
21 สส.รวมไทยสร้างชาติ ลงชื่อ-ยื่นหนังสือถึง แพทองธาร ปรับรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคทุกตำแหน่ง อ้าง ขาดความรู้ความสามารถ รัฐมนตรีโดนกกต.-สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตรวจสอบเรื่องจริยธรรม ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์-ความเชื่อมั่นต่อประชาชน
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 9 มิถุนายน 2568 หนึ่งในแกนนำของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้เดินทางไปที่เมืองทองธานี เพื่อพบกับนางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีวาระไปเป็นประธานเปิดงาน OTOP Midyear 2025 โดยมีการหารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี ประมาณ 15-20 นาที พร้อมกับการยื่นหนังสือข้อเสนอการปรับ ครม. ในสัดส่วนของพรรครทสช. พร้อมกับแนบรายชื่อ สส. พรรครสทช. จำนวน 21 คน แนบท้ายหนังสือ โดยมีรายละเอียดในหนังสือ ดังนี้
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงและสังคม อาทิ ความขัดแย้งระหว่างประเทศในภูมิภาค สงครามทางการค้า ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการลวงลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ การชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว ความเปราะบางของผู้ประกอบการ SME ตลอดจนภาระค่าครองชีพของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และอาจบั่นทอนเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังขาดความรู้ความสามารถในการบริหารงาน รวมถึงการผลักดันนโยบายและการสร้างผลงานของรัฐมนตรี ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับประเด็นด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะในกรณีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ซึ่งปรากฎเป็นข่าวในหลายกรณี อันอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลโดยรวม
กรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ที่อาจเข้าข่ายการกระทำอันขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 และ 184 ซึ่งว่าด้วยการใช้อำนาจแทรกแซงการปฏิบัติงานของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล ตลอดจนประเด็นที่อาจเข้าข่ายการกระทำอันขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 ซึ่งว่าด้วยการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งหน่งทางการเมืองอันอาจส่งผลต่อสถานภาพและคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเห็นว่า คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ “ความสุจริตอันเป็นที่ประจักษ์” ซึ่งถือเป็นหลักคุณธรรมพื้นฐาน และเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งของการดำรงตำแหน่งทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ด้วยกลไกภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติในปัจจุบันที่ไม่สามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในการสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ที่เหมาะสม มาช่วยขับเคลื่อนในการแก้ปัญหาให้กับรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำได้
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติตามรายชื่อแนบท้ายจึงได้หารือร่วมกัน โดยยึดหลักความห่วงใยต่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ จึงใคร่ขอเสนอให้ท่านนายกรัฐมนตรีพิจารณาปรับเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติในทุกตำแหน่ง เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีเอกภาพ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในภาวะวิกฤตเช่นปัจจุบันได้อย่างแท้จริง
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )