ครบหนึ่งปี อเล็กเซ นาวาลนี เสียชีวิต ฝ่ายค้านรัสเซียสูญสิ้นไปแล้วหรือไม่

ที่มาของภาพ : Getty Photos
Article files
- Author, ซาราห์ เรนส์ฟอร์ด
- Position, ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำยุโรปตะวันออก
หลังจากนายอเล็กเซ นาวาลนี แกนนำฝ่ายค้านรัสเซีย เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาในเรือนจำเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ผู้สนับสนุนของเขาได้ช่วยกันเลือกแผ่นหินสำหรับวางเหนือหลุมXพในกรุงมอสโก
“มันจะเป็นสถานที่แห่งความหวังและความเข้มแข็งสำหรับทุกคนที่ใฝ่ฝันถึงรัสเซียที่สวยงามในอนาคต” ยูเลีย นาวาลนายา ภรรยาของนายอเล็กเซ กล่าวคำพูดที่โด่งดังที่สุดของเขา
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วภรรยาของนายอเล็กเซเปิดเผยแบบร่างของแผ่นหินเหนือหลุมXพในวิดีโอ เธอหวังว่าหลุมXพแห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่ที่บรรดาผู้ที่ต่อต้านวลาดิเมียร์ ปูติน จะไปเยือน “เพื่อจดจำว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”
ตอนนี้ยูเลีย นาวาลนายา พำนักอยู่ที่ต่างประเทศ และเธออาจถูกจับกุมหากเดินทางกลับไปยังรัสเซีย คำพูดของเธอในวิดีโอนั้นสะท้อนถึงความทะเยอะทะยานมุ่งมั่นว่ามันถดถอยน้อยลงเพียงใด
เป็นเวลาหลายปีที่นายอเล็กเซ นาวาลนี เป็นคู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญของวลาดิเมียร์ ปูติน ด้วยบุคลิกโดดเด่นและความกล้าหาญ ปัจจุบันกระทั่งทนายความของนายอเล็กเซ นาวาลนี ก็ถูกจำคุกเพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกหัวรุนแรง ผู้สนับสนุนจำนวนมากหนีออกจากรัสเซียเพื่อความปลอดภัย ส่วนคนที่ยังอยู่ส่วนใหญ่ก็มีความหวาดกลัวจนพวกเขาต้องสงบเงียบลง
แต่ตอนนี้วลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งห่างไกลจากการพ่ายแพ้ในสงครามยูเครน ดูเหมือนว่าจะสามารถกำหนดเงื่อนไขข้อตกลงสันติภาพกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้แล้ว
แล้วฝ่ายค้านประชาธิปไตยของรัสเซียและความฝันในการเปลี่ยนแปลงรัสเซียได้xายลงไปพร้อมกับอเล็กเซ นาวาลนี ที่เรือนจำอาร์ติกยาร์ดหรือไม่ บีบีซีประมวลความเคลื่อนไหวของพวกเขา
การบีบคั้นฝ่ายประชาธิปไตยในรัสเซีย
เคเซเนีย ฟาดีวา กำลังรับโทษจำคุกเป็นเวลา 9 ปี ตอนที่โทรทัศน์ในห้องคุมขังของเธอประกาศข่าวการxายของอเล็กเซ นาวาลนี โดยระบุว่าเขาหมดสติระหว่างออกมาเดินยืดเส้นยืดสาย
“ฉันตกอยู่ในอาการมึนงง ฉันแทบจะพูดอะไรไม่ออก” นักเคลื่อนไหวทวนความจำ “มันเป็นคืนแห่งฝันร้าย”
เคเซเนีย เคยเป็นนักโทษการเมืองมาก่อนและถูกตราหน้าว่าเป็นพวกหัวรุนแรงสุดโต่งจากการความเชื่อมโยงของเธอกับนายนาวาลนี เธอดูแลสำนักงานของนายนาวาลนีในเมืองทอมสก์ (Tomsk) บ้านเกิดของเธอในไซบีเรียตอนที่นายนาวาลนีลงแข่งขันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีกับปูตินเมื่อปี 2018 ซึ่งเขาถูกขัดขวาง
ย้อนกลับไปตอนนั้น เคเซเนียเปิดเผยสภาพรถยนต์ของเธอที่ถูกสาดสีและยางรถถูกกรีด วันต่อมาประตูห้องพักที่แฟลตของเธอถูกปิดผนึกด้วยกาวโฟมทำให้เธอติดอยู่ภายใน แต่นักเคลื่อนไหวหญิงสาวรายนี้ก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ เพราะว่าเธอยังอยู่ในรัสเซีย
ณ จุดหนึ่ง ปูตินได้บีบบังคับให้รัสเซียตกอยู่ในสภาวะที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเป็นเวลาเกือบจะสองทศวรรษแล้ว เขาจะเปลี่ยนจากการควบคุมสู่มาเป็นการโกงเลือกตั้งและลงโทษผู้ประท้วง จากนั้นพวกเขาก็จะถูกวางยาพิษและถูกลอบสังหาร
เดือน ก.พ. ยังเป็นเดือนที่ครบรอบ 10 ปีที่นายบอริส เนมต์ซอฟ แกนนำฝ่ายค้านที่มีอิทธิพลอีกรายถูกสังหาร เขาถูกxิงจากด้านหลังที่บริเวณกำแพงแดงของทำเนียบรัฐบาลเครมลิน
ก่อนการสังหารนายเนมต์ซอฟ รัสเซียได้เข้าผนวกไครเมียเป็นดินแดนของตัวเองก่อนนั้นเพียงหนึ่งปี และคะแนนความนิยมของปูตินก็เกิดจากกระแสชาตินิยมอันเป็นพิษ นักวิจารณ์อย่างเนมต์ซอฟถูกใส่ร้ายอย่างเปิดเผยว่าเป็นพวกทรยศต่อชาติ
ร่างไร้วิญญาณของนักการเมืองที่ถูกทิ้งไว้ใต้แสงไฟหลากสีสันของธงชาติรัสเซีย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่มืดมิด
ฝ่ายค้านกลายเป็นอาชญากรและถูกส่งออกนอกประเทศ
นาวาลนีพยายามอย่างยิ่งที่จะฟื้นลมหายใจให้กับฝ่ายค้านของรัสเซียที่กำลังระส่ำระส่าย เขาเชี่ยวชาญในการใช้โซเชียลมีเดียและสร้างวาระเกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชัน เขาเป็นที่น่าดึงดูดอย่างแท้จริงโดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่
แต่ในปี 2020 เขาถูกวางยาพิษด้วยสารพิษทำลายประสาทโนวีชอกและเกือบจะเสียชีวิตในตอนนั้น

ที่มาของภาพ : AFP/GETTY IMAGES
“ฉันรู้ว่าพวกเขาอาจจะจับคุณขังคุก ทุบตีกลุ่มผู้ประท้วง ยัดข้อหาทางอาญา แต่การทำกระทั่งใช้อาวุธเคมีมาวางยาผิดหรือ ? ฉันคิดว่าระบอบ (ของปูติน) จะแตะเบรกบ้าง แต่ฉันคิดผิด” เคเซเนีย ฟาดีวา กล่าวถึงความรู้สึกตกตะลึงต่อเหตุการณ์ตอนนั้น
หลังจากนาวาลนีกลับจากรักษาตัวที่ต่างประเทศ เขาถูกจับกุมทันทีที่สนามบิน และเขาไม่มีวันได้เป็นอิสระ
ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น การไม่มีความเคลื่อนไหวต่อต้านอย่างเปิดเผยไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจนัก
“ผมไม่คิดว่ามีประเทศไหนในโลกที่มีคนจำนวนมากเสี่ยงต่อการถูกขังคุกเป็นเวลาหลายปีจากการพูดแสดงความเห็น” วลาดิเมียร์ คารา-เมอร์ซาร์ นักเคลื่อนไหวชื่อดังเขียนมาถึงผู้สื่อข่าวบีบีซีจากในเรือนจำ
วลาดิเมียร์ คารา-เมอร์ซาร์ ถูกจำคุกเป็นเวลา 25 ปีจากการประณามรัสเซียที่ก่อสงครามกับยูเครน เขวิจารณ์ว่าคนรัสเซียล้มเหลวในการคัดค้านปูตินอย่างหนักแน่นรวมทั้งล้มเหลวในการหยุดปูตินต่อการเข้าไปรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ
ตอนนั้นนาวาลนีอยู่ในเรือนจำอยู่แล้ว การประท้วงต่อต้านสงครามก็ถูกปราบปรามอย่างรวดเร็ว
“ในรัสเซีย ประเด็นคือไม่ใช่เรื่องที่ว่าไม่มีใครมีเสน่ห์เหมือนนาวาลนี” ทาเทียนา สตาโนวายา นักวิจัยอาวุโสแห่งศูนย์รัสเซีย-ยูเรเซียคาร์เนกี กล่าว โดยอธิบายถึง การที่ไม่มีผู้นำคนใหม่ขึ้นมานับตั้งแต่เขาเสียชีวิต
“แต่เรากำลังพูดถึงการทำให้ฝ่ายค้านกลายเป็นอาชญากรรมอย่างสมบูรณ์”
เมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว วลาดิเมียร์ คารา-เมอร์ซาร์ และเคเซเนีย ฟาดีวา ถูกนำตัวออกจากเรือนจำและถูกบังคับเนรเทศออกจากประเทศ ในฐานะส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนนักโทษครั้งใหญ่
รัฐบาลเครมลินส่งผู้เห็นต่างออกนอกประเทศ หลังจากนั้นนาวาลนีก็เสียชีวิตในคุก
เคเซเนีย เชื่อว่าหากนาวาลนียังมีชีวิต แม้ว่าจะเป็นการอยู่นอกรัสเซียเขาอาจสร้างความแตกต่างให้กับสถานการณ์ตอนนี้ เธอบอกว่าสิ่งต่าง ๆ อาจแตกต่างออกไปหากนาวาลนีถูกแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ เสียงของเขาคงจะดังขึ้น และฝ่ายค้านคงส่งอิทธิพลได้มากกว่านี้
“ด้วยเงื่อนไขอันยากลำบากในปัจจุบัน ฉันไม่รู้ว่าจะหาผู้นำคนไหนได้เหมือนกับนาวาลนี”
สถานะหยุดนิ่ง
ทีมของนาวาลนีทำงานอย่างไม่หยุดยั้งในต่างแดน ครึ่งหนึ่งดำเนินการล็อบบี้รัฐบาลชาติตะวันตกเพื่อทำให้การคว่ำบาตรมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่วนอีกครึ่งหนึ่งพยายามเข้าทลายกำแพงของการโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียด้วยการเปิดโปงผู้ติดสอยห้อยตามของปูติน ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของพวกเขามุ่งเป้าไปที่พันธมิตรที่ทรงอำนาจของปูตินที่ชื่อว่า อิกอร์ เซชิน ซึ่งเคยออกมาโต้แย้งว่า ปูตินเพียงแต่เสแสร้ง “ทำให้รัสเซียยิ่งใหญ่” ขณะที่เขาและพวกพ้องกำลังปล้นเอาความมั่งคั่งของประเทศไป
การสอบสวนในลักษณนี้เคยจุดชนวนให้เกิดการประท้วงขึ้นจริง แต่ตอนนี้คนที่รับชมในรัสเซียจะสามารถดูได้ผ่านช่องทาง VPN เท่านั้น และส่วนมากไม่กล้าที่จะพิมพ์แสดงความคิดเห็น
“คุณอาจจะถูกแจ้งข้อหา จากการเพียงแค่ยกนิ้วขึ้นมา” เคเซเนีย กล่าว โดยภาพยนตร์เรื่องล่าสุดนี้มีการรับชมไปแล้วเกือบ 2 ล้านครั้งในช่วง 10 วัน และเธอเชื่อว่าผู้ชมส่วนมากอยู่ในรัสเซีย
“ผู้คนไม่ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองของตัวเอง มันยังมีอยู่เหมือนเดิม พวกเขาอ่าน ติดตาม และตามดูอย่างแน่นอน” เธอกล่าว “แต่พวกเขาประท้วงไม่ได้ พวกเขาแค่เอาชีวิตให้อยู่รอด”
คำกล่าวนี้เป็นสิ่งที่บีบีซีได้ยินบ่อยครั้งจากปากของนักเคลื่อนไหว พวกเขาอธิบายว่าฝ่ายค้านกำลังอยู่ในสถานะหยุดยิ่ง
“เราสามารถยึดมั่นอยู่กับคุณค่าการสนับสนุนประชาธิปไตยในระดับพื้นฐานและพยายามทำให้ผู้คนปลอดภัยสำหรับรัสเซียในอนาคต” อนาสตาเซีย บูราโกวา กล่าว โดยโครงการ “อาร์ก” ของเธอ ก็ดำเนินการโดยมีเป้าประสงค์ในระดับนี้
“แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะหยุดระบอบเผด็จการนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร”

ที่มาของภาพ : AFP/GETTY IMAGES
ล้มเหลวในการโน้มน้าวใจ
ทว่ามีความต้องการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ในรัสเซีย
“ลองนึกถึงคำถามว่า คุณสนับสนุนวลาดิเมียร์ ปูตินหรือคุณจะติดคุก 15 ปี” เคเซเนีย ฟาดีวา ล้อเลียนลักษณะทำโพลสำรวจความเห็นในประเทศเผด็จการ
คนอื่น ๆ เชื่อว่านักวิจัยมีวิธีการในการสำรวจชีพจรของสังคม และพวกเขายืนยันว่ามันไม่ได้รับแรงกระเพื่อมจากยูเลีย นาวาลนี และพวก

ที่มาของภาพ : EPA
ภรรยาม่ายของนาวาลนีมีอำนาจที่ชอบธรรม แต่ยังเทียบไม่ได้กับทักษะทางการเมืองของสามี
“ทั้งหมดนี้… ผู้นำทางฝ่ายเสรีนิยมมีคะแนนนิยมต่ำมาก” ทาเทียนา สตาโนวายา นักวิจัยอาวุโสแห่งศูนย์รัสเซีย-ยูเรเซียคาร์เนกี กล่าว ในทางกลับกัน นักวิชาการรายนี้พบว่ามีการสนับสนุนรัฐบาลรัสเซียเพิ่มขึ้น ซึ่งเธอเชื่อมโยงการสนับสนุนนี้กับการที่ยูเครนบุกโจมตีทางอากาศด้วยโดรนเพิ่มขึ้นต่อรัสเซีย
“ประชาชนเห็นว่าเราเปราะมากอย่างมาก และพวกเขาต้องเลือกผู้เล่นที่แกร่งที่สุดที่จะพึ่งพาได้” นักวิเคราะห์กล่าว “มันไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาชอบปูตินหรือมองว่าเขาเป็นฮีโร่ในแง่บวก มันเป็นเพราะว่าเขาปกป้องรัสเซียในสถานการณ์ที่ร้ายแรงได้” ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะเป็นปูตินเองที่เป็นผู้สร้างปัจจัยขึ้นมาด้วยเองจากการเข้าสู่สงคราม
การที่โดนัลด์ ทรัมป์ ดูเหมือนจะเข้าข้างมอสโกในตอนนี้มีส่วนอย่างมาก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยกล่าวว่าเขา “เข้าใจ” คำสั่งยับยั้งของรัสเซียที่ห้ามยูเครนเข้าร่วมนาโต ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะยอมรับเงื่อนไขสำคัญนี้แล้ว แม้กระทั่งก่อนการเจรจาสันติภาพใด ๆ
“ดิฉันคิดว่าสงครามได้ทำให้ความรู้สึกต่อต้านตะวันตกหยั่งรากลึกลงไป” ดร.เจด แม็กกลินน์ จากคิงส์คอลเลจ กล่าว “ดิฉันยังมองไม่เห็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า คนรัสเซียกลุ่มน้อยที่เป็นเสรีนิยมหัวก้าวหน้า ต้องการประชาธิปไตยแบบชาติตะวันตก”
“ดิฉันคิดว่าฝ่ายเสรีหัวก้าวหน้า… ในที่สุดแล้วไม่สามารถจะโน้มน้าวใจใครได้”
ในประโยคดังกล่าวสรุปรวมความคิดทั้งหมด ซึ่งรวมถึงความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจและการทุจริตครั้งใหญ่ที่ชาวรัสเซียประสบเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ทั้งหมดนี้ทำให้ประชาธิปไตยกลายเป็นคำที่น่ารังเกียจ
เป็นเวลาหลายปีที่โทรทัศน์ที่รัฐควบคุมพร่ำตะโกนไปยังห้องนั่งเล่นของทุก ๆ บ้านว่า ผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เป็นศัตรูของรัสเซียและเป็นสายลับของตะวันตก
“เครมลินเล่นกับความกลัวอย่างแท้จริง ซึ่งมันฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของรัสเซียว่าฝ่ายตะวันตกพยายามที่จะทำลายรัสเซีย ทำให้อ่อนแอลงและแบ่งแยก” ทาเทียนา สตาโนวายา กล่าว “มันเป็นแหล่งเชื้อชั้นดีที่ทำให้เครมลินเดินหน้าต่อไปได้”
ผู้เห็นต่างที่แตกแยก
ในกลุ่มของฝ่ายค้านก็มีความแตกแยกที่ร้าวลึกเช่นกัน
การแข่งขันอันดุเดือดและความขัดแย้งส่วนตัวที่สั่งสมมานานหลายปีได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงที่ลี้ภัยออกนอกประเทศ และตอนนี้มักปะทุขึ้นเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและเปิดเผยต่อสาธารณะ
“เราสามารถอภิปรายกันเรื่องนี้หลังจากมีประชาธิปไตยในรัสเซีย แต่ตอนนี้เรามีเป้าหมายเดียวกันและศัตรูคนเดียวกัน ซึ่งเขานั่งอยู่ในเครมลิน” อนาสตาเซีย บูราโกวา แสดงความไม่พอใจแทนใครหลายคนว่า ความขัดแย้งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ไขว้เขวอย่างอันตราย
ความแตกแยกดังกล่าว เป็นเหตุผลที่ ดร.เจด แม็กกลินน์ มองว่าควรเรียกนักเคลื่อนไหวที่ลี้ภัยว่าเป็น “ผู้เห็นต่าง” แทนการเรียกว่าฝ่ายต่อต้านหรือฝ่ายค้านทางการเมือง
“การเมืองเป็นเรื่องของการปฏิบัติ มิเช่นนั้นคุณก็จะเป็นเพียงนักปรัชญา” เธอกล่าว และบอกว่าการท้าทายผู้มีอำนาจเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในรัสเซียในเวลานี้

ที่มาของภาพ : Getty Photos
อนาสตาเซีย เชฟเชนโก นักเคลื่อนไหวรัสเซียที่ให้การช่วยเหลือชาวยูเครน แสดงความเห็นด้วยกับ ดร.เจด แต่เธอบอกว่า การเพียงเอาตัวรอดในระบอบปูตินไม่เพียงพอสำหรับเธอ
“ฉันเกลียดที่คนยังคงพูดถึง ‘รัสเซียที่สวยงามแห่งอนาคต'” นักเคลื่อนไหวผู้นี้กล่าวถึงคำพูดของอเล็กเซ นาวาลนี กับบีบีซีตอนที่พบปะที่กรุงเคียฟเมื่อเดือนที่แล้ว เธอบอก้ด้วยว่า “คุณจะมีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อเมืองต่าง ๆ ถูกทำลายและมีผู้คนมากมายถูกสังหาร”
บุคคลฝ่ายค้านคนอื่น ๆ ยังคงยืนยันที่จะเรียกสงครามครั้งนี้ว่า “สงครามของปูติน” เพื่อสื่อว่าคนรัสเซียส่วนใหญ่ต่อต้านการรุกราน ซึ่งทำให้ชาวยูเครนโกรธเคือง
“ฉันคิดว่าการอ้างว่านี่เป็นสงครามของคนเพียงคนเดียว ทั้งที่มีทหาร 6 แสนนายอยู่ที่นั่น และมีคนกว่า 3 ล้านคนในอุตสาหกรรมกลาโหม ยังไม่นับพวกโฆษณาชวนเชื่อทั้งหมด มันไม่น่าเชื่อถือเลย” ดร.เจด แม็กกลินน์ กล่าวยืนยัน
หนทางอื่นในการช่วยเหลือ
แต่อนาสตาเซีย เชฟเชนโก พยายามอย่างหนักที่จะเน้นไปที่สิ่งอื่น เพราะในขณะที่การเปลี่ยนแปลงภายในรัสเซียยังคง “อยู่ห่างไกลมาก” เธอเห็นว่ายูเครนกำลังเผชิญปัญหาในตอนนี้ซึ่งเธอสามารถช่วยได้ อนาสตาเซียกลายเป็นศูนย์กลางสื่อสารเพียงคนเดียวสำหรับทหารยูเครนที่ถูกจับเป็นเชลยศึกในรัสเซีย นักโทษสงครามเหล่านี้ไม่สามารถโทรติดต่อไปยังหมายเลขของยูเครนจากเรือนจำรัสเซียได้ พวกเขาจึงโทรหาอนาสตาเซียผ่านมือถือของเธอ จากนั้นเธอจะติดต่อแม่หรือภรรยาของพวกเขาผ่านสายโทรศัพท์อีกเครื่อง แล้วนำโทรศัพท์มาวางติดกันเพื่อให้พวกเขาได้พูดคุยกัน
“ถ้าคุณสามารถช่วยยูเครนได้ คุณก็ควรทำ” เธอเชื่อเช่นนั้น “แต่พวกเราชาวรัสเซียกลับสนใจแค่รัสเซียเท่านั้น ซึ่งฉันไม่เข้าใจเลย”
ส่วนเคเซเนีย ฟาดีวา ขณะที่เธอยังคงปรับตัวให้เข้ากับชีวิตหลังออกจากเรือนจำและการอยู่ห่างจากประเทศของตัวเอง เธอปรับความสนใจจากการเมืองมาที่เรื่องสิทธิมนุษยชนด้วยการช่วยเหลือนักโทษการเมืองคนอื่น ๆ
“ฉันยังเชื่อว่ารัสเซียมีโอกาสที่จะกลายเป็นประเทศยุโรปที่เป็นปกติ เป็นอิสระ และสงบสุข” เคเซเนีย ฟาดีวา ยืนยัน “แต่ตอนนี้ระบอบการปกครองกลับยิ่งแข็งกร้าวและเป็นเผด็จการมากขึ้น”
ทางด้านอนาสตาเซีย เชฟเชนโก แสดงความเห็นด้วย แม้ว่าเธอจะจำได้ถึงการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และยอมรับว่าประวัติศาสตร์นั้นคาดเดาไม่ได้ “คุณไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น คุณต้องเตรียมพร้อม”
แต่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับอะไร ?

ที่มาของภาพ : Getty Photos
ผีชาตินิยม
แนวคิดที่ว่ารัสเซียจะก้าวพ้นจากระบอบหรือลัทธิปูตินไปสู่ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมดูเหมือนจะเป็นไปได้น้อยกว่าที่เคยเป็นมา
ดร.เจด แม็กกลินน์ นักวิชาการจากคิงส์คอลเลจ มองว่าไม่เห็นว่ามีแนวโน้มใด ๆ เกิดขึ้น ยกเว้นว่าวิสัยทัศน์ที่นำไปสู่การรุกรานยูเครนอย่าง “วิสัยทัศน์ของรัสเซียที่จะเป็นจักรวรรดินิยมและชาตินิยม” จะพ่ายแพ้
“ดิฉันคิดว่าตอนนั้นเราถึงจะเห็นการต่อต้านที่แท้จริง” เธอกล่าวซึ่งก็คือ “จากคนที่มีความคิดชาตินิยมที่เคียดแค้น” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีทหารผ่านศึกหลายหมื่นนายและมีความเจ็บปวดทางจิตใจ
“ทางการจะขายอะไรให้กับพวกเขา แนวคิดอะไรที่จะขายได้” เคเนเซีย ฟาดีวา แสดงความสงสัยถึงช่วงเวลาที่สงครามจบลง
ทุกคนเห็นด้วยว่าการปราบปรามทางการเมืองจะยังคงเข้มข้นรุนแรง ซึ่งนักวิเคราะห์อย่างทาเทียนา สตาโนวายา ชี้ว่า “รัฐ โดยเฉพาะกลไกปราบปราม ไม่มีทักษะในการผ่อนปรน”
ในวันอาทิตย์ ผู้สนับสนุนของนายอเล็กเซ นาวาลนี มีแผนจัดพิธีรำลึกในหลายประเทศ ตั้งแต่อาร์เจนตินาไปจนถึงออสเตรเลีย เพื่อรำลึกถึงวันครบรอบการเสียชีวิตของเขา ส่วนในกรุงมอสโก ผู้สนับสนุนบางคนมีแผนจะไปเคารพหลุมXพ โดยอาจมีไม่กี่คนที่กล้าตะโกนเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง
แต่ที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้ที่ยังคงยึดมั่นในความฝันถึงรัสเซียที่เป็นประชาธิปไตย พวกเขาจะคอยมองหาว่าใครยังคงเหลืออยู่บ้าง และยังคงรอคอย
ที่มา BBC.co.uk