อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แสดงจุดยืน เห็นด้วย ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ลงมติตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ประชามติกี่ครั้ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 17 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาระเบียบวาระ เรื่องด่วน ขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา จำนวน 2 ญัตติ กรณีการลงมติร่างรัฐธรรมนูญแห่งรัฐอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ก่อนทำประชามติได้หรือไม่ ว่า จุดยืนของพรรคภูมิใจไทย เห็นด้วยกับญัตติที่ขอให้ไปปรึกษาศาลรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนตัวมองว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 60 มีปัญหา เป็นอุปสรรคหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราอยู่กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้มา 8 ปีแล้ว ก็ยังทำงานได้ ทำงานมาผ่านมา 1 รัฐบาลแล้ว ตอนนี้อยู่ในรัฐบาลที่สองแล้ว เปรียบเทียบไม่ได้หรอก แต่ละคน แต่ละพรรคก็มีแนวทางที่เหมือนกันไม่ได้ ถ้าเหมือนกันได้ก็เป็นพรรคการเมืองเดียวกันหมด
อ่านประกอบ :
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับญัตติขอให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. พรรคเพื่อไทย จะถามในที่ประชุมร่วมรัฐสภาว่า ข้าพเจ้าจึงขอเสนอญัตติด่วน ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 31 เพื่อให้รัฐสภาได้มีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาว่า
“รัฐสภาจะพิจารณาและลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่มีบทบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยยังไม่มีผลการออกเสียงประชามติ ว่า ประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้หรือไม่”
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ประกอบกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (2) มาตรา 41 วรรคสอง (4) และมาตรา 44
ขณะที่ญัติของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. จะถามในที่ประชุมร่วมรัฐสภาว่า ข้าพเจ้าจึงขอเสนอญัตติด่วนนี้ต่อรัฐสภา เพื่อขอให้รัฐสภาได้มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามที่ได้กราบเรียนข้างต้น ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 210 (2) ประกอบข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2563 ข้อ 31 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (2) มาตรา 41 และมาตรา 44 โดยมีประเด็นที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า
“รัฐสภามีอำนาจพิจารณาและลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่มีการเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยที่ยังไม่มีการดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” และ
“หากรัฐสภามีอำนาจพิจารณาและลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว การดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติว่า ประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ สามารถกระทำภายหลังที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมแล้ว โดยทำพร้อมกับการทำประชามติว่า ประชาชนเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ ได้หรือไม่ อย่างไร”
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )