
เผยมติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชี้มูลอาญา-วินัยร้ายแรง ‘รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา' อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ – พวก คดีที่ 2 เรียกรับเงินเงินสินบนโยงทุจริตจัดซื้อกล้าไม้ปาชายเลน 161,700 ต้น ไม่ส่งมอบจริง หลังขยายผลซองเงินหลักแสนในห้องทำงาน พบ หน.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร รับโอนต่อจากเอกชนคู่สัญญานำมามอบให้ แลกเปลี่ยนไม่ถูกโยกย้ายตำแหน่ง เตรียมส่งสำนวน อสส.ฟ้องศาลดำเนินคดีอาญาตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป-ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา . นำเสนอมติฉบับเต็มคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ชี้มูลความผิดคดีกล่าวหา นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวก กรณีเรียกรับเงินจากหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดเพื่อมิให้ถูกโยกย้ายตำแหน่งและเก็บเงินรายเดือนที่ได้รับการจัดสรรจากหมวดงบประมาณต่าง ๆ พร้อมให้ส่งสำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) ตั้งแต่ช่วงเดือน ส.ค.2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2565 กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ร่วมกันจับกุมนายรัชฎา พร้อมของกลางเป็นธนบัตรรัฐบาลไทยชนิดใบละ 1,000 บาท จำนวน 98 ฉบับ เป็นเงินจำนวน 98,000 บาท และซองสีขาวจำนวน 3 ซอง
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า นอกจากนี้คดีนี้แล้ว นายรัชฎา ยังมีคดีอื่นที่ถูกคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสอบสวนไต่สวนอยู่ด้วย บางคดีมีแนวโน้มที่จะถูกชี้มูลความผิดเพิ่มด้วย
- ฉบับเต็ม! มติสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชี้มูล ‘รัชฎา'-พวก เรียกสินบนวิ่งเต้นไม่โยกย้าย – สะพัดโดนสอบคดีเพิ่ม
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา . ตรวจสอบยืนยันข้อมูลพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติชี้มูลความผิด นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวก เพิ่มอีก 1 คดี คือ กรณีการทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อให้ไม่มีคำสั่งย้ายหรือเปลี่ยนแปลงออกจากตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งเชื่อมโยงกับกรณีทุจริตจัดซื้อกล้าไม้ปาชายเลน จำนวน 161,700 กล้า ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 ผู้ซื้อ กับเอกชน ผู้ขาย ตามข้อตกลงซื้อขายเลขที่ 4/2564 ลงวันที่ 26 เมษายน 2565
หลังตรวจสอบติดตามข้อมูลเส้นทางเงินของกลางที่พบในห้องทำงานของนายรัชฎา ในวันที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุม พบว่าเงินจำนวนหลักแสนบาท ที่นายสุวรรณเนาว์ แสนสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร นำมามอบให้นายรัชฎาถูกโอนต่อมาจากเอกชนคู่สัญญา เพื่อไม่ให้มีคำสั่งย้ายตนเองออกจากหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ขณะที่การจัดซื้อกล้าไม้ปาชายเลนในโครงการฯ ดังกล่าว ไม่มีการส่งมอบกล้าไม้ป่าชายเลนตามที่ตกลงซื้อขาย
เบื้องต้น คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมีมติชี้มูลวามผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา นายสุวรรณเนาว์ แสนสุข และผู้ถูกกล่าวหาอื่นนับสิบราย รวมถึงเอกชนที่เกี่ยวข้องด้วย
พร้อมเห็นชอบให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีและส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่ต่อไป
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ยังไม่สิ้นสุด นายรัชฎา นายสุวรรณเนาว์ และผู้ถูกกล่าวหารายอื่น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาตัดสินคดี
อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง :
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )