่นรับจ้างผลิตไม่ได้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน โดยรับจ้างผลิตละครโฆษณาหรือตามที่ผู้ว่าจ้างกำหนดมา และไม่มีช่องทางเผยแพร่เพราะผลงานเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าจ้าง ซึ่งจำเลยยืนยันว่าบริษัทนั้นเป็นบริษัทร้าง ไม่มีรายได้มาตั้งแต่ปี 2557 เมื่อตรวจสอบกับนายทะเบียนพบว่าบริษัทถูกขีดชื่อออกไป เพราะไม่มีการส่งงบการเงิน
ทางนำสืบของโจทก์ไม่อาจชี้ให้เห็นว่าจำเลยมีช่องทางการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่มีผลต่อการรับรู้ต่อประชาชนอย่างไร หรือทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองอย่างไร การที่จำเลยลงสมัครรับเลือกตั้งสส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เพราะเข้าใจว่าตนเองมีคุณสมบัติที่สามารถลงสมัครได้ ทางนำสืบของจำเลยไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิด ยังมีความสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง
สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่(อนค.) โดยไม่มีสิทธิ์ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้ถือครองหุ้นในบริษัท เฮดอัพ โปรดักชั่น และบริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่น จำกัด ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชน โดยในวันที่ 6 ก.พ. 2562 ซึ่งเป็นวันที่พรรคอนาคตใหม่ ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ สส.ของนายธัญญ์วาริน ผู้ถูกร้องสิ้นสุด ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบกับมาตรา 98 (3) นับตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. 2562 ในวันยื่นสมัครรับเลือกตั้ง
ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า นายธัญญ์วาริน เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท เฮดอัพ โปรดักชั่น และบริษํท แอมฟายน์ โปรดักชั่น จำกัด ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชน ในวันที่ 6 ก.พ. 2562 ซึ่งเป็นวันที่ พรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ สส.สิ้นสุด ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบกับมาตรา 98 (3) นับตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.2562 ในวันยื่นสมัครรับเลือกตั้ง
นายธัญวารินทร์ กล่าวว่า ที่โดนกล่าวหาว่ามีความผิดโดยตลอดทำให้มองว่าการใช้ชีวิตทำไมถึงยากลำบากแบบนี้ รู้ดีว่าไม่ได้ทำอะไรผิดจนต้องต่อสู้กับเรื่องนี้มานานหลายปีตั้งแต่ปี 2563และยังมีหนี้ที่ต้องใช้คืนเป็นเงินจำนวนมาก รวมทั้งชื่อเสียงที่ตนโดนกล่าวหา จนกระทั่งศาลมีคำพิพากษายกฟ้องคดีนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจมากขึ้น ส่วนสิ่งที่ศาลอ่านคำพิพากษาเกี่ยวกับความเห็นของ กสทช. ตอนนั้นก็เคยนำสืบในศาลรัฐธรรมนูญไปบ้างว่าบริษัททั้งสองไม่ได้มีหนังสือขออนุญาตเป็นสื่อมวลชนตั้งแต่ชั้นศาลรัฐธรรมนูญแล้ว แต่ถึงศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินออกมาในรูปแบบดังกล่าว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยืนตามคำตัดสินดังกล่าวไปในทุกศาล
นายธัญวารินทร์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องจะกลับมาในเส้นทางการเมืองยังตอบยาก เพราะระหว่างทางที่โดนตัดสินคดีนี้จนไม่ได้เป็นสส.ตนก็ยังร่วมกิจกรรมกับพรรคก้าวไกลจนมาถึงพรรคประชาชนอยู่ ไม่ได้หายไปไหน แค่ทำงานในเบื้องหลัง ทั้งนี้ตนไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งอีกหรือไม่ เพราะรู้สึกว่ามีสส.รุ่นใหม่ที่มีคุณภาพเข้ามาทำหน้าที่มากขึ้น โดยตำแหน่งสส.ไม่ได้คิดไม่ฝันว่าจะเป็นอยู่แล้ว แต่ตอนนั้นลงสมัครเพราะ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ บอกกับตนเองว่าสิ่งที่ตนอยากเปลี่ยนแปลงทั้งสมรสเท่าเทียม ความเท่าเทียมทางเพศ ถ้าตอนนั้นไม่ได้เข้ามาเป็นสส.อาจจะไม่มีตัวแทนผลักดันในส่วนนี้ จึงเป็นสาเหตุที่เข้ามาลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนั้น พอหลังจากที่สิ่งเหล่านี้สำเร็จเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน ตนจึงรู้สึกว่าประสบความสำเร็จตามที่วางเป้าหมายตอนที่เข้าไปเป็นสส.ในครั้งนั้นแล้ว หลังจากนี้ตนอาจจะโฟกัสการทำงานเบื้องหลังมากกว่า
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )













