‘บิ๊กเต่า’ เผยคืบหน้าสอบทุจริตขายยา รพ.ทหารผ่านศึก คาดสองสัปดาห์นี้ดำเนินคดีกลุ่มสนับสนุน-มีเจตนาทุจริตชัดเจนได้ ขณะ ป.ป.ท.เตรียมหารือกรมบัญชีกลางถอดบทเรียนพร้อมขยายผลโรงพยาบาลอื่นๆ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่อาคารอาคารกีฬาเวสน์ 1 กองการกีฬา สํานักวัฒนธรรมกีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวกรณีความคืบหน้าคดีทุจริตยาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ว่า ภายหลังจากที่มีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ที่จังหวัดลพบุรีเสร็จสิ้นลงตั้งแต่ช่วงค่ำวันศุกร์ที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนนี้ทาง ที่สุด กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สรุปรายละเอียดและส่งผลการสืบสวนสอบสวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) เนื่องจากกระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งภายหลังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ตรวจสอบแล้วได้ส่งเรื่องกับมาให้บก.ปปป. ให้สืบสวนสอบสวนต่อให้ถึงที่สุด
รอง ผบช.ก.กล่าวย้ำว่าคดีนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดีอย่างแน่นอน เพราะแผนประทุษกรรมชัดเจน โดยขณะนี้ทราบเเล้วใครเป็นผู้บงการและใครเป็นผู้สั่งการส่วนในกรณีของผู้ป่วยในวันที่ 13 มี.ค. จะมีการหารือเพื่อจำแนกผู้เกี่ยวข้องออกเป็นกลุ่ม คือ 1.ผู้ที่มีเจตนากระทำความผิดและให้การสนับสนุนขบวนการทุจริตยาและเวชภัณฑ์ 2.ผู้ที่ถูกล่อลวงให้กระทำความผิด 3.ผู้บงการ 4.เหยื่อที่ถูกลวง โดยตำรวจจะดำเนิดการตามกฏหมายกลุ่มที่1ก่อนภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์นี้
ด้าน นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าว ปัจจุบันเห็นชัดว่ามีแผนประทุษกรรมที่ชัดเจนมาก เป็นคดีที่เลวร้ายที่สุดในคดีทุจริตของประเทศไทยเนื่องจากมีการล่อลวงชักชวนประชาชนมาเป็นเครื่องมือกระทำผิดเอาประโยชนเข้าตัวเอง
ดังนั้นกระบวนการสำคัญคือการอุดช่องโหว่งบประมาณของหน่วยงานรัฐให้อยู่ในกรอบที่ถูกต้อง โดยพรุ่งนี้(13 มี.ค.) ทางป.ป.ท. จะมีการหารือร่วมกับกรมบัญชีกลางเพื่อนำคดีดังกล่าวมาถอดบทเรียน และขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่นๆว่า มีการทำผิดแบบเดียวกันหรือไม่ และเป็นการป้องกัน การทุจริตในอนาคต พร้อมเตรียมนำหมายเลขบัตรประชาชนทั้ง 13 หลักของคนไข้ไป ตรวจสอบและสกัดกั้นการรับยาแบบหมุนเวียน ร่วมรวมถึงเป็นการทดสอบสุขภาพรายบุคคลว่าป่วยจริงหรือไม่ และมีการจำเป็นที่จะต้องใช้ยาที่เบิกไปก่อนหน้านี้จริงหรือเปล่า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนติดใจสงสัยการดำเนินคดีกลุ่มผู้ทำความผิดในคดีดังกล่าวว่าทำไมถึงไม่ดำเนินคดีเช่นเดียวกับกลุ่มบัญชีม้า ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ด้านรองผบช.ก. และเลขา ปปท. พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีการละเว้น ซึ่งการดำเนินคดี อาจจะต้องมาดูว่ามีเจตนาในการกระทำความผิดหรือไม่ เช่น จงใจพกปิดข้อมูล ไม่ให้ความร่วมมือ เป็นต้น แต่หากมีผู้ที่ให้ความร่วมมือก็จะต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา เนื่องจากอาจกระทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า การดังกล่าวสร้างความเสียหายมากกว่า 2,000 ล้านบาท และ ผลคดีนี้ยังก่อเหตุร่วมกันทุจริตยาและเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาลอื่นอีกหลายที่ ซึ่งขณะนี้จะถูกขยายผลหลังจากคดีของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกเสร็จสิ้น ทั้งนี้ส่วนกรณียาเบื้องต้นชัดเจนแล้วว่ายามีการถูกนำไปขายต่อในธุรกิจยาเถื่อนและมีการโพสต์ขายผ่าน Fb ซึ่งต้นทุน 0% แต่รับกำไร 100% นอกจากนี้จาการตรวจสอบเส้นเงินมีการโยงใยไปถึงหัวหน้าขบวนการด้วย
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )