เปิดปูมหน่วย “แม่มดราตรี” ทีมนักบินหญิงล้วนโซเวียตที่บุกโจมตีกองทัพนาซีด้วยเครื่องบินไม้

ที่มาของภาพ : Andrei Linde

  • Creator, คริสโตเฟอร์ ลู
  • Role, บีบีซีนิวส์

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หนึ่งในปฏิบัติการทาการทหารที่มีส่วนช่วยให้กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรสามารถเอาชนะกองทัพนาซีเยอรมันได้ คือ กลุ่มนักบินหญิงชาวรัสเซียที่ปฏิบัติภารกิจทิ้งsะเบิดใส่กองทัพเยอรมันท่ามกลางความมืดมิดที่ถูกขนานนามว่า “แม่มดราตรี”

สงครามโลกครั้งที่ 2 เต็มไปด้วยเรื่องราววีรกรรมอันน่าทึ่งมากมายจนบางเรื่องแทบไม่ได้รับการกล่าวถึงตามสมควร

พอดแคสต์รายการ Historical previous's Secret Heroes เหล่าฮีโร่ลับในประวัติศาสตร์ ของบีบีซี เรดิโอ 4 ซึ่งจัดโดยเฮเลนา บอนแฮม คาร์เตอร์ ได้ออกมารำลึกถึงเหล่าวีรบุรุษและวีรสตรีที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และหนึ่งในตอนใหม่ที่โดดเด่นที่สุดก็คือเรื่องราวของฝูงบินหญิงชาวรัสเซีย ซึ่งปฏิบัติภารกิจลับในยามค่ำคืนและทิ้งsะเบิดใส่ข้าศึกอย่างกล้าหาญ

ฝ่ายเยอรมนีเรียกพวกเธอว่า die Nacht Hexen หรือ “แม่มดราตรี” พวกเธอเป็นกลุ่มนักบินระดับหัวกะทิ ที่ประกอบไปด้วยนักบิน ผู้ช่วยนำทาง ช่างซ่อม และเจ้าหน้าที่ภาคพื้น ทั้งหมดเป็นผู้มีใจรักการบินอย่างแรงกล้าและสำนึกในหน้าที่อย่างสูงจนสามารถทำลายข้อจำกัดทางเพศในยุคนั้นได้สำเร็จ

ผู้ที่เข้าร่วมในฝูงบินนี้ ยังมีกลุ่มนักบินที่เป็นเพื่อนรักกันอย่าง โพลินา เกลมัน และ กาลยา โดคูโตวิช ทั้งคู่เรียนรู้การขับเครื่องบินตั้งแต่ยังเด็ก และในเดือน ต.ค. ปี 1941 มารีนา ราสโควา นักบินชื่อดังของโซเวียต ก็ได้รับคำสั่งให้รับสมัครผู้หญิงเข้าร่วมหน่วยบินสตรี ซึ่งนั่นรวมถึงหน่วย “แม่มดราตรี” ด้วย สองนักบินหญิงเพื่อนรักจึงรีบคว้าโอกาสนั้นไว้ทันที

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด

Raze of ได้รับความนิยมสูงสุด

“พวกเธอเป็นพวกที่ชอบกิจกรรมตื่นเต้นเร้าใจโดยแท้ พวกเธออยากจะบิน และคลั่งไคล้เรื่องการบินอย่างมาก”

ลูบา วิโนกราโดวา นักประวัติศาสตร์ผู้ประพันธ์หนังสือ Avenging Angels: Soviet Women Snipers on the Japanese Front (1941-forty five) นางฟ้าผู้ล้างแค้น: พลซุ่มยิvหญิงโซเวียตแห่งแนวรบด้านตะวันออกในช่วงปี 1941-1945 กล่าวถึงนักบินหญิงทั้งสองคน “และอย่างที่สองคือ พวกเธอมีความรักชาติอย่างแรงกล้า ดังนั้น พวกเธอทั้งสองคนจึงอาสาเข้าร่วมด้วยตนเอง”

มารีนา ราสโควา ผู้บัญชาการหน่วยของพวกเธอคือแรงบันดาลใจหนึ่ง “เธอเป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในยุคนั้น ทั้งชื่อของเธอ รูปถ่าย ใบหน้าของเธอ เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งประเทศ เธอเป็นต้นแบบคนสำคัญ เป็นผู้หญิงที่แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถทำการบินประเภทนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ” วิโนกราโดวา นักประวัติศาสตร์กล่าว

เปลี่ยนข้อจำกัดให้เป็นข้อได้เปรียบ

ทีมนักบินหน่วย “แม่มดราตรี” ฝึกซ้อมการบินใกล้แม่น้ำโวลกา ใกล้กับเมืองเอนเกลส์ของรัสเซีย และต้องฝึกฝนการบินที่ปกติจะใช้เวลา 3 ปีในเวลาแค่เพียง 3 เดือนเท่านั้น พวกเธอถูกเลือกให้เป็นผู้ช่วยนำทางแทนที่จะเป็นนักบิน ซึ่งทำให้กาลยา โดคูโตวิช รู้สึกผิดหวังในตอนแรก แต่หลังจากที่เธอได้บินขึ้นไปบนฟ้า เธอกลับรู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับผลที่ออกมาและเขียนข้อความในตอนนั้นว่า “ตอนนี้ฉันเห็นแล้วว่าการเป็นผู้ช่วยนำทางมันน่าตื่นเต้นแค่ไหน เมื่อคุณได้บินแค่เพียงเล็กน้อย คุณจะรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในฝัน และแค่ต้องการกลับไปอยู่บนฟ้าอีกครั้ง”

และเนื่องจากกองทัพโซเวียตขาดแคลนอากาศยาน กลุ่มนักบินหญิงจึงได้รับขึ้นบินด้วยเครื่องบินไม้รุ่น Po-2 ซึ่งไม่ได้เป็นอากาศยานที่เหมาะกับการสู้รบ เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นเครื่องบินที่ใช้พ่นยาฆ่-าแมลง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเธอไม่ได้รับการติดอาวุธ รวมไปถึงวิทยุสื่อสาร และร่มชูชีพ ดังนั้น ภารกิจหลักของพวกเธอคือการบรรทุกลูกsะเบิด

ที่มาของภาพ : Andrei Linde

เครื่องบินไม้ที่หน่วยแม่มดราตรีใช้บินนั้น ตามปกติแล้วมันเป็นเครื่องบินฉีดพ่นยาฆ่-าแมลง

เมื่อเป็นเรื่องของเครื่องบิน พวกเธอใช้ข้อจำกัดที่มีอยู่ให้เป็นข้อได้เปรียบ เพราะเครื่องบินรุ่น Po-2 แทบไม่ส่งเสียงเลย ไม่สามารถติดตามได้ด้วยวิทยุ และมีขนาดเล็กเกินกว่าจะแสดงบนเครื่องระบุตำแหน่งอินฟราเรด ดังนั้น ทีมนักบินผู้หญิงจึงสามารถบินข้ามดินแดนของเยอรมนี และปิดเครื่องยนต์ก่อนร่อนลงจอดได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือการปล่อยsะเบิดได้ง่ายขึ้นโดยไม่ถูกตรวจจับ

วิโนกราโดวา กล่าวว่าปฏิบัติการของนักบินหญิงกลุ่มนี้มีความรวดเร็วและไม่หยุดยั้ง “ทุก ๆ 4 นาที เครื่องบินหนึ่งลำจะขึ้นบิน ทิ้งsะเบิดที่เป้าหมายแล้วบินกลับมา และเครื่องบินลำอื่นจะเข้าไปแทนที่”

ชาวเยอรมันได้กระจายข่าวเรื่องราวของการโจมตีในพื้นที่ที่พวกเขายึดครอง โดยกล่าวถึงหน่วย “แม่มดราตรี” ว่าเป็นพลังเหนือธรรมชาติ พวกเธอได้รับการขนานนามว่า die Nacht Hexen หรือแม่มดราตรี เพราะเครื่องบินไม้ของพวกเธอนำไปเปรียบเสมือนกับไม้กวาด และกลยุทธ์ของนักบินหญิงกลุ่มนี้ทำให้รู้สึกเหมือนพวกเธอสามารถปรากฏตัวและหายตัวไปได้อย่างไร้ร่องรอย

ชัยชนะของหน่วยบินหญิง “แม่มดราตรี” ทำให้พวกเธอได้รับการยกย่อง และในปี 1943 พวกเธอได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกองบินทิ้งsะเบิดภาคกลางคืนหน่วยที่ 46 (Forty-Sixth Guards Night Bomber Aviation Regiment) อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ในเดือน ก.ค. ปี 1943 ฝ่ายเยอรมันได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักบินด้วยยุทธวิธีใหม่ ด้วยการหยุดใช้ปืนต่อต้านอากาศยาน และเปลี่ยนมาใช้วิธีการโจมตีด้วยเครื่องบินขับไล่ในเวลากลางคืนเพื่อต่อต้านเครื่องบินทิ้งsะเบิด

ที่มาของภาพ : Andrei Linde

ทีมนักบินหญิงหน่วยนี้เข้ารับการฝึกการบินในเวลาเพียง 3 เดือน ทั้งที่ตามปกติหลักสูตรฝึกบินนี้ต้องใช้เวลานานถึง 3 ปี

ผลจากปฏิบัติการนี้ทำให้ กาลยา โดคูโตวิช เสียชีวิตในวันที่ 31 ก.ค. พร้อมกับเพื่อนร่วมทีม “แม่มด” อีก 7 คน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่วิโนกราโดวาเรียกว่า “คืนที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกองบินนี้” อย่างไรก็ตาม พวกเธอยังคงต่อสู้จนถึงวันที่กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรประกาศชัยชนะในเดือน พ.ค. ปี 1945

“ตอนที่ข่าวการประกาศชัยชนะ (ของฝ่ายสัมพันธมิตร) ถูกแจ้งให้ทราบ ตอนนั้นพวกเธอยืนอยู่ที่สนามบินและพร้อมที่จะขึ้นบินไปปฏิบัติภารกิจ” วิโนกราโดวา กล่าวถึงความมุ่งมั่นของโพลินา เกลมัน และทีมนักบินหญิงหน่วย “แม่มด” ที่ยังคงยืนหยัดต่อสู้เพื่อภารกิจ

ในเดือน ต.ค. ปี 1945 กองบินหน่วยนี้ถูกยุบอย่างเป็นทางการ และได้รับการยกย่องว่าเป็นหน่วยเดียวในกองทัพฝ่ายแดง (Red Navy) ที่ยังคงมีสมาชิกเป็นผู้หญิงทั้งหมดจนถึงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งนี้ในเวลาต่อมา โพลินา เกลมัน ได้ย้ายมารับราชการที่สถาบันภาษาต่างประเทศของทหาร และตั้งชื่อลูกสาวของเธอว่า กาลยา ตามชื่อของเพื่อนที่เสียชีวิตไป

โพลินา เกลมัน เสียชีวิตในปี 2005 และในช่วงสุดท้ายของชีวิตเธอได้สะท้อนถึงสาเหตุปัจจัยที่ทำให้ “แม่มดราตรี” ประสบความสำเร็จ โดยเธอให้การยกย่องกับความจริงที่ว่าพวกเธอปฏิบัติภารกิจด้วยความสมัครใจ

เกลมัน ยังกล่าวกับ เรนา เพนนิงตัน นักประวัติศาสตร์ ด้วยว่า “มันเป็นการกระทำตามเจตจำนงเสรี และสิ่งที่ทำตามเสียงเรียกร้องจากใจนั้นย่อมทำได้ดีกว่าที่ทำเพียงแค่เพราะหน้าที่”

*บทความนี้เขียนขึ้นจากบทของอเล็กซ์ ฟอน ตุนเซลมันน์