
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาร้อนต่อเนื่องมาเกือบครบหนึ่งเดือนแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศที่สองประเทศเพื่อนบ้านต่างก็ออกมาตรการตอบโต้กันไปมา จำกัดการค้าขาย-การเดินทาง สร้างความอลหม่านให้กับชีวิตปกติของคนชายแดน
ช่วงค่ำวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา กองทัพภาคที่ 1 และ 2 สั่งปิดทุกด่านตลอดชายแดนไทย-กัมพูชา ใน จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และ สระแก้ว นอกจากนี้ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดก็ได้สั่งปิดด่านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาใน จ.จันทบุรีและตราด
โดยทั้งสามคำสั่งระบุว่าดำเนินงานสอดรับตามนโยบายรัฐบาล ในการปกป้องอธิปไตย และดูแลประชาชน จัดการขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ผ่านได้เฉพาะเหตุผลมนุษยธรรม เช่น รับ-ส่งผู้ป่วยกรณีเร่งด่วน และการศึกษาของนักเรียน และอื่นๆ ตามจำเป็นในชีวิตประจำวัน
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน รัฐบาลไทยต้องเผชิญกับจุดวิกฤตทางการเมืองขั้นสุด หลังจากเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. มีคลิปเสียงการเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซนหลุดออกมา จากนั้นรัฐบาลไทยก็มีท่าทีแข็งกร้าวต่อกัมพูชามากขึ้น
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ไทยรัฐ รายงานข่าวว่ามีแม่ค้าผลไม้ชาวจันทบุรีตัดสินใจจบชีวิตตนเองเนื่องจากปัญหาหนี้สิน อีกทั้งยังส่งออกผลไม้ไม่ได้จากมาตรการห้ามนำเข้าผัก-ผลไม้จากไทยไปกัมพูชา
เพื่อเพิ่มมุมมองจากคนในพื้นที่ ประชาไทพูดคุยกับประธานหอการค้าของ 2 จังหวัดชายแดน คือ จันทบุรี และสระแก้ว ถึงผลกระทบจากมาตรการปิดด่านและหนทางบรรเทาความเดือดร้อน
อุกฤษฏ์ วงษ์ทองสาลี ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี ให้สัมภาษณ์กับประชาไทว่า ก่อนที่จะมีคำสั่งปิดด่าน กิจกรรมการค้าขายบริเวณด่านชายแดนในจังหวัดจันทบุรียังคงดำเนินไปตามปกติ ยกเว้นการส่งสินค้าประเภทผักผลไม้ตามมาตรการของทางกัมพูชา ในขณะที่สินค้าอื่นๆ ยังคงมีการค้าขายกันตามปกติ
แต่หลังจากคำสั่งดังกล่าวออกมาทุกอย่างก็หยุดชะงัก ผู้ประกอบการที่เคยค้าขายสัญจรไปมาเข้าออกระหว่างสองประเทศก่อนหน้านั้นก็ต้องหยุดทุกอย่างลง คนที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านด่านได้มีแค่คนที่มีความจำเป็นอย่างนักเรียนหรือการรักษาพยาบาลเท่านั้น
“ที่น่าสงสารคือผู้ประกอบการชายแดน ทั้งจุดต่างๆ โดยเฉพาะจุดทางด้านฝั่งภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นอรัญประเทศหรือจังหวัดจันทบุรี แล้วก็จังหวัดตราด เป็นจุดค้าขายทั้งนั้นเลย” อุกฤษฏ์ กล่าว
ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรีระบุว่า พอไม่มีการส่งสินค้าเข้า-ออกกันแล้ว ธุรกิจก็หยุดชะงัก นั่นก็ส่วนหนึ่ง ร้านรวงต่างๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจการค้าจากการไปมาหาสู่ของผู้คนบริเวณนั้นจะไม่สามารถทำธุรกิจหรือค้าขายได้เลย กลุ่มที่น่าเป็นห่วงคือผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยที่อยู่ริมชายแดน ส่วนพวกนักธุรกิจรายใหญ่แม้เดือดร้อน แต่ก็อาจหาช่องทางอื่นในการส่งออกได้
อุกฤษฏ์กล่าวว่า นอกจากคนสองฝั่งบริเวณชายแดนแล้ว ยังมีนักธุรกิจที่เดินทางเข้าไปซื้อขายผลิตภัณฑ์การเกษตร อุปกรณ์ไอที แล้วก็บรรดาพ่อค้าแม่ค้าคนกลางที่นำสินค้าอุปโภคบริโภคที่ไปนำสินค้าไปขายฝั่งกัมพูชา แต่โดยปกติแล้วคนที่ไปเล่นการพนันก็มีมากพอสมควร
อุกฤษฏ์ระบุอีกว่าการค้าชายแดนถือเป็นอีกหนึ่งเสาหลักทางเศรษฐกิจของจังหวัดจันทบุรี อันดับหนึ่งคือผลไม้การเกษตร อัญมณีตามมาเป็นอันดับสอง และการค้าชายแดนเป็นอันดับสาม เมื่อมีประเด็นลักษณะนี้เกิดขึ้น ย่อมเห็นการหดตัวของตัวเลยที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวดด้วยว่ายังมีหนทางที่จะช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บจากการปิดด่านได้บ้าง คือการผ่อนถ่ายสินค้าที่ส่งออกไปยังกัมพูชาไม่ได้ โดยให้ผู้ประกอบการส่งไปที่อื่นแทน เช่น ลาว หรือนำมาขายภายในประเทศแทน
“หากสถานการณ์มันยืดเยื้อ การบริโภคภายในประเทศจะช่วยเยอะมาก สำหรับผู้ประกอบการที่ค้าขายกับกัมพูชาแล้ว สินค้าการเกษตรที่ส่งไปกัมพูชาก็เป็นลักษณะเดียวกันกับที่เราบริโภคภายในประเทศ เราก็มาขายภายในประเทศกันมากขึ้น” อุกฤษฏ์ กล่าว
นอกจากเรื่องการค้าขายแล้ว ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรีมองว่าเห็นได้ชัดและสำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ แรงงาน อาจจะมีผลกระทบระยะยาวกว่า เพราะตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดใช้แรงงานชาวกัมพูชาที่มาเก็บผลไม้ หรือผู้ประกอบการแพ็คกิ้งเฮ้าส์ที่ต้องใช้แรงงานในการแพ็คของลงกล่องล้งก็จะเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบนอกเหนือจากผู้ประกอบการในพื้นที่ด่านชายแดน
“สิ่งหนึ่งที่เราควรจะต้องเตรียมตัวก็คือว่าการหาแรงงานทดแทนจากแหล่งอื่นเข้ามาทดแทนในภาคการเกษตร แต่อีกส่วนหนึ่งที่เราจะต้องมองแผนในระยะยาวคือเรื่องเทคโนโลยีการเก็บเกี่ยวที่จะมาช่วยให้เกษตรกรลดการพึ่งพาแรงงานต่อไปในอนาคต ฉะนั้นเราต้องมองทั้งระยะสั้นแล้วก็ระยะยาวว่าเราจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ยังไง” ประธานหอการค้าจังหวัดจันทบุรี กล่าว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ทางด้าน บำรุง ล้อเจริญวัฒนะชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยกับประชาไทว่า หลังจากมีคำสั่งปิดด่านของกองทัพภาค 2 ด่านชายแดนเงียบเหงาไม่ต่างจากจังหวัดจันทบุรี ไม่มีการสัญจรไปมา ราวกับว่าเป็นเมืองร้าง
ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า ในอดีตเคยมีการปิดชายแดนในช่วงที่สถานทูตไทยในกัมพูชาถูกเผา แต่เขามองว่าเหตุการณ์นั้นเป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะสถานทูตถือเป็นตัวแทนประเทศไทย และการเผาสถานทูตเป็นการกระทำเกินเหตุ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่อดีตก็ยังไม่เคยมีเหตุการณ์ไหนที่สร้างผลกระทบตามแนวชายแดนได้มากเท่าครั้งนี้ ซึ่งไม่มีใครได้ประโยชน์ มีแต่เสียกับเสียกันทั้งนั้น
ประธานหอการค้าสระแก้วกล่าวไปในแนวทางเดียวกันกับประธานหอการค้าจันทบุรีว่า กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือชาวบ้านรากหญ้าที่อยู่ตามชายแดน ส่วนธุรกิจขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่ค้าขายสินค้าและส่งออกไปต่างประเทศ สามารถไปต่อได้อยู่แล้วไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ชาวบ้านรากหญ้าที่ทำมาหากินค้าขายอยู่ตรงชายแดนไปไหนไม่ได้ เพราะวิถีชีวิตของพวกเขาคือการแลกเปลี่ยนกันไปมาระหว่างฝั่งไทยกับกัมพูชา คนจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาจับจ่ายใช้สอยที่ฝั่งไทย ในขณะเดียวกัน คนจากฝั่งไทยก็เดินทางเข้าไปจับจ่ายใช้สอยที่กัมพูชา คนกัมพูชาบางส่วนก็เข้ามาเปิดร้านค้าที่ตลาดโรงเกลือ ส่วนคนไทยบางส่วนก็ไปเปิดร้านค้าขายในกัมพูชา พอเกิดเรื่องปิดด่านขึ้นมา ทั้งคนไทยและกัมพูชาก็ไม่สามารถกลับเข้าไปดูแลร้านค้าของตนได้
บำรุงยังสะท้อนด้วยว่า พ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการบริเวณชายแดน อยากให้เร่งการเจรจาและเปิดด่านให้เร็วที่สุด เพราะวิถีชีวิตของชาวบ้านแถบนี้พึ่งพาการค้าขายกับกัมพูชามาเป็นระยะเวลานานจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และชาวบ้านทั้งไทยทั้งกัมพูชาที่อาศัยอยู่บริเวณแถบชายแดนก็ไม่เคยมีปัญหากระทบกระทั่งกันเลย แต่ต้องมาเป็นฝ่ายรับเคราะห์จากความขัดแย้งจุดเล็ก ๆ
“ชาวบ้านเขางงว่ามันเกิดอะไรขึ้น จริงๆ แล้วสระแก้วไม่เคยรู้เรื่อง จันทบุรีก็ไม่เคยรู้เรื่องว่าเรื่องอะไรที่เขาจะสู้รบกัน อยู่ๆ มันเป็นเรื่องอะไรขึ้นมา ทุกคนงงหมด” บำรุง กล่าว
ปัญหาต่างๆ จากการปิดด่าน ชาวบ้านบริเวณชายแดนต่างสะท้อนกลับมาแล้ว นั่นคือสิ่งเดียวที่ชาวบ้านทำได้ เพราะชาวบ้านไม่ใช่คนสั่งการ ชาวชายแดนกลับเป็นคนที่ต้องรับเคราะห์แทน
“คนอื่นเขาไม่รู้หรอกครับว่าชาวชายแดนเป็นยังไง พอพูดไปเขาก็ด่า ชาวชายแดนเป็นเกราะกำบังให้กับทางคนกรุงเทพฯ และคนทั่วไปนะ แต่พอทำอะไรเขาก็หาว่าชาวชายแดนเห็นแก่ตัว มันไม่จริงเลย” ประธานหอการค้าสระแก้ว กล่าว
เขามองว่าสิ่งที่สำคัญตอนนี้คือการเจรจา ทั้งยังเพิ่มเติมด้วยว่าทางฝั่งรัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรีเองควรจะลงมาดูปัญหาของชาวบ้านด้วย แม้แต่เรื่องอาหารการกินของทหารที่ระจำอยู่บริเวณชายแดน ชาวบ้านระแวกนั้นก็เอาไปช่วยเหลือ บำรุงระบุว่าทุกคนล้วนทำเพื่อชาติกันทั้งนั้น การเจรจาควรเกิดขึ้นให้เร็วที่สุดเพื่อที่สถานการณ์จะได้สงบและกลับสู่สภาวะปกติ
ส่วนในประเด็นที่ว่าการห้ามนำเข้าผัก ผลไม้ น้ำมันจากไทยแล้วกัมพูชาจะเดือดร้อนเสียเองหรือเปล่า
บำรุงกล่าวว่า หากเขาต้องพึ่งเราเยอะจริง แล้วเพราะเหตุใดจึงไม่ให้เราสินค้าของเราเข้าประเทศ ปัจจุบันโลกกว้างขึ้นกว่าเดิม ไม่เหมือน 50 ปีก่อนที่กัมพูชาจะต้องพึ่งพาไทยในหลายๆ ด้าน หรือจะไปค้าขายแต่ละทีแทบจะต้องพกน้ำ พกอาหารไปตุนเอง แต่ทุกวันนี้มีอีกหลายช่องทางให้กัมพูชาเลือก ไม่ได้รอพึ่งแค่ไทยประเทศเดียว ไม่มีไทยช่วยเขาก็อยู่ได้ วันนี้กัมพูชาเองก็มีแทบทุกอย่างแล้ว แต่คนที่เดือดร้อนจริง ๆ จะเป็นชาวบ้านตัวเล็กตัวน้อยแถบชายแดนแทน
ย้อนไทม์ไลน์ จากการปรับลดความสะดวกสู่ประกาศปิดด่าน
7 มิ.ย. ฝั่งไทยเริ่มใช้มาตราการปรับเวลาเปิด-ปิด ด่านชายแดน
13 มิ.ย. กัมพูชาสั่งปิดด่านกร็อมเกียง จ.อุดรมีชัย ซึ่งอยู่ตรงข้ามด่านบ้านแหลม จ.จันทบุรี
19 มิ.ย. ทางกัมพูชาได้ปิดจุดผ่อนปรนช่องอานม้า ฝ่ายเดียวอย่างกะทันหันโดยไม่แจ้งให้ประชาชนทั้งสองประเทศทราบ ทำให้ฝั่งไทยต้องประกาศปิดไปด้วยเช่นกันเพราะไม่สามารถข้ามไปได้
21 มิ.ย. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 มีคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู (ปิดด่านสายตะกู) ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ หลังจากเกิดเหตุนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชา จำนวนประมาณ 30 คน เดินทางเข้ามายังบริเวณปราสาทตาควาย ต. บักได อ.พนมดงรัก จ. สุรินทร์ โดยได้มีการบันทึกภาพ วิดีโอ และร่วมร้องเพลงในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้เข้าระงับเหตุการณ์
22 มิ.ย. ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีคำสั่งปิดด่าน 2 ด่านในจังหวัดอุดรมีชัย กัมพูชา คือ ด่านจุ๊บโกกี (ตรงข้ามช่องสายตะภู จังหวัดบุรีรัมย์) และด่านช่องจวม (ตรงข้ามช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ) เพื่อตอบโตที่แม่ทัพภาค 2 ตัดสินใจฝ่ายเดียวสั่งปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะภู
ในวันเดียวกัน ฮุน มาเนต ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า รัฐบาลกัมพูชา ประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซจากประเทศไทยทุกชนิด โดยให้มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 22 บริษัทจัดจําหน่ายน้ำมันและเชื้อเพลิงในประเทศกัมพูชามีความสามารถในการนําเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซจากแหล่งอื่น เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการบริโภคภายในประเทศของประชาชน แม้หยุดนำเข้าเป็นเดือน หรือระยะเวลานานกว่านั้นก็ไม่เป็นปัญหา
23 มิ.ย. กองกำลังบูรพาได้ออกมาตรการเพิ่มเติมบริเวณพื้นที่ชายแดนเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย ประกาศระบุว่าไม่อนุญาตไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดินตั้งแต่ 2 ล้อขึ้นไป รถจักรยานยนต์ติดแผ่นป้ายกัมพูชาและรถจักรยานยนต์ดัดแปลงทุกประเภทของกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย โดยบังคับใช้กับพื้นที่ 5 ด่านใน จ.สระแก้ว คือ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ
มาตรการดังกล่าวคาดว่าเป็นการตอบโต้นโยบายของรัฐบาลกัมพูชาที่ระงับการน้ำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติทุกชนิดจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.
ในขณะเดียวกันช่วงค่ำของวันที่ 23 มิ.ย. กองทัพภาคที่ 1 และ 2 สั่งปิดทุกด่านตลอดชายแดนไทย-กัมพูชา ใน จ.อุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จ.สุรินทร์ จ.บุรีรัมย์ และ จ.สระแก้ว นอกจากนี้ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดก็ได้สั่งปิดด่านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาใน จ.จันทบุรีและ จ.ตราด
ทั้งสามคำสั่งระบุว่าดำเนินงานสอดรับตามนโยบายรัฐบาล ในการปกป้องอธิปไตย และดูแลประชาชน จัดการขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ผ่านได้เฉพาะเหตุผลมนุษยธรรม เช่น รับ-ส่งผู้ป่วยกรณีเร่งด่วน และการศึกษาของนักเรียน และอื่นๆ ตามจำเป็นในชีวิตประจำวัน
25 มิ.ย. กองกำลังบูรพาได้อนุโลมให้มีการข้ามแดนไทย-กัมพูชาในช่วงเวลา 19.00-20.30 เนื่องจากมีชาวกัมพูชา 400 คนมารอข้ามแดนกลับประเทศที่ด่านถาวรบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว หลังได้ข่าวลือจากโซเชียลว่าจะมีการเปิดด่านให้ข้ามแดน แต่เกิดจากการสื่อสารผิดพลาด จนทำให้เกิดความชุลมุน ก่อนที่กองกำลังบูรพาจะอนุโลมให้ข้ามแดนในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
26 มิ.ย.กองกำลังบูรพาได้ออกประกาศ อนุโลมให้ชาวไทย และชาวกัมพูชาที่ต้องการเดินทาง กลับภูมิลำเนาหรือเดินเข้ามาซื้อของใช้อุปโภคบริโภค ผ่านจุดผ่านแดนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ในจุดผ่านแดนถาวร 3 แห่ง (จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา และจุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน) 2 จุดผ่อนปรนการค้าชายแดน (จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยาและจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนสองประเทศที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน
และในวันเดียวกัน แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดสระแก้ว และรับฟังปัญหาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และได้มีคำสั่งไปยังกระทรวงพาณิชย์เพื่อเร่งมาตรการช่วยเหลือและเยียวยา เร่งระบายสินค้าที่คงเหลืออยู่ในพื้นที่ไปยังภาคส่วนต่างๆ และหามาตรการระบายสินค้าภายในประเทศ
เบื้องต้นทางกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือ 3 กลุ่มเป้าหมายแล้ว คือ เกษตรกร, ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อย และผู้ส่งออก
ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )