แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/xnli | ดู : 10 ครั้ง
ผุดธุรกิจการเงินพิเศษเปิดสาระร่าง-พรบศูนย์กลางการเงินฉบับกฤษฎีกาก่อนชงครม.เคาะ

‘สศค.’ เปิดรับฟังความคิดเห็น ‘ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางทางการเงิน’ ฉบับ ‘กฤษฎีกา’ ก่อนเสนอ ‘ครม.’ ไฟเขียว เปิดทางจัดตั้ง ‘ธุรกิจการเงินพิเศษ’ ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ‘ธุรกิจสถาบันการเงิน-ระบบการชําระเงิน-สัญญาซื้อขายล่วงหน้า-หลักทรัพย์ฯ-ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล’ แต่ต้องให้บริการแก่ ‘Non-resident’ เท่านั้น

…………………………………..

สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. …. ซึ่งเป็นร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้ว โดย สศค. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไปจนถึงวันที่ 15 มิ.ย.2568 และนำความคิดเห็นที่ได้รับไปปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป

สำหรับร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. …. ฉบับนี้ ประกอบด้วย 9 หมวด 94 มาตรา โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

บททั่วไป

1.ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินฯ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่บทบัญญัติในหมวด 4 การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย หมวด 5 การส่งเสริมและสิทธิประโยชน์ และหมวด 6 การกำกับดูแลธุรกิจเป้าหมาย ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ร่างมาตรา 2)

2.กำหนดนิยามของ ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย ธุรกิจเป้าหมาย ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจบริการการชำระเงิน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ ผู้มีอำนาจในการจัดการ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้เกี่ยวข้อง ผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ คณะกรรมการ สำนักงาน ผู้อำนวยการ และพนักงานเจ้าหน้าที่ (ร่างมาตรา 3)

ทั้งนี้ นิยามที่สำคัญและเป็นไปตามนโยบายและแนวทางในการจัดตั้ง Monetary Hub ดังนี้

2.1 “ธุรกิจเป้าหมาย” หมายความว่า ธุรกิจ ดังนี้ (1) ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ (2) ธุรกิจบริการ การชำระเงิน (3) ธุรกิจหลักทรัพย์ (4) ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (5) ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (6) ธุรกิจประกันภัย (7) ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ และ (8) ธุรกิจทางการเงินหรือธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือสนับสนุนธุรกิจทางการเงิน

ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี

2.2 ผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ หมายความว่า บุคคลที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย ดังต่อไปนี้

(1) นิติบุคคลที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทยและจัดตั้งตามกฎหมายของต่างประเทศ

(2) องค์กรของรัฐบาลต่างประเทศที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย

(3) สำนักงานสาขาของนิติบุคคลไทยที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย

(4) ตัวแทนของนิติบุคคลไทยที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทยและเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งตามกฎหมายของต่างประเทศ และ

(5) บุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย และมีถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศหรือเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแต่ไม่มีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวหรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย

3.ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา 4)

หมวด 1 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (ร่างมาตรา 5-12)

1.ให้คณะกรรมการฯ ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกรรมการ กรรมการ โดยตำแหน่ง 7 คน ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย

และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน แต่ไม่เกิน 5 คน โดยต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ด้านกฎหมายทางการเงิน และด้านบัญชี ด้านละ 1 คน (ร่างมาตรา 5)

2.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีสัญชาติไทย และมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี ในวันที่ได้รับแต่งตั้ง รวมทั้งไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนด เช่น เป็นคนไร้ความสามารถ เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และเป็นบุคคลล้มละลาย เป็นต้น (ร่างมาตรา 6)

3.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งครั้งละ 4 ปี (ร่างมาตรา 7) และพ้นจากตำแหน่งเมื่อเสียชีวิต ลาออก อายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ คณะรัฐมนตรีให้ออกจากตำแหน่ง ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม (ร่างมาตรา 8)

4.คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจในการเสนอแนะนโยบายเพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Monetary Hub เสนอคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติประเภทและขอบเขตของการอนุญาตในการประกอบธุรกิจเป้าหมาย การกำหนดธุรกิจทางการเงินหรือธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือสนับสนุนธุรกิจทางการเงินให้เป็นธุรกิจเป้าหมาย จัดทำแนวทางการส่งเสริมการประกอบธุรกิจเป้าหมายและการให้สิทธิประโยชน์แก่ธุรกิจเป้าหมายเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

เสนอแนะคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดเขตพื้นที่ประกอบธุรกิจเป้าหมาย ให้ความเห็นชอบการอนุญาต การต่ออายุ การเพิกถอนการอนุญาต การเลิก ควบ หรือโอนการประกอบธุรกิจเป้าหมาย ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรือคำสั่ง เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามพระราชบัญญัติ ติดตามและประเมินผลการดำเนินการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Monetary Hub และกำกับดูแลสำนักงาน (ร่างมาตรา 9)

5.กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติงานตามที่คณะกรรมการมอบหมายได้ (ร่างมาตรา 10) ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยคำสั่งทางปกครองและคณะกรรมการที่มีอำนาจดำเนินการพิจารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมาบังคับใช้ในการทำคำสั่งทางปกครองและการประชุมของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ (ร่างมาตรา 11) และเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด (ร่างมาตรา 12)

หมวด 2 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (ร่างมาตรา 13-25)

1.ให้มีสำนักงานเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลและไม่เป็นส่วนราชการ มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานครหรือสถานที่ที่นายกรัฐมนตรีประกาศกำหนด เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Monetary Hub ส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกิจเป้าหมายในประเทศไทย ส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ ความเชี่ยวชาญ และกำกับดูแลการประกอบธุรกิจเป้าหมาย (ร่างมาตรา 13 และ 14) รวมถึงการปฏิบัติงานธุรการให้แก่คณะกรรมการ และการปฏิบัติงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Monetary Hub (ร่างมาตรา 15 และ 16)

2.รายได้ของสำนักงานประกอบด้วย (1) ทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรร (2) เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ (3) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ โดยห้ามรับเงินจากผู้ประกอบธุรกิจหรือบุคคลอื่นใดที่อาจได้รับประโยชน์จากการดำเนินงานของสำนักงาน (4) ค่าธรรมเนียมและค่าบริการ และ (5) ดอกผลหรือผลประโยชน์อื่น ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของสำนักงาน (ร่างมาตรา 17) ทั้งนี้ อสังหาริมทรัพย์ที่สำนักงานได้มาโดยมีผู้บริจาคหรืออุทิศให้ หรือโดยการซื้อหรือแลกเปลี่ยนจากรายได้ของสำนักงานให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงาน (ร่างมาตรา 18)

3.การเก็บรักษาและการเบิกจ่ายเงินของสำนักงาน ให้เป็นไปตามข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด (ร่างมาตรา 19) ให้สำนักงานวางและรักษาไว้ซึ่งระบบบัญชีที่เหมาะสม (ร่างมาตรา 20) ให้สำนักงานจัดให้มีการตรวจสอบภายในเป็นประจำ และให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ (ร่างมาตรา 21)

ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหรือผู้สอบบัญชีอิสระที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีของสำนักงาน และรายงานผลต่อคณะกรรมการเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน 120 วันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี และเผยแพร่ภายใน 15 วัน (ร่างมาตรา 22 และ 23) โดยให้สำนักงานทำรายงานประจำปีเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน 150 วันนับแต่วันสิ้นปีบัญชี และเผยแพร่ต่อสาธารณชน (ร่างมาตรา 24)

4.ให้สำนักงานให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจเป้าหมายแก่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ตามที่ได้รับการร้องขอ และให้ทั้ง 3 หน่วยงานดังกล่าว ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามที่จำเป็นและสำนักงานร้องขอ (ร่างมาตรา 25)

หมวด 3 ผู้อำนวยการ (มาตรา 26-34)

1.ให้คณะกรรมการแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ร่างมาตรา 26) ซึ่งต้องเป็นผู้มีความรู้ ความชำนาญ มีสัญชาติไทย มีอายุไม่เกิน 65 ปีในวันที่ได้รับแต่งตั้ง สามารถทำงานให้แก่สำนักงานได้เต็มเวลา และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางทางการเงินฯ กำหนด เช่น เป็นผู้ดำรงตำแหน่งใดในธุรกิจเป้าหมายหรือธุรกิจด้านการเงิน เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะขาดความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจให้บริหารจัดการกิจการ เป็นต้น (ร่างมาตรา 27) ทั้งนี้ ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการจะต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการที่กระทำกับสำนักงาน (ร่างมาตรา 32)

2.การแต่งตั้งผู้อำนวยการให้ทำเป็นสัญญาจ้าง และผู้อำนวยการอยู่ในตำแหน่งไม่เกินคราวละ 4 ปี และจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้ (ร่างมาตรา 28) และพ้นจากตำแหน่งเมื่อเสียชีวิต ลาออก ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ไม่ผ่านการประเมินผลงาน หรือคณะกรรมการมีมติให้เลิกจ้างเพราะบกพร่องต่อหน้าที่ (ร่างมาตรา 29)

3.ผู้อำนวยการสำนักงานมีหน้าที่และอำนาจในการบริหารกิจการของสำนักงานให้บรรลุผลสำเร็จ ตามวัตถุประสงค์ของสำนักงาน รับผิดชอบการบริหารกิจการของสำนักงาน และกำหนดระเบียบและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของสำนักงาน (ร่างมาตรา 30) ให้มีรองผู้อำนวยการไม่เกินจำนวนที่คณะกรรมการกำหนดเพื่อช่วยปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการมอบหมาย (ร่างมาตรา 31)

4.ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้แทนของสำนักงาน และในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้รองผู้อำนวยการเป็นผู้รักษาการแทน (ร่างมาตรา 33 และ 34)

หมวด 4 การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย (มาตรา 35-50)

1.ประเภทและขอบเขตของการอนุญาตในการประกอบธุรกิจเป้าหมายให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนดโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรี (ร่างมาตรา 35)

2.ไม่ให้นำกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน กฎหมายว่าด้วยระบบการชําระเงิน กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล กฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต และกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย มาบังคับใช้กับการประกอบธุรกิจเป้าหมายตามประเภทและขอบเขตของการอนุญาตที่คณะกรรมการกำหนด

กรณีที่กฎหมายดังกล่าวมีบทบัญญัติว่าด้วยการกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจ และผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจตามกฎหมายดังกล่าว ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจและบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับด้วย (ร่างมาตรา 36)

3.ให้สถานที่ประกอบธุรกิจเป้าหมายตั้งอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา (ร่างมาตรา 37) และการประกอบธุรกิจเป้าหมายจะกระทำได้เฉพาะบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่จดทะเบียนในประเทศไทย หรือสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ โดยได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ (ร่างมาตรา 38)

4.ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย ต้องใช้ชื่อซึ่งมีคำว่า “ธุรกิจการเงินพิเศษ (ประเทศไทย)” หรือ “Particular Monetary Entity (Thailand)” กำกับ (ร่างมาตรา39) และห้ามผู้อื่นนอกจากผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายใช้ชื่อ หรือคำแสดงชื่อในธุรกิจทางการเงินว่า “ธุรกิจการเงินพิเศษ (ประเทศไทย)” หรือ “Particular Monetary Entity (Thailand)” (ร่างมาตรา 40)

5.กรณีที่คณะกรรมการเห็นเองหรือได้รับข้อเสนอแนะจาก ธปท. ก.ล.ต. หรือ คปภ. ว่าการประกอบธุรกิจเป้าหมายอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศ หรือประโยชน์ของประชาชน ให้คณะกรรมการ โดยการหารือกับ 3 หน่วยงานดังกล่าว มีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ หรือเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ผู้ประกอบธุรกิจใน Monetary Hub ต้องปฏิบัติได้ (ร่างมาตรา 41)

6.กรรมการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และกรรมการหรือผู้มีอำนาจในการจัดการ ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของนิติบุคคลที่จะประกอบธุรกิจเป้าหมายต้องมีคุณลักษณะและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามที่กำหนด เช่น เคยถูกลงโทษไล่ออกหรือปลดออกเพราะทุจริตต่อหน้าที่ เคยกระทำการที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการตัดสินใจใดอันอาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน (Struggle of hobby) เป็นต้น (ร่างมาตรา 42)

7.ให้ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายประกอบธุรกิจได้เฉพาะธุรกิจเป้าหมายตามประเภทและขอบเขต ที่ได้รับอนุญาต และจะประกอบธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจเป้าหมายด้วยไม่ได้ (ร่างมาตรา 43) หากจะมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับดำเนินการในงานที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจเป้าหมาย ต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการก่อน (ร่างมาตรา 44)

หากคณะกรรมการกำหนดอายุของการอนุญาตประเภทใดไว้ ให้ผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการพิจารณาต่ออายุได้ไม่เกินระยะเวลาตามอายุที่คณะกรรมการกำหนด การต่ออายุให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราค่าธรรมเนียมที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (ร่างมาตรา 45)

8.การจะเลิกประกอบธุรกิจเป้าหมาย จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ และผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและระยะเวลาให้ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายปฏิบัติในการจัดการทรัพย์สินและหนี้สิน จัดการภาระผูกพันบอกกล่าวผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเรื่องอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการคุ้มครองลูกค้าได้ (ร่างมาตรา 46)

9.การควบ โอน หรือรับโอนกิจการให้ทำได้เฉพาะกับผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายด้วยกัน โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวร่วมกันจัดทำโครงการแสดงรายละเอียดการดำเนินงานเพื่อขออนุญาตต่อผู้อำนวยการ (ร่างมาตรา 47) ทั้งนี้ การโอนสิทธิเรียกร้องที่เกี่ยวเนื่องกับการโอนกิจการของผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายไม่จำเป็นต้องแจ้งไปยังลูกหนี้ตามมาตรา 306 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่ไม่ตัดสิทธิของลูกหนี้ที่จะยกข้อต่อสู้ตามมาตรา 308 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ร่างมาตรา forty eight)

10.ในการควบ โอน หรือรับโอนกิจการ ถ้ามีการฟ้องร้องบังคับสิทธิเรียกร้องเป็นคดีอยู่ในศาล ให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ควบกันหรือรับโอนกิจการเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทน กรณีที่ศาลมีคำพิพากษาบังคับ ตามสิทธิเรียกร้องนั้นแล้ว ให้เข้าสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น (ร่างมาตรา 49)

11.การควบ โอน หรือรับโอนกิจการจะสมบูรณ์เมื่อผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำหนด กรณีควบกิจการ ให้ผู้อำนวยการออกใบอนุญาตตามประเภทและขอบเขตที่ออกให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายเดิม และมีผลเป็นการยกเลิกใบอนุญาตประกอบธุรกิจเป้าหมายที่ออกให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายเดิม

เมื่อการโอนหรือรับโอนกิจการสมบูรณ์แล้ว ให้ผู้อำนวยการออกใบอนุญาตให้ผู้รับโอนตามประเภทและขอบเขตของการโอนนั้น หากโอนกิจการทั้งหมดให้มีผลเป็นการยกเลิกใบอนุญาตที่ออกให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายที่โอนกิจการนั้นๆ (ร่างมาตรา 50)

หมวด 5 การส่งเสริมและสิทธิประโยชน์ (มาตรา 51-56)

1.ให้ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย ได้รับการยกเว้นจากการจำกัดสิทธิของคนต่างด้าวในการถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุด และไม่ให้นับเป็นสัดส่วนคนต่างด้าวที่ถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด (ร่างมาตรา 52) ได้รับสิทธิในการนำคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร (ร่างมาตรา fifty three และ 54) และคณะกรรมการอาจประกาศให้สามารถประกอบวิชาชีพใดที่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องมีสัญชาติไทยหรือต้องได้รับใบอนุญาต จดทะเบียน หรือรับรองก่อนการประกอบวิชาชีพในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่กำหนดได้ (ร่างมาตรา 55)

2.ในกรณีที่เลิกประกอบธุรกิจ ให้ผู้ประกอบธุรกิจใช้สิทธิและประโยชน์ใดๆ ได้ต่อไปอีกไม่เกิน 90 วัน นับแต่วันที่เลิก ยกเว้นสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรจะสิ้นสุดนับแต่วันที่ได้รับอนุญาตให้เลิก กรณีควบหรือโอนกิจการ ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายเดิมมีอยู่ด้วย กรณีถูกเพิกถอนการอนุญาต สิทธิประโยชน์จะสิ้นสุดนับแต่วันที่ถูกเพิกถอน

เมื่อผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายซึ่งเป็นต่างด้าวและได้รับอนุญาตให้ถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด เลิก โอน หรือถูกเพิกถอนการอนุญาต ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายนั้นต้องจำหน่ายกรรมสิทธิ์ในห้องชุดที่ได้รับอนุญาตให้ถือกรรมสิทธิ์ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่เลิกหรือโอนกิจการหรือถูกเพิกถอนการอนุญาต มิฉะนั้นให้อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจจำหน่ายอาคารชุดนั้นตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด (ร่างมาตรา 56)

หมวด 6 การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจเป้าหมาย (มาตรา 57-71)

1.ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายต้องให้บริการแก่ Non-resident เท่านั้น เว้นแต่เป็นการให้บริการระหว่างผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายด้วยกันเอง หรือการให้บริการแก่ผู้ประกอบธุรกิจธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่ให้บริการแก่ลูกค้าของผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวโดยตรง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (ร่างมาตรา 57)

2.คณะกรรมการมีอำนาจประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจเป้าหมายตามที่กำหนด เช่น การกำกับดูแลฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงาน มาตรฐานในการประกอบธุรกิจ การเก็บรักษา และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือผู้บริโภค การคุ้มครองลูกค้าหรือผู้บริโภค เป็นต้น (ร่างมาตรา 58)

3.ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายต้องมีสถานที่ประกอบธุรกิจเป้าหมายที่เหมาะสมในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา และมีจำนวนและสัดส่วนของพนักงานคนไทยและคนต่างด้าวในสถานที่ประกอบธุรกิจเป้าหมายตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (ร่างมาตรา 59)

ให้ถือว่าผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายเป็นบุคคล ที่มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินและให้ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายที่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเงินตราต่างประเทศได้รับยกเว้นในการขออนุญาตหรือขึ้นทะเบียนเพื่อประกอบธุรกิจและการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ร่างมาตรา 60)

กรณีมีการเก็บรักษาเงินหรือทรัพย์สินของลูกค้าหรือผู้บริโภค ต้องจัดทำบัญชีเงินหรือทรัพย์สินของลูกค้าหรือผู้บริโภคแยกแต่ละราย และเก็บรักษาแยกจากเงินหรือทรัพย์สินของตน (ร่างมาตรา 61) และการแต่งตั้งกรรมการหรือผู้มีอำนาจในการจัดการของผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย จะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการก่อน หากพบว่าบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 42 ให้ผู้อำนวยการเพิกถอนการเห็นชอบ และให้ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายเสนอชื่อผู้อื่นแทน (ร่างมาตรา 62)

4.ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายจำหน่ายหุ้นจนเป็นเหตุให้บุคคลใดเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการหรือเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานประกาศกำหนด (ร่างมาตรา 63) ห้ามบุคคลใดถือหุ้นหรือมีไว้ซึ่งหุ้นของผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายแห่งใดแห่งหนึ่งไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมเป็นเหตุให้บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการ ทั้งนี้ ไม่รวมถึงหุ้นบุริมสิทธิ (ร่างมาตรา 64)

กรณีฝ่าฝืนมาตรา 64 จะต้องนำหุ้นในส่วนที่เกินออกจำหน่ายแก่บุคคลอื่นภายใน 90 วันนับแต่วันที่ได้รับหุ้นนั้นมา (ร่างมาตรา 65) และจะจ่ายเงินปันผลหรือผลตอบแทนให้แก่บุคคลนั้นไม่ได้ หรือให้บุคคลนั้นออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตามจำนวนหุ้นในส่วนที่เกินไม่ได้ (ร่างมาตรา 66)

ให้ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายตรวจสอบทะเบียนผู้ถือหุ้นทุกครั้งก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นหรือก่อนจ่ายเงินปันผลหรือผลตอบแทนอื่นใดแก่ผู้ถือหุ้น แล้วให้แจ้งผลการตรวจสอบต่อสำนักงาน (ร่างมาตรา 67) ทั้งนี้ ไม่ให้นำความในมาตรา 64 ถึงมาตรา 67 มาใช้บังคับแก่ผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายที่เป็นสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ (ร่างมาตรา 68)

5.หากผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายไม่ประกอบธุรกิจหรือหยุดประกอบธุรกิจ คณะกรรมการมีอำนาจเพิกถอนการอนุญาต (ร่างมาตรา 69) หรือกรณีมีฐานะทางการเงินหรือการดำเนินงานที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ผู้อำนวยการมีอำนาจสั่งให้แก้ไขให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด หรืออาจเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาเพิกถอนการอนุญาตได้ (ร่างมาตรา 70)

ในกรณีที่การทำธุรกรรม การดำเนินกิจการ หรือการดำเนินการใดเกี่ยวกับธุรกิจเป้าหมายอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศ หรือประโยชน์ของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ ผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอำนาจสั่งระงับการดำเนินกิจการ หรือเพิกถอนการอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมายได้ (ร่างมาตรา 71)

หมวด 7 พนักงานเจ้าหน้าที่ (มาตรา 72-74)

พนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสามารถ (1) เข้าไปในสถานที่ประกอบธุรกิจหรือสถานที่ตั้งของผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย เพื่อตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สิน รวมทั้งสมุดบัญชี เอกสาร หลักฐาน ระบบคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูล (2) ยึดหรืออายัดทรัพย์สิน เอกสาร หลักฐาน หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือดำเนินคดี และ (3) สั่งให้กรรมการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้สอบบัญชีของผู้ประกอบธุรกิจเป้าหมาย มาให้ถ้อยคำ ส่งสำเนา หรือแสดงสมุดบัญชี เอกสาร ดวงตรา หรือหลักฐานอื่นเกี่ยวกับการดำเนินกิจการ (ร่างมาตรา 72)

ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง (ร่างมาตรา 73) และในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา (ร่างมาตรา 74)

หมวด 8 มาตรการปรับเป็นพินัย (มาตรา 75-77)

กำหนดมาตรการปรับเป็นพินัยในกรณีที่กระทำผิดที่ไม่ร้ายแรง เช่น การไม่ใช้ชื่อกำกับตามที่กำหนด การไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบกิจการ สถานที่ประกอบธุรกิจ ลักษณะต้องห้ามของผู้ประกอบกิจการ การคุ้มครองผู้บริโภค การควบรวมกิจการ เป็นต้น (ร่างมาตรา 75-77)

หมวด 9 โทษทางอาญา (มาตรา 78-89)

กำหนดโทษทางอาญาในกรณีที่เป็นการกระทำผิดร้ายแรง เช่น การประกอบธุรกิจเป้าหมายโดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา 78) การใช้ชื่อที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจธุรกิจเป้าหมาย (ร่างมาตรา Seventy 9) การไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในกรณีที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศ การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการแก่ผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ การประกอบธุรกิจที่นอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตหรือธุรกิจอื่น ที่ไม่ใช่ธุรกิจเป้าหมาย (ร่างมาตรา 80)

การแจ้งข้อความเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือสำนักงาน (ร่างมาตรา 81) การกระทำผิดของกรรมการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือพนักงานของผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นการลวงลวงประชาชนหรือทุจริต เป็นต้น (ร่างมาตรา 82 – 83) การก่อให้กรรมการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือพนักงานของผู้ประกอบธุรกิจ หรือช่วยเหลือบุคคลดังกล่าวกระทำความผิดตามมาตรา 82–83 (ร่างมาตรา 84 – 85)

การเปิดเผยกิจการที่พึงสงวนไว้ของผู้ประกอบธุรกิจ หรือความลับที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น หรือประชาชน (ร่างมาตรา 86 – 87) กรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้กระทำความผิด และเกิดจากการสั่งการของกรรมการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือผู้รับผิดชอบการดำเนินงานของนิติบุคคล ให้บุคคลดังกล่าวรับโทษตามความผิดนั้น ๆ ด้วย (ร่างมาตรา 88) และกำหนดให้ความผิดอาญาบางฐานสามารถเปรียบเทียบปรับได้ (ร่างมาตรา 89)

บทเฉพาะกาล

1.ให้รัฐบาลจัดสรรทุนประเดิมให้แก่สำนักงานตามความจำเป็น (ร่างมาตรา 90)

2.ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการโดยตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน โดยให้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน (ร่างมาตรา 91) ให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างหรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ทำหน้าที่ผู้อำนวยการไปพลางก่อน โดยให้มีการแต่งตั้งผู้อำนวยการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน (ร่างมาตรา 92) ให้ดำเนินการจัดตั้งสำนักงานให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน (ร่างมาตรา 93)

และให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง หรือ ผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ มาปฏิบัติงานเป็นพนักงานของสำนักงานเป็นการชั่วคราวภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด (ร่างมาตรา 94)

อ่านประกอบ :

เปิดหนังสือ‘ธปท.’แนะตั้ง‘ฮับการเงิน’ เป้าหมาย‘เชิงยุทธศาสตร์’ต้องชัด-ควบคุมความเสี่ยง

ครม.ไฟเขียว‘ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางประกอบธุรกิจทางการเงินฯ’ ดันไทยเป็น Monetary Hub

‘คลัง’ดัน‘ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน’ หนุนไทยขึ้นแท่น Monetary Hub

ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระช

สกัดอดีตกรรมการฯ ชาวต่างชาติทันควัน คาสุวรรณภูมิ ก่อนบินหนีส

สุดแปลก!

หลังหยุดยาว กลับมาติดสนั่น! กับ คู่หูจราจร : 4 มิถุนายน 2568 2025-06-04 12:05:00

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติยังไม่มีหนังสือใดๆ ‘พีระพันธุ์’ แจงส่งคนไปตรวจสอบแล้ว

กกต.ประกาศรับรอง ‘ไพฑูรย์ อิสระเสรีพงษ์’ เป็น ‘สก.หนองจอก’

CIB x Nation เตือนภัย "เหยื่อซ้ำสอง!" มิจฉาชีพแฝงตัวเป็นทนาย

4 มิ.ย. 68 เวลา 19.33 น. นิ่งทุกด้าน! แยกสาทร-สุรศักดิ์ ขึ้น 2025-06-04 12:33:00

GPSC เร่งพัฒนาพลังงานสีเขียว ตามโรดแมป Decarbonization รับเกณฑ์การค้าโลกเปลี่ยน

ผู้เรียบเรียง

ให้คะแนนความพอใจของคุณ :

0 / 5 คะแนน 0

คุณให้คะแนน:

แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/xnli | ดู : 10 ครั้ง
  1. พบกับรายการ-cib-ทราบแล้วเปลี่ยน-ep115.-ตำรวจสอบสวนกลาง-(ci พบกับรายการ CIB ทราบแล้วเปลี่ยน Ep.115 . ตำรวจสอบสวนกลาง (CI
  2. สั่งสอบบ้านพักนายทหารหญิงใช้ซุกกระสุนสงคราม- สั่งสอบบ้านพักนายทหารหญิงใช้ซุกกระสุนสงคราม
  3. ปี-2568-เกิดเหตุฟ้าผ่าคนเสียชีวิตที่จังหวัดอุดรธานี-2-ครั้ง ⛈ปี 2568 เกิดเหตุฟ้าผ่าคนเสียชีวิตที่จังหวัดอุดรธานี 2 ครั้ง
  4. 4-มิย-68-เวลา-1950-น-ถ.สาทรใต้-ขึ้นสะพานตากสิน-ก่อนหน้าน-|-2025-06-04-12:51:00 4 มิ.ย. 68 เวลา 19.50 น. ถ.สาทรใต้ ขึ้นสะพานตากสิน ก่อนหน้าน 2025-06-04 12:51:00
  5. จังหวัดสงขลา-รัวยิvอาก้า-วันที่-1-มิถุนายน-2568-พนักงานสอบสวน-สภ.-|-2025-06-02-09:fifty-three:00 จังหวัดสงขลา รัวยิvอาก้า วันที่ 1 มิถุนายน 2568 พนักงานสอบสวน สภ. 2025-06-02 09:fifty three:00
  6. อาการแพ้ท้องรุนแรง-เป็นอันตรายต่อลูกน้อยและว่าที่คุณแม่อย่างไรบ้าง-? อาการแพ้ท้องรุนแรง เป็นอันตรายต่อลูกน้อยและว่าที่คุณแม่อย่างไรบ้าง ?
  7. เริ่มช้อปเลย-️ เริ่มช้อปเลย 🛍️🛒
  8. เดินแล้ววูบ-ลุงวัย-59-ปี-เดินกลางแดดอยู่ในซอยก่อนจะเกิดอากา-|-2025-06-04-05:55:00 เดินแล้ววูบ ลุงวัย 59 ปี เดินกลางแดดอยู่ในซอยก่อนจะเกิดอากา 2025-06-04 05:55:00
  9. นัด-4-มิย-ล่ม-ปปช.ยังไม่ได้ออกหมายเรียก-พีระพันธุ์-คดีแจกถุงยังชีพ-รอเปลี่ยนคณะไต่สวน นัด 4 มิ.ย ล่ม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติยังไม่ได้ออกหมายเรียก พีระพันธุ์ คดีแจกถุงยังชีพ รอเปลี่ยนคณะไต่สวน
  10. ๓-มิถุนายน-๒๕๖๘-วันเฉลิมพระชนมพรรษา-สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา-พ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พ
  • No recent comments available.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Share via
Click to Hide Advanced Floating Content
Send this to a friend