
‘สมศักดิ์' ลงพื้นที่สระแก้ว เยี่ยมบุคลากรสาธารณสุขชายแดน ย้ำเตือน ประชาชนรอให้ปลอดภัยก่อน อย่ารีบกลับบ้าน แม้ผลเจรจา GBC ยอมรับข้อตกลง ด้าน สธ.อัปเดตสถานการณ์ รพ.ยังคงปิดบริการ 3 แห่ง คัดกรองจิตใจผู้อพยพ พบเสี่ยงฆ่-าตัวเสียชีวิต 486 ราย
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 7 สิงหาคม 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นางพัชรี ศาลาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจังหวัดสระแก้ว จากกรณีสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อให้กำลังใจ และมอบความช่วยเหลือให้กับกลุ่มเปราะบาง
นายสมศักดิ์ ได้กล่าวให้กำลังใจประชาชนว่า ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาตรวจเยี่ยมพื้นที่จังหวัดสระแก้วในวันนี้ เพราะการเดินทางมาในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปฏิบัติภารกิจราชการ แต่เป็นการมาด้วยความห่วงใย และกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมจากรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนทราบดีว่า สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสุขภาพและความปลอดภัย โดยตนขอชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งจากกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และทหาร ที่ได้ทุ่มเททำงานอย่างหนัก เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ อย่างเต็มที่
“การมาของผมในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลในพื้นที่ ตลอดจนศูนย์อพยพต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าพี่น้องประชาชน จะได้รับการดูแลด้านสาธารณสุขอย่างดีที่สุดในทุกสถานการณ์ ผมขอให้ความมั่นใจว่า กระทรวงสาธารณสุข พร้อมที่จะให้การสนับสนุนทรัพยากร ทั้งบุคลากร เครื่องมือทางการแพทย์ และงบประมาณอย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวสระแก้วมีความปลอดภัย และมีสุขภาพที่ดี ผมเชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน เราจะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ ที่ท้าทายนี้ไปได้อย่างแน่นอน” นายสมศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ยังได้ตรวจเยี่ยมบังเกอร์ภายในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าข้าม โดยจุดนี้ ห่างจากพื้นที่บริเวณชายแดนเพียง 200 เมตรเท่านั้น ซึ่งนายสมศักดิ์ ได้ขอให้มีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลา เพื่อรองรับการดูแลต่อผู้ป่วย และกลุ่มเปราะบาง และ เดินทางต่อไปที่จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ เพื่อตรวจเยี่ยมและประเมินสถานการณ์ชายแดน โดยได้รับฟังบรรยายสรุปจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จังหวัดสระแก้วว่า วันนี้ได้มาตรวจเยี่ยมผู้อพยพจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะผู้ป่วยใน และกลุ่มเปราะบาง ซึ่งมาติดตามว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร โดยจากการรับฟัง พบว่า ศูนย์อพยพในจังหวัดสระแก้ว ไม่ค่อยมีผู้อพยพอยู่แล้ว และจากผลการเจรจาระหว่างไทย-กัมพูชา ได้ยอมรับข้อตกลง 13 ข้อ
ทำให้สิ่งที่ต้องดำเนินการจากนี้ คือ การอพยพคนกลับพื้นที่ในทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ แต่สิ่งที่ควรทำก่อนกลับเข้าพื้นที่คือ สำรวจบ้าน ที่พักอาศัย ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น วัสดุที่อาจเป็นอาวุธ ซึ่งหากพบ ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่
ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ก็จะช่วยดูแลสุขภาพทั้งหมด ทั้ง ความเครียด สุขอนามัย การทำความสะอาด โดยจะช่วยดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ก็ขอให้ฟังข่าวสารจากหน่วยงานราชการก่อนเดินทางกลับเข้าพื้นที่ ซึ่งขอให้รอฟังรักษาการนายกรัฐมนตรีก่อน โดยตนเข้าใจว่า คนคิดถึงบ้าน แต่วันนี้ ก็จะมืดแล้ว อาจเกิดความอันตราย จึงขอให้รอฟังสถานการณ์จากรัฐบาล อย่างเป็นทางการก่อน ส่วนปัญหาเรื่องกลิ่นจากร่างผู้เสียชีวิตบริเวณชายแดน ก็มีการตกลงแล้วว่า จะมีการร่วมบูรณาการกัน เพื่อทำให้อย่างสมเกียรติ
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีทหารกัมพูชาป่วยมาลาเรีย ว่า เรื่องโรคภัยไข้เจ็บบุคลากรทางการแพทย์ของเราได้ดูแลอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว ขณะนี้ที่น่ากลัวน่าจะเป็นเรื่องคนที่เสียชีวิตมากกว่า ขณะนี้เชื่อว่าทหารสองฝ่ายไม่น่าจะอยู่บริเวณชายแดนจำนวนมาก เพราะอยู่ในช่วงการเจรจาพูดคุยสันติภาพและวันนี้จะครบกำหนดนัดหมายเจรจา GBC ที่มาเลเซียถ้าเป็นไปได้ประชาชนก็จะได้กลับบ้านเรือนหรือมีพื้นที่ความปลอดภัยมากขึ้น ก็วิงวอนให้เป็นแบบนั้น
@รพ.ยังปิดบริการ 3 แห่ง
ในวันเดียวกันนี้ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) สรุปสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านการแพทย์และสาธารณสุข(รายวัน) โดยข้อมูล ณ เวลา 10.00 น. วันนี้(7 ส.ค.) ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 56 ราย เป็นผู้บาดเจ็บ 39 ราย บาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บเล็กน้อยสีเหลือง 13 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อยสีเขียว 14 ราย
ส่วนเสียชีวิตเท่าเดิม 17 ราย คือ เสียชีวิตทางตรง 14 ราย และทางอ้อม 3 ราย
โดยจำนวนผู้บาดเจ็บลดลง เนื่องจาก 1. กลับบ้าน 1 ราย (รพ. ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ) และ 2. ส่งต่อ (Refer) 1 ราย (รพ.เบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ส่งต่อรักษา รพ. กันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ)
ส่วนโรงพยาบาล(รพ.) ที่ได้รับผลกระทบ ตัวเลฃขสะสมยังคงที่ 20 แห่ง เปิดปกติแล้ว 6 แห่ง เปิดบางส่วน 11 ราย ยังคงปิดบริการ 3 แห่ง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลง คือ รพ. ที่ได้รับผลกระทบ เปิดบริการเพิ่ม 1 แห่ง คือ รพ.จิตเวชสระแก้ว (7 ส.ค. 68) ขณะที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ได้รับผลกระทบ เปิดปกติ : +1 แห่ง เปิดบางส่วน : คงเดิม ปิดบริการ : -1 แห่ง
สรุปคือ รพ.ที่ยังปิดบริการทั้งหมดมี 3 แห่ง คือ 1) รพ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี (24 ก.ค. 68) 2) รพ.พนมดงรักฯ จ.สุรินทร์ (24 ก.ค. 68) และ 3) รพ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ (25 ก.ค. 68)
ศูนย์อพยพประชาชน 4 จังหวัด เปิด 504 แห่ง รองรับผู้อพยพ 388,710 คน ผู้อพยพภายในศูนย์ปัจจุบัน 85,567 คน มีกลุ่มเปราะบาง 27,245 คน ทั้งผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก 0-5 ปี ผู้ป่วยฟอกไต และผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรัง ทั้งนี้ ได้มีการคัดกรองดูแลจิตใจจำนวน 8,311 คน เครียดสูง 4,451 คน และเสี่ยงฆ่-าตัวเสียชีวิต 486 คน โดยมีทีมปฏิบัติการแพทย์และฉุกเฉินดูแลทั้งหมด 1,174 ทีม และมีทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขจิตอาสา(Stand by) จำนวน 1,987 คน
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )