Thumb Rights จัดเสวนา 1 ปี นิรโทษกรรมประชาชน ศูนย์ทนายเปิด 3 แนวโน้มน่ากังวลคดี 112 ในปัจจุบัน ชี้คลี่คลายความตึงเครียดได้ทันทีหากศาลให้สิทธิประกันตัว ‘ณัฐพงษ์' หัวหน้า ปชน. คาดได้บรรจุวาระในการประชุมสมัยหน้า ราว ก.ค. หวังทุกฝ่ายผลักดัน 4 ร่างผ่านวาระ 1 เพื่อพูดคุยในชั้น กมธ. ‘นัสรี' รวมประสบการณ์ในอดีต-ต่างประเทศ ช่วยนักโทษการเมืองออกคุก
เมื่อ 21 ก.พ. 2568 กลุ่มภาคประชาสังคม ‘Thumb Rights' จัดเสวนา 1 ปีนิรโทษกรรมประชาชน ชวนทบทวนและเน้นย้ำถึงระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา กับการยื่นเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาคดีทางการเมือง โดยงานนี้มีวิทยากร ได้แก่ พูนสุข พูนสุขเจริญ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ผู้เสนอ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน, ณัฐฐา อัชฌานุเคราะห์ จากศูนย์ทนายฯ, ธี-ถิระนัย และมายด์-ชัยพร จากกลุ่มแนวร่วมอาชีวะเพื่อประชาธิปไตย อดีตผู้ต้องขังคดีทางการเมือง, ณธกร นิธิศจรูญเดช จากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล แห่งประเทศไทย, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านจากพรรคประชาชน และ นัสรี พุ่มเกื้อ ผู้อำนวยการเครือข่ายประชาชน จาก Thumb Rights
ทั้งนี้ ทีมผู้จัดงานเผยด้วยว่างานนี้มีความพยายามเชิญตัวแทนฝ่ายรัฐบาลมาร่วมงานด้วย แต่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ
สิทธิประกันตัวคดีการเมืองริบหรี่
ณัฐฐา อัชฌานุเคราะห์
- ตั้งแต่ปลายปี 2563 จนถึง 21 ก.พ. 2568 มีผู้ถูกดำเนินคดี ม.112 อย่างน้อย 277 คน จากทั้งหมด 309 คดี
- ในทุกๆ 1 เดือนของปีที่ผ่านมา (2567) จะมีผู้ถูกดำเนินคดี มาตรา 112 ประมาณ 1-2 คน
- ภาพรวมของคดีทั้งหมดที่ศูนย์ทนายความดูแล มียอดรวมผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมืองรวม 1,960 คนในจำนวน 1,313 คดี
ณัฐฐา กล่าวต่อว่า สถานการณ์ที่น่ากังวลมีด้วยกัน 3 เรื่อง คือ
- มีการดำเนินคดีความกับสื่อมวลชนและนักข่าวที่ลงพื้นที่ทำข่าวในพื้นที่ชุมนุม
- มีการดำเนินคดีทางไกลในคดี ม. 112-116 ไม่น้อยกว่า 32 คดีจากกลุ่มปกป้องสถาบัน โอกาสการดำเนินคดีคนทางไกลอาจมีมากขึ้นเรื่อยๆ
- การพิพากษาคดีแม้ว่าศาลชั้นต้นจะยกฟ้อง แต่ศาลสูงไม่ว่าศาลอุทธรณ์หรือฎีกามีแนวโน้มจะกลับคำพิพากษาให้มีความผิด โอกาสยกฟ้องน้อยมาก
ฝ่ายข้อมูลของศูนย์ทนายฯ ระบุว่า โอกาสได้รับสิทธิการประกันตัวของผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในเรือนจำขณะนี้มีน้อยมาก มีการยื่นประกันตัวไม่น้อยกว่า 183 ฉบับ ศาลยกคำร้องรวม 168 ฉบับ แม้จะเป็นสถานการณ์ที่ ‘บุ้ง' เนติพร เสน่ห์สังคม นักกิจกรรมการเมือง เสียชีวิต แต่เมื่อยื่นประกันตัวนักโทษคดีการเมือง ก็พบว่ายังไม่ประสบผลสำเร็จ ได้ประกันตัวเพียง 1 คนเท่านั้น นอกจากนี้ โอกาสของคนที่ถูกศาลชั้นต้นตัดสิน และได้ประกันตัวระหว่างต่อสู้คดีชั้นอุทธรณ์ต่อนั้น มีเพียง 8.3% ในปี 2567
ณัฐฐา อัชฌานุเคราะห์
ใครกุมชะตานิรโทษกรรม ?
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า เขาเป็นตัวแทนของฝั่งการเมืองมาให้กำลังใจ เพื่อเป็นกำลังใจและมอบความหวังให้นักโทษการเมืองมีแรงในการต่อสู้ต่อ และวันนี้ไม่อยากใช้เวทีนี้มาเป็นเวทีต่อสู้ทางการเมืองระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาล แต่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องกฎหมายของภาคประชาชนที่ต้องช่วยกันผลักดัน
ณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์เรื่องการนิรโทษกรรมคดีการเมืองที่ผ่านมาเคยมีผลรายงานศึกษาของคณะกรรมการนิรโทษกรรมคดีการเมืองออกมาฉบับหนึ่ง ซึ่งข้อสังเกตหลายข้อสามารถส่งให้หน่วยงานดำเนินการได้ก่อน แต่ผลปรากฏว่า สส.ส่วนใหญ่ไม่รับข้อสังเกต
หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 4 ฉบับ โดยยังไม่ทราบว่ารายละเอียดร่างของพรรคเพื่อไทยหน้าตาเป็นอย่างไร เบื้องต้น คาดว่ากระบวนนำร่างเข้าสู่สภาฯ อาจจะไม่ทันสมัยประชุมนี้ เพราะว่ากำหนดคิวอภิปรายแน่นมาก แต่ถ้าทันก็ถือว่าเร็วมาก จึงคิดว่าอาจจะเข้าประชุมสภาฯ สมัยหน้าประมาณ ก.ค. 2568
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
ณัฐพงษ์ อยากขวนคุยว่าแล้วใครเป็นผู้กำหนดอนาคตการนิรโทษกรรมฯ พรรคเพื่อไทย หรือพรรคภูมิใจไทยรึเปล่า มันมีตัวอย่างที่ผ่านมาโดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการแก้ไขประมวลจริยธรรม องค์กรอิสระ คือพรรคภูมิใจไทย และ สว.ส่วนใหญ่เป็นตัวแปรสำคัญที่สุด
ณัฐวุฒิ พูดถึงเกมในสภาฯ ตอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพิ่มเติมหมวด 15/1 ว่าด้วย สสร. ทางฝั่งพรรคภูมิใจไทยวอล์กเอาต์ก่อน และให้ สว.บางส่วนที่เราอาจจะเชื่อได้ว่ามีความเชื่อมโยงพรรคหนึ่งพรรคใด โหวตขอญัตติเลื่อนพิจารณาส่งศาลรัฐธรรนูญตีความอำนาจรัฐสภาไม่ผ่าน เพื่อให้การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระที่ 1 เดินหน้า และสุดท้ายก็รอดูว่าพรรคเพื่อไทยเดินเกมในสภาฯ อย่างไร
หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวต่อว่า เรื่องนี้มันเกี่ยวอย่างไร มันเกี่ยวตรงที่ว่าเราบอกว่าอย่างน้อยๆ ขอให้มีการอภิปรายเรื่องร่างรัฐธรรมนูญในสภาฯ ก่อนโดยที่ยังไม่ต้องมีการลงมติก็ได้ แต่ปรากฏว่าเพื่อนสมาชิกฝั่งรัฐบาลเขากังวลว่า แม้แต่การอภิปราย เขาก็ยังไม่กล้าพูดในสภาฯ จนกว่าจะมีการตีความจากศาลรัฐธรรมนูญให้ชัด เพราะเกรงว่าการอภิปรายในสภาฯ อาจจะขัดกฎหมาย และสุดท้ายจะมีการไปยื่นร้องขัดรัฐธรรมนูญและโดนดำเนินคดี มันเลยทำให้ประชุมวันที่ 2 เกิดภาวะสภาฯ ล่ม และญัตติก็ค้างอยู่
“ตอนนี้ภาวะที่เกิดขึ้นสภาฯ หลายๆ ครั้งพูดง่ายๆ คือ สส.กลัวที่จะโดนคดีต่างๆ แล้วไม่กล้าแม้แต่จะอภิปราย แค่อภิปรายก็รู้สึกเดี๋ยวฉันจะโดนดำเนินคดีได้” ณัฐพงษ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวต่อว่า ที่ชวนคุยเรื่องนี้เพราะพรรคประชาชนเราโหวตรับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทุกร่างในวาระที่ 1 ได้อยู่แล้ว และไปถกเถียงในวาระที่ 2 ได้ และอย่างน้อยถ้ามีพรรคเพื่อไทยช่วยเติมมันผ่านได้ทุกร่างอยู่แล้ว แต่คำถามก็คือเขาจะโหวตด้วยหรือเปล่า
“ผมคิดว่าใจความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าจะออกมาเป็นร่างของ ครม. หรือเปล่า แต่สภาวะทางการเมืองใหญ่ๆ ของประเทศนี้มันติดอยู่ตรงที่ว่านักการเมืองโดยส่วนใหญ่กลัวจะใช้อำนาจตัวเอง เพราะกลัวว่าการใช้อำนาจต่างๆ เหล่านี้มันจะทำให้มีคดีตามหลังมา” ณัฐพงษ์ กล่าว
ดังนั้น ถามว่าใครเป็นผู้กำหนดอนาคตของการนิรโทษกรรม ณัฐพงษ์ กล่าวว่า ประเมินความเป็นไปได้ทางการเมือง ตอนนี้ร่างที่เข้าไป ถ้าไม่แตะเรื่องมาตรา 112 มีโอกาสที่ สส.จากหลายๆ พรรคเขาจะดันต่อ แต่ยังไงก็ตาม สุดท้ายคนที่จะเปลี่ยนภาพบริบทการเมืองตอนนี้ได้ คือทำยังไงให้การเมืองยึดโยงกับประชาชน ให้ สส.ที่นั่งอยู่ในสภาฯ มาจากประชาชนมากที่สุด
“ทำยังไงให้ต่อไป เวลา สส.จะลงมติโหวตอะไรสักอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เข้าไปนั่งในสภา แล้วรู้สึกว่าฉันต้องกลัวที่จะรักษาอำนาจตัวเองไว้ ฉันต้องกลัวใครจะดำเนินคดี ตราบใดที่ สส.ในสภามีความยึดโยงกับประชาชน เขาก็ต้องโหวตเพื่อประโยชน์ของเราทุกคน” ณัฐพงษ์ กล่าว
หลังจากจบงาน ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ณัฐพงษ์ เพิ่มเติมว่า หากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้ไม่ผ่านที่ประชุม สส. พรรคประชาชนจะมีมติพรรคหรือแนวทางของพรรคอย่างไร เพื่อดำเนินการต่อไป
หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ลำดับแรกคือการสู้ในยกแรกเพื่อผลักดันร่างกฎหมายให้เข้าสภาฯ ได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างของภาคประชาชน หากร่างของภาคประชาชนได้ผ่านในวาระที่ 1 รับหลักการ ก็จะได้มีตัวแทนภาคประชาชนในการเข้าไปนั่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญ และยังยืนยันเช่นเดิมว่าควรจะรับหลักการทุกร่าง และไม่ควรมีการยกเว้นกฎหมายข้อใดข้อหนึ่งก่อน เพื่อสามารถนำพิจารณาในวาระที่ 2 ได้
ธงชัย วินิจจะกูล
ทางเลือกอื่นนอกจากการนิรโทษกรรม
นัสรี พุ่มเกื้อ ตัวแทนจาก Thumb Rights ชี้ว่า หลังจากที่เสนอร่างกฎหมายนี้เข้าไป ผ่านไป 1 ปี 7 วัน ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ทั้งๆ ที่มีผู้ต้องหาคดีการเมืองเพิ่มขึ้นทุกวัน หลักการสำคัญที่ต้องคงไว้ คือเราจะต้องไม่มีการลบล้างความผิดและไม่มีการบังคับการสารภาพก่อนกระบวนการ
นัสรี ได้นำกรณีศึกษาทั้งจากประเทศไทยและจากต่างประเทศ เพื่อนำมาเป็นข้อเสนอในทางเลือกอื่น เมื่อรัฐสภาไม่สามารถผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเสียที
กรณีศึกษาจากประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศไทย
- การออกคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี อ้างอิงจากคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ลงนามโดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เปิดโอกาสให้มวลชนที่เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ต่อสู้กับรัฐบาล ได้รับการนิรโทษกรรมคดีการเมืองทั้งหมด และใช้ชีวิตตามปกติ
- การออกพระราชกำหนด ในเหตุการณ์พฤษภา 2535 ในยุคพลเอกสุจินดา คราประยูร
“นี่คือสิ่งหนึ่งที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ที่ชูศักดิ์ หรือคนในรัฐบาลทั้งหลายทั้งควรจะมาดูตัวอย่างไว้ว่า มันเคยทำแล้ว ทำได้หลายรอบมาก ยี่สิบกว่าครั้งที่เคยเกิดขึ้น” นัสรี ยืนยัน
ตัวอย่างทางเลือกอื่นอิงจากกรณีศึกษาต่างประเทศ
- การจัดตั้งคณะกรรมการความจริงและความปรองดองขึ้นมา (TRC) เพื่อกลั่นกรองช่วยดำเนินการการเกิดนิรโทษกรรมขึ้นในคดีการเมือง จากกรณีความขัดแย้งภายในประเทศของแอฟฟริกาใต้
- วิธีการไม่ฟ้องร้อง มีการเพิกถอนคำฟ้อง กรณีการหมิ่นประมาทประธานาธิบดีอินโดนีเซีย หลังจากการปฏิรูปกฎหมาย และลดการดำเนินคดีลง
- การยกเลิกกฎหมาย ในกรณีของเกาหลีใต้ที่เรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งท้ายที่สุดศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้มองว่ากฎหมายนี้ขัดต่อหลักสิทธิและเสรีภาพ จึงยกเลิกกฎหมายไปและลบล้างความผิดผู้ต้องหาคดีดังกล่าวทั้งหมด
สุดท้าย นัสรี กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางหรือทางเลือกทั้งหมดนี้เพียงให้รับทราบว่าจะมีวิธีการใดบ้าง เพื่อนำไปสู่การลบล้างความผิด ยกเลิกกฎหมายหรือการประกาศนิรโทษกรรมได้
“คนที่มีอำนาจกลายเป็นคนที่ไม่กล้าใช้อำนาจ ผมก็งงเหมือนกันว่า ถ้าเกิดว่าคนที่มีอำนาจ ในการที่จะเข้าไปผ่านกฎหมาย ไปดำเนินการอะไรต่างๆ เขามีอำนาจแต่เขาไม่ใช้อำนาจ คำถามคือเขาจะมีอำนาจไปเพื่ออะไร มีอำนาจเพื่อไปใช้ผลประโยชน์ของตนเองเหรอ พอถึงจังหวะที่สังคมต้องการอำนาจของคุณมากที่สุด เราอุตส่าห์เลือกตั้งให้อำนาจคุณไปแล้ว และต้องการให้คุณใช้อำนาจนั้น แต่คุณกลับไม่ใช้ ผมรู้สึกว่าอยากให้ถึงวันที่เราจะต้องขออำนาจกลับคืนมาสู่ประชาชน รู้สึกว่าเราให้อำนาจเขาไปแล้ว ผู้แทน สส.ของเราก็ใช้มันซะ ทำในสิ่งที่ถูก ทำในสิ่งที่ควรทำ” นัสรี กล่าว
Focus on session อื่นๆ ยังมี พูนสุข พูนสุขเจริญ หรือทนายเมย์ นำเสนอเรื่องราว 1 ปีของร่างกฎหมายนี้ผ่าน 3 เส้นเรื่อง
- เส้นเรื่องแรก การเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ทนายเมย์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีอยู่ 4 ร่างจากหลายส่วนที่รอบรรจุวาระ สำหรับร่างจากประชาชนมีกระบวนการรับฟังความคิดผ่านเว็บของรัฐสภาแล้ว และได้รับความสนใจมากถึง 400,000 วิวด้วยกัน มีผู้แสดงความคิดเห็น 80,000 กว่าราย ยอดไม่เห็นด้วย 65% แต่ทางสภาฯ ก็รับว่ามีกระบวนการที่ผิดปกติเพราะมีบ็อตอยู่ด้วย แต่ตัวเลขนี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จนถึงตอนนี้ได้รับทราบว่าจะมีร่างกฎหมายนี้เพิ่มคือ ฉบับพรรคประชาชนและอีกร่างหนึ่งไม่มั่นใจว่าจะเป็นฉบับพรรคเพื่อไทย หรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ต้องรอดูกันต่อไป
- เส้นเรื่องที่ 2 การตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขึ้นเพื่อศึกษาร่างกฎหมายนี้ สุดท้ายที่ประชุมสภามีมติไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของรายงานของกมธ.
พูนสุข พูนสุขเจริญ
ปี 2567 ที่ผ่านมา มีผู้ต้องขังในคดีทางการเมืองเพิ่มขึ้น วนเวียนเข้าออกประมาณ 68-70 คน นั่นทำให้มีผู้ลี้ภัยคดีการเมืองอย่างน้อย 11 คน และสูญเสีย ‘บุ้ง' เนติพร เสน่ห์สังคม นักกิจกรรมการเมืองขณะอยู่ในเรือนจำ ความขัดแย้งหลักในการนำเสนอร่างกฎหมายนี้ กล่าวได้ว่าเป็นคดีมาตรา 112 การแก้กฎหมายมีความหวังแสนจะเลือนลาง การนิรโทษกรรมจึงกลายเป็น ส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทางการเมือง
“อยากย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การนิรโทษกรรมเป็นการลบล้างการกระทำของบุคคลในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแก้ไขกฎหมาย ภายใต้ที่เราเห็นว่าเรื่องนี้คือเรื่องเล็กๆ นิดเดียวที่นักการเมืองอาจจะไม่สนใจก็ได้ แต่มันก็คือโอกาสว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดและทำได้ง่ายที่สุด โดยที่ยังไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง หรือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง” พูนสุข กล่าวและคาดการณ์ว่าอย่างเร็วเรื่องนิรโทษกรรมจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในสมัยหน้าช่วงกลางปี 2568
- เส้นเรื่องสุดท้าย บรรยากาศของผู้ต้องขัง แนวโน้มนักโทษคดีการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ทนายเมย์ กล่าวว่า อย่างไรก็ต้องสู้ต่อไป แต่สิ่งที่ได้เห็นและได้รับตลอดทั้งปีคือ การสนับสนุนจากประชาชน สุดท้ายหวังว่าจะจับมือ หาโอกาสแก้ไขปัญหา เรื่องนี้ต่อไป
นอกจากนี้ Thumb Rights ยังได้เชิญชวน ‘ธี' ถิระนัย และ ‘มายด์' ชัยพร แนวร่วมอาชีวะฯ ร่วมแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิต ความรู้สึก เรื่องของผู้ต้องขังคดีการเมือง
ธี และมายด์ เล่าว่า คนที่ทำความผิดจริงกับคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เข้าไปในเรือนจำนั้น ความรู้สึกต่างกันมากๆ การใช้ชีวิตในเรือนจำของทั้งคู่นั้นเป็นความรู้สึกที่แย่มาก เพื่อนบางคนในเรือนจำถึงขั้นต้องรับยา เพราะเป็นผู้ป่วยจิตเวช อีกทั้งมายด์ยังเล่าว่า เรื่องราวในเรือนจำเองก็ต้องเล่าอย่างระมัดระวัง เพราะจะโดนฟ้องได้
“เรื่องของภายในเรือนจำ เราค่อนข้างที่จะพูดในเรื่องเจาะลึกไม่ได้ บางทีเราอาจจะถูกฟ้องเพิ่มเติม เพราะเรื่องบางเรื่องเราก็รู้อยู่ว่า ประเทศเราเป็นอย่างนี้ เราพูดความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้” มายด์เล่า
ส่วน ณธกรจากแอมเนสตี้ กล่าวว่าการเขียนจดหมายเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับการให้กำลังใจและเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียวที่ผู้ต้องขังมี เพื่อให้กำลังใจ และเชื่อว่าการวิพากษ์วิจารณ์ การแสดงออกความคิดเห็นทางการเมืองเป็นสิทธิมนุษยชนของทุกคน
ณธกร นิธิศจรูญเดช
ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )