เรารู้อะไรแล้วบ้างเกี่ยวกับการโจมตีล่าสุดของอินเดียในปากีสถานและแคชเมียร์ส่วนที่ปกครองโดยปากีสถาน

ที่มาของภาพ : Reuters

ภาพของเมืองมูซาฟฟาราบัดในแคว้นแคชเมียร์ซึ่งอยู่ในการปกครองของปากีสถาน

Article info

  • Creator, ฟลอรา ดรูรี
  • Function, บีบีซีนิวส์

สองสัปดาห์หลังกลุ่มติดอาวุธโจมตีนักท่องเที่ยวในดินแดนแคชเมียร์ส่วนที่ปกครองโดยอินเดีย ในช่วงเช้าของวันนี้ กองทัพอินเดียได้เปิดฉากโจมตีหลายพื้นที่ทั้งในดินแดนของปากีสถาน และพื้นที่ภายในแคว้นแคชเมียร์ในส่วนที่ปากีสถานปกครอง

กระทรวงกลาโหมของอินเดียระบุว่าการโจมตีดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า “ปฏิบัติการซินดูร์” (Operation Sindoor) เป็นส่วนหนึ่งของ “ความมุ่งมั่น” ที่จะให้ผู้ที่มีส่วนต้องรับผิดชอบกับการโจมตีเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งทำให้มีชาวอินเดีย 25 ราย และชาวเนปาลอีก 1 รายเสียชีวิตนั้น “ต้องรับผลของการกระทำ”

แต่ปากีสถาน ซึ่งปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการโจมตีเมื่อเดือนที่ผ่านมา อธิบายถึงการโจมตีดังกล่าวว่าเกิดขึ้นโดย “ไร้เหตุผล” โดยนายเชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ระบุว่า “การกระทำที่เลวทรามของการรุกรานจะต้องได้รับการลงโทษ”

จริง ๆ แล้ว เกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วอะไรนำพาอินเดียและปากีสถานมาสู่จุดนี้

อินเดียโจมตีที่ไหนบ้าง ?

ทางการอินเดียเปิดเผยเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันพุธที่ผ่านมาว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นล่าสุด มีจุดเป้าหมายเก้าแห่งในดินแดนแคชเมียร์ที่ปกครองโดยปากีสถาน และในดินแดนปากีสถาน

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue finding outได้รับความนิยมสูงสุด

Discontinue of ได้รับความนิยมสูงสุด

อินเดียระบุว่า สถานที่เหล่านั้นเป็น “โครงสร้างพื้นฐานของผู้ก่อการร้าย” ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการ “วางแผนและควบคุม” การโจมตีต่าง ๆ

โดยเน้นย้ำว่าพวกเขาไม่ได้โจมตีสถานที่ทางการทหารของปากีสถาน แต่เป็น “ปฏิบัติการที่จำกัดวง มีการวัดผลได้ และมีลักษณะไม่บานปลาย”

ขณะที่ฝั่งปากีสถานระบุว่า มีสามพื้นที่ถูกโจมตี ได้แก่ เมืองมูซาฟฟาราบัด และเมืองคตลี ในดินแดนแคชเมียร์ส่วนที่ปากีสถานปกครอง และเมืองบาฮาวัลปูร์ ในแคว้นปัญจาบของปากีสถาน

นายคาวาจา มูฮัมหมัด อาซิฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของปากีสถาน ระบุกับจีโอทีวี (GeoTV) ว่า การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่พลเรือน พร้อมโต้คำกล่าวอ้างของอินเดียที่ว่า “มุ่งเป้าไปที่ค่ายผู้ก่อการร้ายนั้น” ไม่เป็นความจริง

ด้านนายมูฮัมหมัด อิชัค ดาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของปากีสถาน เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า มีพลเรือน 8 คนเสียชีวิตจากการโจมตีของอินเดีย นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 35 คน ซึ่งพื้นที่ที่พบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุดคือเขตเมืองอาห์เหม็ดปูร์ตะวันออก (Ahmedpur East)

ขณะที่ อาเหม็ด ชาริฟ โฆษกกองทัพปากีสถาน เปิดเผยกับบีบีซีว่า มีเด็ก 2 คนด้วย ที่เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ด้วย

แผนที่แสดงจุดโจมตีโดยกองทัพอินเดีย

ปากคำจากผู้ที่อยู่ในเหตุการโจมตี

ที่มาของภาพ : Getty Pictures

กองกำลังกึ่งทหารของปากีสถานเข้าตรวจสอบซากอาคารที่พังถล่มในเขตมูริดเก (Muridke) หลังการโจมตี

โมฮัมหมัด ยูนิส ชาห์ ผู้อาศัยในเขตมูริดเก (Muridke) ในแคว้นปัญจาบของปากีสถาน บอกกับบีบีซีว่า ขีปนาวุธ 4 ลูกของอินเดียตกลงที่ศูนย์การศึกษาที่นั่น โดยขีปนาวุธสามลูกแรกตกติดต่อกันอย่างรวดเร็ว ขณะที่ลูกที่สี่ตามหลังมาราว 5-7 นาที

ศูนย์การศึกษาดังกล่าวซึ่งประกอบไปด้วยโรงเรียน มหาวิทยาลัย โฮสเทล ศูนย์การแพทย์ และมัสยิด ได้รับความเสียหายบางส่วน ซึ่งชาห์ระบุว่าพื้นที่นี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของหลายครอบครัวด้วย

ที่มาของภาพ : Getty Pictures

สภาพมัสยิดบิลัลในดินแดนแคชเมียร์ที่ปกครองโดยปากีสถาน ที่พังเสียหายหลังการโจมตีของอินเดีย

ด้านมูฮัมหมัด วาฮีด ที่อาศัยใกล้กับมัสยิดบิลัลในเมืองมูซาฟฟาราบัด เมืองหลวงของแคว้นแคชเมียร์ที่อยู่ในการปกครองของปากีสถาน เล่าว่า

“ผมหลับสนิทตอนที่sะเบิดลูกแรกทำเอาบ้านผมสั่นสะเทือน”

“ผมวิ่งออกไปที่ถนน เจอคนรวมตัวกันที่นั่นอยู่แล้ว และก่อนที่พวกเราจะรู้ว่าเกิดอะไรก็มีขีปนาวุธสามลูกถูกยิv ทำให้เกิดความตื่นตระหนกและโกลาหลไปทั่ว”

วาฮีด ยังเปิดเผยอีกว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่าสิบคน ซึ่งรวมถึงผู้หญิง ที่ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาล

เหตุใดอินเดียจึงเปิดฉากโจมตี ?

การโจมตีเกิดขึ้นหลังจากหลายสัปดาห์แห่งความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างเพื่อนบ้านที่ต่างก็มีอาวุธนิวเคลียร์ หลังจากการกราดยิvในเมืองพาฮาลกัม (Pahalgam) ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศ

การโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธเมื่อ 22 เม.ย. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 26 คน ซึ่งจากคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิต กลุ่มติดอาวุธเจาะจงเป้าหมายเป็นชายชาวฮินดู

มันเป็นการโจมตีต่อพลเรือนที่รุนแรงที่สุดในภูมิภาคในรอบสองทศวรรษ และสร้างความโกรธแค้นอย่างกว้างขวางในอินเดีย

นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย กล่าวว่าอินเดียจะตามล่าผู้ต้องสงสัย “จนกว่าจะสิ้นโลก” และผู้วางแผนและทำการโจมตีนี้ “จะถูกลงโทษแบบที่พวกเขาจินตนาการไม่ถึง”

อย่างไรก็ตาม ทางการอินเดียไม่ได้ระบุชื่อโดยตรงว่าพวกเขาสงสัยกลุ่มไหนในการโจมตีที่เมืองพาฮาลกัม และมันก็ยังคงไม่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ก่อการ

แต่ตำรวจอินเดียได้กล่าวหาว่ามีผู้ก่อเหตุ 2 คนเป็นชาวปากีสถาน โดยทางการอินเดียยังกล่าวหาปากีสถานอีกว่าสนับสนุนผู้ติดอาวุธ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ทางการปากีสถานปฏิเสธโดยระบุว่าพวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการโจมตีเมื่อ 22 เม.ย.

สองสัปดาห์หลังจากนั้น ทั้งสองฝั่งต่างใช้วิธีการแบบตาต่อตาฟันต่อฟันในการตอบโต้ซึ่งกันและกัน ทั้งการขับไล่นักการทูต การระงับวีซ่า และปิดจุดข้ามผ่านแดน

แต่หลายคนคาดว่ามันจะบานปลายไปสู่การโจมตีข้ามพรมแดน ดังเช่นการโจมตีที่เขตพูลวามา (Pulwama) เมื่อปี 2019 ซึ่งทำให้สมาชิกกองกำลังกึ่งทหารของอินเดีย 40 คนเสียชีวิต

เหตุใดแคชเมียร์จึงเป็นจุดปะทะระหว่างอินเดียและปากีสถาน

แคว้นแคชเมียร์ถูกอ้างสิทธิการถือครองเต็มรูปแบบจากทั้งอินเดียและปากีสถาน แต่ทั้งคู่ปกครองเพียงบางส่วนของแคว้นเท่านั้นตั้งแต่ที่พวกเขาถูกแบ่งแยกประเทศ หลังได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947

ทั้งสองประเทศได้ทำสงครามกันสองครั้งเพื่อจะถือครองดินแดนนี้

แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีการโจมตีหลายครั้งโดยกลุ่มติดอาวุธที่ทำให้ทั้งสองประเทศมาสู่จุดอันตรายอีกครั้ง ดินแดนแคชเมียร์ส่วนที่ถูกปกครองโดยอินเดียได้เห็นการก่อความไม่สงบด้วยอาวุธเพื่อต่อต้านกฎหมายของอินเดียมาตั้งแต่ปี 1989 ซึ่งผู้ติดอาวุธมุ่งเป้าไปที่กองกำลังความมั่นคงและพลเรือนในลักษณะเดียวกัน

นี่คือการโจมตีใหญ่ครั้งแรกกับพลเรือนนับตั้งแต่อินเดียเพิกถอนมาตรา 370 ที่ให้สถานะกึ่งปกครองตนเองกับแคชเมียร์ในปี 2019

หลังการตัดสินใจครั้งนั้นก็มีการประท้วงเกิดขึ้นในภูมิภาคแห่งนี้ แต่ในขณะเดียวกันความรุนแรงกลับลดลง และปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพิ่มสูงขึ้นมาก

ในปี 2016 หลังจากทหารอินเดีย 19 นายถูกฆ่-าในเมืองอูรี (Uri) อินเดียเปิดฉาก “โจมตีแบบพุ่งเป้าเฉพาะจุด” (surgical strikes) ข้ามแนวเขตควบคุม (Line of Relief a watch on) ซึ่งเป็นพรมแดนโดยพฤตินัยระหว่างอินเดียกับปากีสถาน โดยมุ่งเป้าไปที่ฐานของกลุ่มติดอาวุธ

ปี 2019 เกิดการวางsะเบิดในเขตพูลวามา คร่าชีวิตสมาชิกกองกำลังกึ่งทหารของอินเดีย 40 นาย นำมาสู่การโจมตีทางอากาศเข้าไปในเขตบาลากอต (Balakot) ซึ่งนับเป็นการโจมตีในปากีสถานครั้งแรกตั้งแต่ปี 1971 จุดชนวนการจู่โจมตอบโต้และการสู้รบทางอากาศ

ไม่เพียงแต่ทั้งสองประเทศที่พัวพันกันอยู่ แต่ส่วนอื่น ๆ ของโลกก็ตื่นตัวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ มีความพยายามจากหลายประเทศและนักการทูตต่าง ๆ ทั่วโลกที่จะหยุดสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นไม่ให้บานปลาย

ก่อนหน้านี้ อันโตนิอู กุแตร์เรช เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ได้เรียกร้องให้มี “ความอดทนอดกลั้นขั้นสูงสุด” ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า เขาหวังให้การสู้รบนี้ “จบลงอย่างรวดเร็ว”

รายงานเพิ่มเติมโดย บีบีซี แผนกภาษาอูร์ดู