พรรคประชาชน เปิดกลยุทธ์ 1 ปี เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร-ส.ก. 50 เขต หลังวาระคนปัจจุบันเหลืออีก 1 ปี ระบุวางแคนดิเดตไว้แล้ว 5 คน ก่อนวิพากษ์ ‘ชัชชาติ’ ดีแค่ภาพลักษณ์ ทำงานยังไม่โดน
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน นำคณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “เปิด เปลี่ยน กรุง” เตรียมเดินหน้าผลักดันนโยบายกรุงเทพฯ ผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมนำเสนอแคนดิเดตและนโยบายที่ดีที่สุดให้ชาวกรุงเทพฯ ในการเลือกตั้งผู้ว่าและสมาชิกสภา กรุงเทพมหานคร ในปี 2569
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาที่เกิดรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้การผลักดันวาระใหญ่อย่างการแก้รัฐธรรมนูญไม่สามารถผลักดันได้ วันนี้ในฐานะพรรคฝ่ายค้านมาแถลงข่าวแคมเปญ “เปิด เปลี่ยน กรุง” เพื่อยืนยันกับว่าพรรคประชาชนไม่จำเป็นต้องรอได้อำนาจในฝ่ายบริหาร แต่สามารถดำเนินการหลายอย่างเพื่อเตรียมแก้ปัญหาให้ประชาชนได้
ซึ่งที่ผ่านมา สส.กรุงเทพฯ และ ส.ก.พรรคประชาชน ทำหน้าที่ทั้งในระดับเขตและในสภาในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้หลายเรื่อง ซึ่งสิ่งที่พรรคประชาชนจะทำต่อจากนี้ภายในอีก 1 ปีข้างหน้าคือการเดินหน้านำเสนอนโยบายที่ดีที่สุดและตัวแทนประชาชนที่ดีที่สุดให้ชาวกรุงเทพฯ ได้เลือกในปี 2569 และเพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวกรุงเทพฯ อย่างแท้จริง
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับทิศทางการทำงานของพรรคประชาชนต่อจากนี้ จะยังเป็นการเดินหน้าทำงานด้วยแนวทาง “สามจริง” คือพบประชาชนจริง ในสถานการณ์จริง และสถานที่จริง เหมือนตัวอย่างที่เขตทวีวัฒนาที่ ส.ก. ลงสำรวจรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบกรณีการเดินทางด้วยรถเมล์ของประชาชนบนถนนพุทธมณฑลสาย 3 มีรถเมล์แต่ไม่มีป้ายรถเมล์ ซึ่ง ส.ก. ได้เข้าไปขับเคลื่อนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนปัจจุบันมีจุดจอดรถเมล์เพิ่มเติม หรือกรณี ส.ก.พระโขนง ลงสำรวจทางเท้าบนถนนอุดมสุขที่ยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน ผลักดันแก้ไขโดยมีการเชิญทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างผู้ใช้วีลแชร์ และเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงสำรวจและมองเห็นปัญหาร่วมกันจนมีการปรับปรุงพื้นที่ให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้
การแก้ไขปัญหาต่อจากนี้มีกฎหมายและนโยบายอีกหลายข้อที่ต้องช่วยกันผลักดัน และยังมีอีกหลายปัญหาในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ประโยชนที่ดินรกร้าง การใช้พื้นที่สีเขียว การจัดการปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม หลายนโยบายแก้ปัญหาไม่ได้ด้วยการเมืองในระดับท้องถิ่นหรืออำนาจของผู้ว่า กรุงเทพมหานคร อย่างเดียว เช่น ปัญหาถนน หรือการเอาสายไฟลงดิน ที่ไม่สามารถทำได้เพราะอยู่ใต้อำนาจของหน่วยงานอื่น ดังนั้นปัญหาของคน กรุงเทพมหานคร จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการผลักดันผ่านการเมืองระดับประเทศและการแก้กฎหมายของ สส. ไปพร้อมกัน
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าทุกปัญหาของชาวกรุงเทพฯ ต่อจากนี้ พรรคประชาชนจะผลักดันให้มีการแก้ไขคู่ขนานกันทั้งในระดับรัฐสภาและสภา กรุงเทพมหานคร ต่อจากนี้เหลือเวลาอีกแค่ 1 ปีก่อนการเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร ในปีหน้า ขอเชิญชาวกรุงเทพฯ ที่อยากร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน ทั้งในการแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชน หรือร่วมเป็นตัวแทนของพรรคประชาชนในระดับสมาชิกสภา กรุงเทพมหานคร (ส.ก.) โดยโจทย์ของพรรคประชาชนในวันนี้เราต้องการส่งมอบนโยบายที่ดีที่สุดและแคนดิเดตที่ดีที่สุดให้ชาวกรุงเทพฯ ต่อจากนี้จะมีการจัดเวทีรับฟังความเห็นพัฒนานโยบายกรุงเทพฯ เพื่อให้นโยบายเหล่านั้นไม่ใช่เป็นเพียงนโยบายของพรรคประชาชน แต่เป็นนโยบายของประชาชนชาวกรุงเทพฯ ทุกคน
@กรุงเทพมหานครสนามที่ทุกคนมีโอกาสเท่ากัน
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงเลือกช่วงเวลานี้เปิดแคมเปญ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในการเลือกตั้งกำลังจะเกิดขึ้นในปีหน้า นโยบายและแคนดิเดตที่ดีที่สุด จะต้องใช้เวลาในการทำงาน และลงไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งแคนดิเดตที่จะลงสมัคร ขณะนี้มีอยู่หลายคน ยืนยันว่ามีคุณสมบัติมากเพียงพอ และเป็นคนที่ชาวกรุงเทพฯ จะต้องรัก และคิดว่าเหมาะสมในการเข้ามาบริหารแน่นอน ส่วนจะเป็นคนในหรือคนนอกนั้น เราค่อนข้างเปิดกว้าง
เมื่อถามว่าคุณสมบัติที่เรามองว่า จะทำให้ชนะการเลือกตั้ง หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า สิ่งแรกคือ เป็นผู้ว่าฯ ที่พร้อมในการบริหาร สิ่งที่สอง ต้องมีคุณสมบัติในการประสาน เพราะคงหนีไม่พ้นปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงทำให้จำเป็นต้องมีผู้ว่าฯ ที่กล้าสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา หากติดขัดระเบียบประการใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรัฐส่วนกลาง ก็ต้องกล้าพุ่งชน และเข้าไปติดต่อประสานงานมากกว่านี้ เพราะไม่เช่นนั้น จะไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อถามว่ามองปัจจัยสนามการเลือกตั้งกรุงเทพฯ อย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสนามที่ทุกคนมีโอกาสเท่าๆ กัน ซึ่งพรรคประชาชนมีความมั่นใจ หากดูจากตัวเลขในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้ง สก.และ สส.ของเรา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เราก็ไม่ประมาท ไม่ได้นิ่งนอนใจในคะแนนที่ได้ พร้อมลงมือทำงานอย่างเต็มที่ เชื่อว่านโยบายและแคนดิเดตที่ดี จะเป็นปัจจัยที่ทำให้พวกเราได้ชัยชนะอีกครั้ง
@แซะ ‘ชัชชาติ’ ดีแค่ภาพลักษณ์
“เรื่องที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ทำได้อย่างดีคือเรื่องของภาพลักษณ์ ในการทำงานจริงจัง แต่อาจจะยังไม่เพียงพอ ถ้าในการเลือกตั้งครั้งหน้า เรานำเสนอนโยบาย และแคนดิเดตที่ดีเพียงพอ จนได้รับความไว้วางใจจากชาวกรุงเทพฯ อย่างล้นหลาม เราจะสามารถผลักดันการแก้ไขปัญหาได้ดีกว่านายชัชชาติ” นายณัฐพงษ์ กล่าว
เมื่อถามว่าตั้งเป้าไว้ที่เท่าไหร่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถ้าตั้งความหวังไว้ว่าเอาชนะ 50 เขต สก. อาจจะดูสูงเกินไป แต่เราตั้งความหวังไว้แบบนั้นจริงๆ เพราะทุกเขตเลือกตั้งมีโอกาสในการชนะ แต่ยังไม่อยากให้ตัวเลขในขณะนี้ คงต้องรอช่วงใกล้สนามเลือกตั้ง จึงจะประเมินได้มากกว่านี้
@แย้มมีแคนดิเดต 5 คนชิงพ่อเมืองกรุงเทพมหานคร
เมื่อถามถึงกระแสข่าวในการเลือกตั้งสมัยหน้า นายชัชชาติจะลงอีกครั้ง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทุกคนที่เราเตรียมไว้มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ขณะนี้มีมากกว่า 5 คน ซึ่งทุกคนมีความเป็นนักบริหาร และสิ่งที่สำคัญ ก็คือมีอุดมการณ์ยืนเคียงข้างประชาชน กล้ามีปากมีเสียงต่อสู้เพื่อประชาชน
“ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ คือปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งท้องถิ่นหรือกรุงเทพฯ ขาดอำนาจ โดยเราจะมีการยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบราชการกรุงเทพฯ เพื่อผลักดันเข้าสู่สภาในสมัยนี้ แม้ขณะนี้เราจะเป็นเสียงข้างน้อย หากผลักดันไม่ผ่าน ก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีร่างไว้อยู่แล้วถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าในปี 2569 เราได้รับความไว้วางใจจากชาวกรุงเทพฯ และได้รับความไว้วางใจอีกครั้งในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2570 เมื่อเรามีอำนาจฝ่ายบริหาร เราพร้อมผลักดันกฎหมายต่างๆ ที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการบริหารอย่างแน่นอน และเราจะแก้ไขปัญหา เรื่องการใช้สอยประโยชน์ที่ดิน ฝุ่น การขนส่งสาธารณะ การจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม การศึกษา ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญเช่นกันด้วย” นายณัฐพงษ์ กล่าว
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )