
เมื่อฟิลเลอร์เชยไปแล้ว ผู้คนจึงหันมาพึ่งการฉีดอสุจิปลา ทว่ามันปลอดภัยจริงหรือไม่ ?

- Author, รูธ เคลกก์
- Feature, ผู้สื่อข่าวด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
ตลอดระยะเวลาหลายปีของการเป็นนักข่าว ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาถามใครบางคนว่ามันรู้สึกอย่างไรตอนที่ฉีดอสุจิปลาเทราต์เข้าไปในใบหน้า
แต่กระนั้นก็ตาม ฉันกำลังทำอยู่ในตอนนี้
แอบบี กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้บุนวมสีดำขนาดใหญ่ ในคลินิกความงามเล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร
เธอสะดุ้งตอนที่เข็มปลายทู่ขนาดเล็ก ค่อย ๆ ถูกสอดเข้าไปที่แก้มของเธออย่างบรรจง
“โอ๊ย โอ๊ย” เธอร้องออกมา
ฉันอาจต้องพูดให้ชัดว่า แอบบี วัย 29 ปีนั้น ไม่ได้รับการฉีดอสุจิจากปลาเทราต์โดยตรง
บริเวณใบหน้าส่วนล่างของเธอนั้นถูกฉีดด้วย ส่วนประกอบขนาดเล็กจากสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โพลีนิวคลีโอไทด์ (polynucleotides) ซึ่งได้มาจากการสกัดอสุจิจากปลาเทราต์หรือแซลมอน
หากผู้อ่านกำลังมีคำถามว่า “ทำไม” คำตอบที่น่าสนใจก็คือแท้จริงแล้วมนุษย์เรามีโครงสร้างดีเอ็นเอที่คล้ายคลึงกับปลาอยู่ไม่น้อย
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed finding outได้รับความนิยมสูงสุดConclude of ได้รับความนิยมสูงสุด
ความหวังสำหรับแอบบีก็คือ ไม่เพียงแค่ร่างกายของเธอจะตอบรับกับสายพันธุกรรมสั้น ๆ จากปลาได้เท่านั้น แต่เธอยังหวังให้เซลล์ผิวหนังของเธอทำงานได้ดีขึ้นด้วยการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินออกมามากขึ้น ซึ่งสารทั้งสองนี้เป็นโปรตีนสองชนิดที่มีส่วนสำคัญต่อการรักษาโครงสร้างผิวหนังของเราเอาไว้
สำหรับแอบบี เธอมีเป้าหมายในการทำให้ผิวของเธอสดใสขึ้นอีกครั้ง รักษาให้ผิวยังคงสุขภาพดี และเธอยังหวังว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาสิวที่เธอต้องเผชิญมาหลายปี ด้วยการลดเลือนรอยแผลเป็นและความแดงบนผิว
“ฉันแค่อยากจะเน้นไปที่บริเวณที่เป็นปัญหาเหล่านั้น” เธออธิบาย

โพลีนิวคลีโอไทด์กำลังถูกกล่าวอ้างว่าเป็น “สิ่งมหัศจรรย์” ใหม่สำหรับวงการบำรุงผิว และได้รับกระแสความนิยมอย่างล้นหลามในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากที่กลุ่มผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากออกมากล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมว่าตนเอง “ทำหัตถการบนใบหน้าด้วยอสุจิแซลมอน”
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ศิลปินอย่าง ชาร์ลี เอ็กซ์ซีเอ็กซ์ (Charli XCX) บอกกับผู้ติดตามทั้ง 9 ล้านคน บนบัญชีอินสตาแกรมของเธอว่า เธอรู้สึกว่า “น่าจะหมดยุคของฟิลเลอร์แล้ว” และอธิบายว่าตัวเธอเองได้ขยับไปหาโพลีนิวคลีโอไทด์ ซึ่งให้ความรู้สึก “เหมือนการฉีดวิตามินแบบลงลึก” ให้กับผิว
มีรายงานว่า คิมและโคลอี คาร์เดเชียน ก็เป็นแฟนตัวยงเช่นกัน และเมื่อเจนนิเฟอร์ อนิสตัน ถูกถามในรายการทอล์คโชว์ของจิมมี คิมเมล ว่าเธอดูแลผิวหน้าเป็นประจำอย่างไร เธอก็ตอบกลับว่า “ไม่ใช่ว่าฉันมีผิวแซลมอนที่สวยหรอกหรือ”

ที่มาของภาพ : Getty Photos
เช่นนั้นแล้ว แม้จุดเริ่มต้นของหัตถการนี้จะทั้งน่าสงสัยและอาจมีกลิ่นคาวอยู่ด้วย แต่คำถามสำคัญก็คือนิวคลีโอไทด์กำลังเปลี่ยนแปลงแวดวงการบำรุงผิวอยู่หรือไม่
“พวกเรากำลังมีช่วงเวลาแบบเบนจามิน บัตตัน อยู่ตอนนี้” ซูซานน์ แมนส์ฟิลด์ จากบริษัทด้านความงามเดอร์มาโฟกัส (Dermafocus) บอกกับบีบีซี
ชื่อเบนจามิน บัตตัน เป็นการอ้างอิงถึงภาพยนตร์เรื่อง The Unfamiliar Case of Benjamin Button มีชื่อภาษาไทยว่า ชีวิตอัศจรรย์ของเบนจามิน บัตตัน ที่ออกฉายในปี 2008 โดยมี แบรด พิตต์ รับบทเป็นชายที่มีอายุกลับวัย คือยิ่งเขาอายุมากขึ้น ก็ยิ่งมีผิวพรรณเหมือนกับก้นของเด็กทารก
แม้ผลลัพธ์แบบนั้นจะไม่น่าเกิดขึ้นได้จริง และคงทำให้รู้สึกแปลกประหลาดไม่น้อย แต่แมนส์ฟิลด์บอกว่า โพลีนิวคลีโอไทด์กำลังปูทางสู่การดูแลผิวเชิงฟื้นฟู
งานวิจัยและการทดลองทางคลินิกซึ่งมีจำนวนไม่มากแต่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ชี้ว่า การฉีดโพลีนิวคลีโอไทด์สามารถฟื้นฟูผิวได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้สุขภาพผิวดีขึ้น แต่ยังอาจช่วยลดริ้วรอยเส้นบาง ๆ รอยเหี่ยวย่น และรอยแผลเป็นได้ด้วย
“ทั้งหมดที่เราทำ ด้วยการใช้มันในอุตสาหกรรมความงาม” เธอกล่าว “เป็นการเพิ่มสิ่งที่ร่างกายของเราทำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันเลยเป็นสิ่งพิเศษมาก”
แต่โพลีนิวคลีโอไทน์ก็มาพร้อมกับราคาที่สูงลิ่ว
การฉีดสารชนิดนี้หนึ่งครั้งอาจมีราคาตั้งแต่ 200-500 ปอนด์ (ราว 8,500 – 21,000 บาท) และยังมีการแนะนำให้ทำทั้งหมด 3 ครั้งภายในระยะเวลาหลายสัปดาห์
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการข้างต้น คลินิกเสริมความงามยังมักแนะนำให้คุณเข้ามาฉีดสารชนิดนี้ทุก ๆ 6-9 เดือน เพื่อรักษาสภาพผิวเอาไว้
กลับมาที่คลินิกซึ่งแอบบีเข้ารับบริการ หัตถการของเธอใกล้เสร็จแล้ว
“เหลืออีกแค่ที่เดียว” เฮเลนา ดังก์ พยาบาลด้านความงามผู้เชี่ยวชาญ (stunning nurse practitioner) และเจ้าของคลินิก Pores and skin HD ให้ความมั่นใจกับเธอ
ดังก์กล่าวว่า โพลินิวคลีโอไทด์ได้รับความสนใจสูงขึ้นอย่างมากตลอดช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา
“ลูกค้าครึ่งหนึ่งของฉันเห็นความแตกต่างที่ชัดเจน ผิวของพวกเขารู้สึกเหมือนชุ่มชื่นขึ้น สุขภาพดีขึ้น และเด็กลง ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงแบบชัด ๆ แต่ผิวของพวกเขาก็ให้ความรู้สึกเหมือนตึงกระชับขึ้นและสดใสขึ้น”
ก่อนหน้านี้ แอบบีได้เข้ารับการฉีดสารชนิดนี้บริเวณใต้ตาของเธอแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพกเกจการทำหัตถการสามครั้งที่คลินิกนี้ ซึ่งเธอพอใจกับผลลัพธ์อย่างมาก
เธอฉีดโพลีนิวคลีโอไทด์ขนาดเล็กหลายครั้ง ซึ่งเธอบอกว่าเป็น “กระบวนการที่ค่อนข้างเจ็บปวด” แต่เธอก็บอกว่ามันช่วยลดความคล้ำใต้ตาให้กับเธอ

ที่มาของภาพ : Charlotte Bickley
แม้ว่างานวิจัยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จะชี้ว่าสารประเภทนี้ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ได้จริง แต่โพลีนิวคลีโอไทด์ยังถือว่าใหม่อยู่มาก ผู้เชี่ยวชาญบางรายออกมาเตือนเกี่ยวกับกระแสความนิยมที่อาจไปไกลกว่าที่วิทยาศาสตร์รองรับ
ดร.จอห์น พาเกลียโร แพทย์ผิวหนังที่ปรึกษาจากเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่าถึงแม้เราจะรู้ว่า “นิวคลีโอไทด์” มีบทบาทสำคัญในร่างกายของเรา เนื่องจากมันเป็นโครงสร้างพื้นฐานของดีเอ็นเอ แต่เขาก็ยังตั้งคำถามว่าการ “ฉีดดีเอ็นเอปลาแซลมอนที่ถูกตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ” เข้าไปบนใบหน้านั้น จะให้ผลดีเทียบเท่านิวคลีโอไทด์ของร่างกายเราจริงหรือไม่
“ตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลที่ดีและหนักแน่นเพียงพอ” เขากล่าว
“ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผมอยากเห็นงานวิจัยขนาดใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถืออีกอย่างน้อยสองสามปี ซึ่งจะแสดงถึงความปลอดภัยและประสิทธิผล ก่อนที่ผมจะนำมาใช้ในคลินิกของผม ซึ่งตอนนี้ เรายังไปไม่ถึงจุดนั้น”
ชาร์ล็อตต์ บิก์ลีย์ เรียกการก้าวเข้าสู่โลกของโพลีนิวคลีโอไทด์ของตัวเองว่า “แซลมอนเกต” (salmon-gate)
หญิงวัย 31 ปีจากนิวยอร์ก สหรัฐฯ เข้ารับการฉีดสารนี้เมื่อปีที่แล้ว เพื่อให้ผิวของเธอ “ผ่องใสก่อนแต่งงาน” ก่อนพิธีวิวาห์ไม่นาน
ทว่า ชาร์ล็อตต์กลับมีอาการติดเชื้อที่ผิวหนัง อักเสบ และมีรอยคล้ำใต้ตาเข้มขึ้นกว่าเดิมหลังจากทำหัตถการ
“ฉันได้สิ่งที่ตรงข้ามกับที่ต้องการแบบสุด ๆ” เธอกล่าว “ฉันไว้ใจหมอคนนั้น แต่สุดท้ายกลับมีรอยแผลเป็นติดตัว”
ชาร์ล็อตต์เชื่อว่าเธอถูกฉีดสารดังกล่าวไปที่บริเวณใต้ตาลึกมากเกินไปจนทำให้เกิดปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ ซึ่งตามปกติแล้วอาจมีผลข้างเคียงอย่างเช่นเกิดรอยแดง บวม หรือช้ำได้ แต่ก็มักเป็นเพียงอาการชั่วคราวเท่านั้น
ในบางกรณี ผู้เข้ารับการรักษาอาจเกิดอาการแพ้ หรือหากฉีดโพลีนิวคลีโอไทด์ไม่ถูกวิธี ก็อาจมีความเสี่ยงระยะยาว เช่น ผิวหนังเกิดรอยดำ และการติดเชื้อ
โพลีนิวคลีโอไทด์ถูกใช้อย่างแพร่หลายในสหราชอาณาจักร แม้จะถูกจดทะเบียนเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์กับสำนักงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของสหราชอาณาจักร (MHRA) แต่ก็ไม่ได้ถูกควบคุมเข้มงวดแบบยา
นอกจากนี้ โพลีนิวคลีโอไทด์ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานเทียบเท่าในสหรัฐฯ อย่างองค์การอาหารและยา (FDA)
“ฉันคิดวนซ้ำอยู่ตลอดว่า ‘ทำไมถึงตัดสินใจทำไป ?'” ชาร์ล็อตต์บอก “พอมีอะไรผิดพลาดบนใบหน้า ฉันก็จะหมกมุ่นกับมันมาก”
เธอจ่ายเงินค่ารักษาไปหลายพันดอลลาร์เพื่อแก้ไขปัญหา ทว่าแม้ผ่านไปสิบเดือนแล้ว เธอก็ยังมีรอยแผลหลงเหลืออยู่บริเวณใต้ตา
“ฉันจะไม่ยอมให้ใครฉีดดีเอ็นเอปลาแซลมอนเข้าหน้าอีกเลย” ชาร์ล็อตต์กล่าว “ไม่มีวัน”
สำหรับประเทศไทย .ตรวจพบว่าสารประเภทโพลีนิวคลีโอไทด์ ซึ่งมักถูกโฆษณาด้วยชื่อ “รีจูรัน” (Rejuran) ซึ่งเป็นชื่อของแบรนด์ผลิตภัณฑ์จากประเทศเกาหลีใต้ เมื่อถูกนำเข้ามายังประเทศไทยสำหรับบริษัทผู้นำเข้าบางแห่งมีการจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาอย่างถูกต้อง ในฐานะเครื่องมือการแพทย์หรือเครื่องสำอาง แต่ไม่พบการจดทะเบียนในฐานะยา
แอชตัน คอลลินส์ ผู้อำนวยการเซฟเฟซ (Save Face) องค์กรที่รณรงค์ให้มีการกำกับดูแลอุตสาหกรรมความงามที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และเป็นผู้ดูแลทะเบียนคลินิกที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลในสหราชอาณาจักร กล่าวว่า โพลีนิวคลีโอไทด์โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย หากทำโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์ที่ใช้นั้นมาจากบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ
“แต่ตอนนี้เราเริ่มเห็นผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดโดยผ่านการทดสอบไม่เพียงพอ นั่นคือสิ่งที่น่ากังวล” เธอกล่าว
ดร.โซฟี ช็อตเตอร์ ประธานวิทยาลัยเวชศาสตร์ความงามแห่งสหราชอาณาจักร (British College of Beautiful Medication) เห็นด้วยและเสริมว่า “เพราะยังขาดกฎระเบียบกำกับดูแล ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดได้ นี่เป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ”
แล้วในมุมของเธอ โพลีนิวคลีโอไทด์ ได้ผลจริงหรือไม่
“ฉันก็มีมันบนชั้นวาง ในชุดเครื่องมือของฉัน ฉันเสนอให้กับลูกค้าที่ต้องการลุคที่เป็นธรรมชาติ และอยากลงทุนระยะยาว” ดร.ช็อตเตอร์กล่าว
“แต่โพลีนิวคลีโอไทด์ไม่ใช่ยาครอบจักรวาล ยังมีการรักษาอื่น ๆ อีกมากมายที่ให้ผลใกล้เคียงกัน และมีงานวิจัยรองรับมากกว่า”
เธอย้ำว่า ไม่มีการรักษาใดที่เหมาะกับทุกคน
“เราตอบสนองต่อการรักษาแต่ละแบบแตกต่างกันออกไป และความแตกต่างเหล่านั้นก็ไม่สามารถคาดเดาได้ตลอด”












