
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา ‘ไกรชิต ปัญญามี' อดีตผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาชาวเขาอุทัยธานี ทุจริตเบิกจ่ายเงินอุดหนุนสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยไร้ที่พึ่ง ปี 58 ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 6 พิพากษาลงโทษจำคุก 24 ปี ร่วมกันคืนเงิน 2,000,000 บาท
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายไกรชิต ปัญญามี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาชาวเขาจังหวัดอุทัยธานี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กับพวก คือ นายโกวิทย์ เดชอินทร์ นายวรจักร วุฒิกาญจนวัตร ทุจริตเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ปีงบประมาณ 2558 ซึ่งถูกคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 157 และมาตรา 162 (4) ประกอบมาตรา 91 ตาม พ.ร.ป.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ประกอบ ป.อ.มาตรา 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษาว่า นายไกรชิต ปัญญามี จำเลยที่ 1 นายโกวิทย์ เดชอินทร์ จำเลยที่ 2 นายวรจักร วุฒิกาญจนวัตร จำเลยที่ 3 มีความผิดตามกฏหมาย ลงโทษตามมาตรา 147
จำคุกกระทงละ 6 ปี คนละ 36 ปี
จำเลยทั้งสาม ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษกระทงละหนึ่งในสาม คงลงโทษจำคุกคนละ 24 ปี พร้อมให้ร่วมกันคืนเงินจำนวน 2,000,000 บาท
เบื้องต้น คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีการประชุมเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )