รู้จักดาวเคราะห์น้อย 4 ดวงที่นักวิทยาศาสตร์จับตาว่าจะพุ่งชนโลกหรือไม่

ที่มาของภาพ : SPL

ภาพจำลองดาวเคราะห์น้อย 2024 YR4 ซึ่งคาดว่ามีขนาด 67 เมตร

Article Records

    • Author, เยมีซี อะเดโกเก
    • Goal, บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส

คุณอาจนึกถึงภาพดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกเมื่อกำลังรับชมภาพยนตร์ไซ-ไฟ หรือเมื่อมีข่าวออกมาว่ามันอาจกำลังพุ่งชนโลก แต่ที่จริงแล้วมีองค์กรและหอดูดาวหลายแห่งทั่วโลกที่กำลังจับตามองดาวเคราะห์น้อยเหล่านี้ด้วยเหตุผลหลายประการ

ดาวเคราะห์น้อยเป็นวัตถุหินที่เหลือจากการก่อตัวของระบบสุริยะของเราเมื่อราว 4.6 พันล้านปีก่อน เรารู้ว่ามีดาวเคราะห์น้อยมากกว่าล้านดวงและส่วนใหญ่อยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ โดยอยู่ระหว่างดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี

ทว่า มันก็มีบางดวงที่เข้าใกล้โลกมากขึ้นและสามารถช่วยให้เราเข้าใจต้นกำเนิดของชีวิต โมนิกา เกรดี ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์และอวกาศ ประจำมหาวิทยาลัยดิโอเพน ในสหราชอาณาจักร อธิบาย

“ดาวเคราะห์น้อยบางดวงเหล่านี้มีสารประกอบอินทรีย์จำนวนมากอยู่ในนั้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิต” เธอกล่าว “มีสมมติฐานหนึ่ง คือ สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาบนโลก เนื่องจากส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิตถูกนำมายังโลกโดยดาวเคราะห์น้อย”

ที่มาของภาพ : NASA/Ben Smegelsky

นาซาลงทุนงบหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาดาวเคราะห์น้อยไซคี (Psyche)

แม้ดาวเคราะห์น้อยส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายและผ่านโลกไปโดยไม่ก่อความยุ่งยากตามมา แต่บางดวงก็มีค่าพอให้จับตามอง

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด

Conclude of ได้รับความนิยมสูงสุด

“มีความสนใจมากมายเกี่ยวกับวัตถุที่เข้าใกล้โลก พวกมันได้รับการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะรู้ได้ว่าวงโคจรของมันเป็นอย่างไร เพื่อจะได้ประเมินผลกระทบ ส่วนดาวที่อยู่ห่างจากโลกออกไป เรามองหาดวงที่มีองค์ประกอบต่างจากปกติ” อกาธา โรเซค นักวิจัยจากคณะฟิสิกส์และดาราศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอดินบะระในสหราชอาณาจักร กล่าว

ทว่าเมื่อดูจากขนาด ความใหญ่ของดาวเคราะห์น้อยกลับไม่ใช่ข้อกังวลเท่าไรนัก

“เรารู้แน่ชัดว่าพวกมันอยู่ที่ไหนและมันกำลังพุ่งไปไหน” โรเซค อธิบาย “เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎต่าง ๆ ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของพวกมัน และเราศึกษาความผิดปกติต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจดาวเคราะห์น้อยให้ดีขึ้น”

“หากมันมีขนาดเล็กและเราตรวจหามันไม่เจอ นั่นอาจกลายเป็นข้อกังวลได้จนกว่าเราจะทราบวงโคจรของมัน” เธอกล่าว

เราพบว่าในตอนนี้มีดาวเคราะห์น้อยหลัก ๆ สามดวงที่กำลังถูกติดตามตรวจสอบจากนักวิทยาศาสตร์ รวมถึงมีอีกหนึ่งดวงที่นาซา (NASA) ถึงกับต้องเปิดภารกิจเพื่อศึกษามันเป็นการเฉพาะ ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1. อะโพฟิส (Apophis)

ที่มาของภาพ : NASA

นาซากล่าวว่าดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิสไม่เป็นภัยคุกคามต่อโลกไปจนถึงศตวรรษหน้า

ดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิส (Apophis) ถูกค้นพบในปี 2004 ชื่ออะโพฟิสถูกตั้งชื่อขึ้นตามเทพเจ้าแห่งความโกลาหลและการทำลายล้างของอียิปต์

แม้ดูเหมือนว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะพุ่งชนโลก แต่นาซากลับประกาศในภายหลังว่า “มั่นใจว่าดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิสจะไม่พุ่งชนโลกเป็นเวลาอย่างน้อย 100 ปี”

“ขณะนี้เราทราบมาว่ามันจะเคลื่อนผ่านโลกไปอย่างปลอดภัยในวันที่ 13 เม.ย. 2029” โรเซค กล่าว

“ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้เป็นหัวข้อของการสังเกตการณ์ภาคพื้นดินอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่มีการค้นพบ และมันจะเข้าใกล้โลกมาก ใกล้ในระดับที่เรามีดาวเทียมค้างฟ้าอยู่ และเราคิดว่าระยะห่างจากโลกอาจทำให้ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ขยายตัวและเปลี่ยนรูปร่างได้” เธอกล่าว

จากข้อมูลของนาซา แรงโน้มถ่วงของโลกจะสร้างแรงดึงที่เปลี่ยนวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ของอะโพฟิส และอาจทำให้เกิดดินถล่มเล็ก ๆ บนดาวเคราะห์ดวงนี้ได้

อะโพฟิสมีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย 340 เมตร หรือประมาณความยาวของสนามฟุตบอล 3 สนาม และมันจะโคจรเหนือพื้นผิวโลกในระดับ 32,000 กิโลเมตร ซึ่งใกล้พอที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

2. 2024 วายอาร์โฟร์ (2024 YR4)

ที่มาของภาพ : ATLAS

ภาพเหล่านี้แสดงการค้นพบดาวเคราะห์น้อย 2024 YR4

นาซาประเมินว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาด 53-67 เมตร หรือคิดเป็นประมาณตึงสูง 15 ชั้น โดย 2024 YR4 ถูกค้นพบในปี 2024 และมันกลายเป็นพาดหัวข่าวในสื่อทั่วโลกเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากดูเหมือนว่ามันมีโอกาสเล็กน้อยที่จะพุ่งชนโลกในปี 2032

นักวิจัยประเมินว่ามีโอกาส 1 ใน 32 ที่มันจะพุ่งชนโลก แต่นาซาได้ตัดความเป็นไปได้นี้ออกในเวลาต่อมา

“ความท้าทายอย่างหนึ่งที่มาพร้อมกับการสังเกตการณ์ดาวเคราะห์น้อย คือ การประเมินว่ามีโอกาสพุ่งชนโลกมากแค่ไหน” เกรดี กล่าว

“เราต้องสังเกตต่อไปเพื่อปรับแต่งวงโคจรและวิถีของมัน”

ในตอนนี้ยังมีโอกาสราว 3.8% ที่ 2024 YR4 จะพุ่งชนดวงจันทร์ แต่นาซากล่าวเสริมว่าแม้เกิดการพุ่งชนดังกล่าวจริง แต่มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อวงโคจรของดวงจันทร์บริวารของโลกเรา

3. ดีดิมอส (Didymos) และไดมอร์ฟอส (Dimorphos)

ที่มาของภาพ : NASA/Johns Hopkins APL/Steve Gribben

ภาพจำลองแสดงให้เห็นยานอวกาศของนาซาเข้าใกล้ดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส ก่อนการชนที่วางแผน

ดีดิมอส (Didymos) แปลว่าแฝดในภาษากรีก และมันคือดาวเคราะห์น้อย ขณะที่ดมอร์ฟอส (Dimorphos) เป็นดวงจันทร์เล็ก ๆ ที่โคจรรอบมันอีกที แต่ด้าวเคราะห์น้อยทั้งคู่ไม่ถือเป็นภัยคุกคามโลก แม้พวกมันเคลื่อนผ่านเฉียดโลกอย่างมากก็ตาม

ในปี 2022 ดาวเคราะห์น้อยทั้งสองดวงตกเป็นเป้าการโครงการทดสอบการเปลี่ยนเส้นทางดาวเคราะห์น้อยคู่ (Double Asteroid Redirection Test – DART) ของนาซา ซึ่งส่งยานสำรวจขึ้นไปเพื่อไปชนดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสและให้ตัวยานทำลายตัวเองเมื่อเกิดกระบวนการชน ภารกิจนี้มีจุดประสงค์เพื่อทดสอบว่าหินอวกาศที่อาจเป็นภัยคุกคามโลกนั้นสามารถทำถูกทำให้เบี่ยงการโคจรออกไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

ไดมอร์ฟอสและดีดิมอสถูกคัดเลือกด้วยความระมัดระวัง ดาวเคราะห์น้อยทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในเส้นทางที่จะตัดกับโลกก่อนการสาธิตเกิดขึ้น และความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในความสัมพันธ์ของวงโคจรของพวกมัน จะไม่เพิ่มความเสี่ยงใด ๆ

“ภารกิจนี้ส่งผลกระทบต่อไดมอร์ฟอสที่เป็นดวงจันทร์ มันเปลี่ยนวงโคจรรอบดีดิมอสในการทดสอบการปกป้องดาวเคราะห์ครั้งแรก” โรเซค กล่าว

“การเปลี่ยนแปลงนั้นวัดโดยใช้การสังเกตการณ์บนโลกเป็นหลัก เรายังคงติดตามเรื่องนี้ต่อไป ก่อนที่ภารกิจเฮรา (Hera) จะมาถึงในปีหน้า เพื่อตรวจสอบผลกระทบจากการชนกัน”

4. ไซคี (Psyche)

ที่มาของภาพ : NASA

ไซคี (ซึ่งปรากฏในภาพวาดนี้) อยู่ห่างไกลจากเรา แต่องค์ประกอบของมันดึงดูดความสนใจของนักวิทยาศาสตร์อย่างมาก

นาซาอธิบายว่ามันเป็น “หนึ่งในวัตถุที่น่าสนใจที่สุดในแถบดาวเคราะห์น้อยหลัก” โดยไซคีถูกค้นพบเมื่อปี 1852 ชื่อของมันตั้งตามชื่อเทพธิดาแห่งจิตวิญญาณของกรีก

ไซคีอยู่ห่างจากเราอย่างมาก มันโคจรรอบดวงอาทิตย์ระหว่างดาวพฤหัสบดีและดาวอังคาร และเชื่อกันว่าดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ประกอบไปด้วยโลหะและหิน

นักวิทยาศาสตร์คิดว่าโลหะส่วนใหญ่มาจากแกนกลางของดาวเคราะห์น้อย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างดาวเคราะห์ ดังนั้นการศึกษาไซคีจะช่วยไขปริศนาได้ว่าแกนกลางของโลกเรา รวมถึงดาวเคราะห์อื่น ๆ ก่อตัวขึ้นได้อย่างไร

ทั้งนี้ นาซาเปิดตัวภารกิจทำแผนที่และศึกษาดาวเคราะห์น้อยไซคีเมื่อปี 2023

การค้นพบใหม่ ๆ

ที่มาของภาพ : NSF-DOE Vera C. Rubin Observatory

ภาพแรกที่เปิดเผยมาจากกล้องโทรทรรศน์เวรารูบิน เผยให้เห็นเนบิวลาทริฟิดและลากูนในรายละเอียดที่น่าทึ่งอย่างมาก

เมื่อต้นเดือนนี้ หอดูดาวเวรารูบินเปิดเผยว่ากล้องโทรทรรศน์ตัวใหม่ได้ตรวจพบดาวเคราะห์น้อยมากกว่า 2,000 ดวง และวัตถุอวกาศ 7 ดวงที่อยู่ห่างจากโลกไปเพียง 10 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ทุก ๆ ปีมีการค้นพบดาวเคราะห์น้อยประมาณ 20,000 ดวง โดยหอดูดาวอื่น ๆ ทั้งหมดบนพื้นโลกและในอวกาศรวมกัน

“หากคุณต้องการทำแผนที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนทั้งหมด คุณต้องมีมุมมองที่กว้างมากจริง ๆ และนั่นคือสิ่งที่กล้องโทรทรรศน์ของหอดูดาวเวรารูบินทำได้” ศาสตราจารย์เกรดี กล่าว

หอดูดาวดังกล่าวคาดว่าจะค้นพบดาวเคราะห์น้อยใหม่อีกหลายล้านดวงในช่วง 2-3 ปีแรกของโครงการ ทำให้นักวิทยาศาสตร์มีดาวเคราะห์สำหรับการติดตามมากขึ้น และปลดล็อคเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบสุริยะของเรา