
“สภากาชาดไทย” แปรขยะเป็นประโยชน์!! โต๊ะ–เก้าอี้ รีไซเคิลจากขยะ ในงานกาชาด 67 สร้างคุณค่า สู่โลกยั่งยืน
สภากาชาดไทย สานต่อโครงการ “กาชาดสีเขียว” อย่างต่อเนื่อง โดยงานกาชาดประจำปี 2567 ที่ผ่านมา มีการนำขยะที่รวบรวมได้กว่า 320 ตัน ไปบริหารจัดการอย่างถูกวิธี อาทิ ขยะเศษอาหาร เก็บรวบรวมและประสานเกษตรกรนำไปเลี้ยงสัตว์ หมักทำปุ๋ย หรือใช้ประโยชน์อื่น ๆ และมีขยะพลาสติกบางส่วน ขยะซองวิบวับ เช่น ซองบรรจุเครื่องปรุง ซองกาแฟ หรือซองบรรจุอาหาร มารีใซเคิลแปรรูปจากขยะ 100% เป็นโต๊ะ เก้าอี้ จำนวน 2 ชุด เพื่อมอบให้กรุงเทพมหานคร เป็นสาธารณประโยชน์ในสวนลุมพินี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานกาชาด และเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือร่วมใจ ระหว่างสภากาชาดไทย ประชาชน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันผลักดันให้ “งานกาชาด” ให้เป็นมหกรรมรื่นเริงเพื่อการกุศลที่สามารถส่งมอบคุณค่าสู่สังคมได้ครบทุกมิติ
ซึ่งโต๊ะ เก้าอี้ จากขยะทั้ง 2 ชุดนี้ ไม่เพียงแต่สร้างคุณค่า ยังนำมาซึ่งประโยชน์ต่อสาธารณชน และทำให้เห็นเป็นเชิงประจักษ์ว่าหากมีการคัดแยกขยะที่ถูกต้องก็สามารถแปรรูปขยะ เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไปได้
สำหรับค่าใช้จ่ายในการผลิตชุดโต๊ะและเก้าอี้ จำนวน 2 ชุด ประกอบด้วย เก้าอี้ 8 ตัว และโต๊ะ 2 ตัว รวมเป็นเงินจำนวน 75,970 บาท คือ ค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุมทุกกระบวนการผลิต อาทิ การคัดแยกวัสดุรีไซเคิล การทำความสะอาด การหลอม และขึ้นรูปโครงสร้างใหม่ที่สามารถใช้ในการผลิตครั้งต่อไปได้ รวมถึงค่าขนส่ง และการควบคุมคุณภาพที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้มั่นใจในความทนทาน ความปลอดภัย เหมาะสมต่อการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการผลิตทั้งหมด สภากาชาดไทย ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและตอบรับเข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งปัจจุบัน โต๊ะและเก้าอี้เหล่านี้ได้ตั้งอยู่บริเวณ สวนลุมพินี เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้นั่งพักผ่อน และเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ด้านอื่นๆ ภายในสวนฯ
นอกจากนี้สภากาชาดไทย ยังมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็น “องค์กรสีเขียว” โดยให้ความสำคัญ กับการมีส่วนร่วมในการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและวิกฤตการณ์ เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืนผ่านรูปแบบกิจกรรม และการรณรงค์ด้านการประหยัดพลังงาน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผ่านความร่วมมือของคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ บุคลากรภายในทุกหน่วยงานอีกด้วย
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )