ลามภาคใต้ ไชน่า เรลเวย์ฯ รับงานสร้างตึก โรงพยาบาลสงขลา – บ้านพักตุลาการ

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลา สั่งคุมเข้มมาตรฐานก่อสร้างอาคารผู้ป่วย 9 ชั้น มูลค่ากว่า 400 ล้าน หลังพบผู้รับเหมาเป็นกิจการร่วมค้า มีชื่อ “ไชน่า เรลเวย์ฯ” เจ้าเดียวกับที่ร่วมก่อสร้างอาคาร สตง.ถล่มช่วงแผ่นดินไหว พบการก่อสร้างคืบหน้าแค่ 50% ทั้งที่ใกล้สิ้นสุดสัญญา ก.ค.นี้ พบอีกโครงการสร้างบ้านพักตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 9

จากกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในพื้นที่ย่านจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มลงมาหลังเกิดแผ่นดินไหว เมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 28 มี.ค.68 และพบว่าอาคารดังกล่าวดำเนินการก่อสร้างโดยกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด

ต่อมามีการขุดคุ้ยว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เป็นบริษัททุนจีน ซึ่งน่าจะใช้คนไทยถือหุ้นเป็นนอมินีเพื่อให้เกิน 50% จะได้ไม่ขัดกฎหมายไทยว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และยังมีพฤติการณ์ไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง กระทั่งพบว่า เหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างก็ไม่ได้มาตรฐาน ซ้ำยังเป็นเหล็กที่ซื้อจากบริษัททุนจีน ชื่อ “ซิน เคอ หยวน สตีล” ซึ่งตั้งอยู่ใน จ.ระยอง และบริษัทแห่งนี้เพิ่งเกิดsะเบิดและถูกสั่งปิด เพราะพบว่าผลิตและจำหน่ายเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกิดกระแสตื่นตัวตรวจสอบบริษัททุนจีนที่รับงานก่อสร้างในไทยนั้น

ล่าสุด วันอังคารที่ 1 เม.ย.68 ทีมข่าวได้ตรวจสอบพบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ยังมีส่วนร่วมในโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ โรงพยาบาลสงขลา โดยเป็นอาคารสูง 9 ชั้น มูลค่าโครงการ 426.9 ล้านบาท เริ่มสัญญาวันที่ 30 ส.ค.65 และจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 24 ก.ค.68 ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหารือเพื่อวางแนวทางการดำเนินการต่อไป เพื่อเรียกความมั่นใจ

นายแพทย์รัตนพล ล้อประเสริฐกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลา เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือของกิจการร่วมค้า AKC โดยมี บริษัท อัคกร ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ถือหุ้น 51% และ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้น 49% ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปแล้ว 50% แต่ล่าช้ากว่าแผนงานถึง 40%

อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลยืนยันว่า มีการควบคุมคุณภาพวัสดุทุกขั้นตอน และออกแบบให้รองรับแผ่นดินไหวตามมาตรฐาน

@@ ผู้จัดการโครงการสั่งหยุดงานชั่วคราวหลังแผ่นดินไหว

ด้าน นายศุภโชค ภักดี ผู้จัดการโครงการ ระบุว่า อาคารก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานของกรมโยธาธิการและผังเมือง มีการทดสอบเหล็กและคอนกรีตทุกครั้งก่อนใช้งาน

นอกจากนั้น ขณะเกิดแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา คนงานที่ปฏิบัติงานอยู่บนเครนก็รับรู้แรงสั่นสะเทือน จึงได้อพยพออกจากพื้นที่ทันที หลังจากนั้นมีการตรวจสอบโครงสร้างอาคาร ไม่พบรอยร้าวหรือความเสียหาย แต่ขณะนี้ได้ให้คนงานหยุดงานชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

@@ บุกพิสูจน์ถึงไซต์งาน เข้มมาตรฐานก่อสร้าง

ทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณทางเข้าไซต์งานก่อสร้างอาคารแห่งนี้ เบื้องต้นพบว่า มีการติดประกาศแผ่นป้ายสัญญาโครงการ และรายละเอียดของโครงการ

ส่วนแผ่นป้ายไวนิล ชื่อบริษัทผู้รับเหมานั้น อยู่ตรงทางเข้าไซต์งาน แต่มองเห็นได้ไม่ชัด เพราะต้องตั้งป้ายหลบรถหรือคนงานที่เดินทางเข้า-ออกไซต์งาน มีเพียงโลโก้บนคานทางเข้าที่เป็นของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และบริษัทที่ประมูลงานได้

ทั้งนี้ โรงพยาบาลสงขลาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของโครงการ หากพบว่ามีปัญหาหรือข้อบกพร่องที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของอาคาร อาจมีการพิจารณาทบทวนสัญญาหรือเปลี่ยนแปลงแนวทางการก่อสร้าง รวมถึงการเข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพวัสดุและโครงสร้าง เพื่อให้มั่นใจว่าการก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานในอนาคต

@@ แฉ “บริษัทร่วมค้าฯ” ไทย 51% จีน 49% อยู่ตึกเดียวกัน

เป็นที่น่าสังเกตว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด จดทะเบียนที่ตั้ง อยู่ที่ย่านทุ่งครุ กรุงเทพฯ (ถนนพุทธบูชา)

แต่ปรากฏว่าในอาคารเดียวกัน ซึ่งเป็นอาคารเช่า ขนาดเล็ก ยังมีอีกอย่างน้อย 5 บริษัท ใช้เป็นสำนักงานด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือ กิจการร่วมค้า AKC ที่ร่วมกันรับงานก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลสงขลานั่นเอง

@@ เจออีก! รับเหมาสร้างบ้านพักตุลาการศาลอุทธรณ์

“ทีมข่าวอิศรา” ยังได้ลงพื้นที่ไปสำรวจอาคารบ้านพักข้าราชการศาลอุทธรณ์ภาค 9 หลังมีข้อมูลจากเพจ CSI LA ระบุว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีชื่อเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคาร แต่กลับไม่มี “วิศวกรสามัญ” ดูแล มีเพียง “ภาคีวิศวกร” คุมงานเท่านั้น

จากการลงพื้นที่สังเกตการณ์ พบว่า อาคารบ้านพักข้าราชการศาลอุทธรณ์ภาค 9 สร้างเสร็จเกือบ 100% แล้ว ตั้งตระหง่านอยู่หลังอาคารศาลอุทธรณ์ภาค 9 อำเภอเมือง จ.สงขลา แต่ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปด้านในได้ เพราะมีรั้วรอบมิดชิด พร้อมมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแล

อย่างไรก็ดี จากการสังเกตของทีมข่าว เห็นมีแรงงานก่อสร้างยังเข้าไปทำงานอยู่อีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จส่งมอบงานภายในปี 68 นี้