
“พวกเขาถูกเล็งยิvเข้าที่ศีรษะและหน้าอก” เปิดปูมคดียิvสังหารเด็กในฉนวนกาซา

ที่มาของภาพ : Al-Majdalawi family
Article Records
-
- Author, สเตฟานี เฮการ์ที, อับเดลราห์มาน อาบูตาเลบ, วูดดี มอร์ริส, อาเหม็ด นูร์
- Characteristic, บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส
คำเตือน: เนื้อหาในบทความนี้ มีคำบรรยายถึงเรื่องราวการเสียชีวิตของเด็ก ๆ รวมทั้งภาพบาดแผลที่บางภาพเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตด้วย ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกหดหู่ไม่สบายใจได้
เด็กน้อยวัยกำลังหัดเดินเตาะแตะ นอนคว่ำหน้าแน่นิ่งบนถนนแห่งหนึ่งของเมืองกาซาซิตี ขาทั้งสองข้างของเด็กหญิงงอเล็กน้อย และหันศีรษะไปด้านหนึ่งเสมือนว่ากำลังนอนหลับอยู่
มีร่างของชายคนหนึ่งอยู่เคียงข้างเด็กหญิงคนนั้น ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย เขาพยายามจะเอื้อมมือเข้าไปหาเธอ แต่ก็ทำได้เพียงแตะโดนร่างเด็กหญิงที่ด้านข้างอย่างแผ่วเบาเท่านั้น ก่อนที่แขนของเขาจะตกลงกับพื้น ในชั่วขณะที่ชีวิตหลุดลอยไป
คลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ข้างต้น ถูกเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ “อัลอาราบีทีวี” (Al Araby TV) ของกาตาร์ เมื่อช่วงปลายเดือนธ.ค. ปี 2023 รายงานข่าวระบุว่าชายผู้นั้นกับลูกสาวตัวน้อย ถูกมือปืนซุ่มยิvของกองกำลังอิสราเอลสังหาร
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวของอัลอาราบีทีวีไม่ได้ระบุว่า ผู้เสียชีวิตเป็นใครและเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทว่าผลการสืบสวนสอบสวนของทีมข่าวบีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส ในเวลาต่อมา พบว่าสองพ่อลูกผู้เสียชีวิตคือโมฮาเหม็ด อัล มัจดาลาวี กับ “ลายาน” ลูกสาววัยสองขวบของเขา ทั้งคู่ถูกยิvสังหารบนท้องถนนในวันเดียวกัน
ทีมข่าวบีบีซีได้ติดตามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลายานและเด็ก ๆ อีกกว่า 160 คน ที่ถูกยิvสังหารในสงครามปราบปรามกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ระหว่างช่วงเดือนต.ค. ปี 2023 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง มาจนกระทั่งถึงเดือนก.ค. ของปีนี้

ที่มาของภาพ : Al Araby TV
ที่ผ่านมาทางการอิสราเอลได้สั่งห้าม ไม่ให้ผู้สื่อข่าวจากต่างประเทศเดินทางเข้าไปในฉนวนกาซาตามลำพัง ประกอบกับความเสียหายที่เกิดจากสงครามและการอพยพลี้ภัยของชาวปาเลสไตน์ ทำให้การติดตามสืบข่าวและการรวบรวมข้อมูลเป็นไปอย่างยากลำบาก
ในกรณีของลายานและพ่อของเธอ โพสต์ข้อความและการแสดงความเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ ได้ช่วยให้เราสามารถระบุตำแหน่งของสถานที่เกิดเหตุในคลิปวิดีโอ ทั้งยังสามารถระบุตัวตนของเหยื่อที่ถูกยิvสังหาร และติดตามค้นหาใบมรณบัตรของทั้งสองได้อีกด้วย
ทีมข่าวบีบีซีใช้เวลาหลายเดือน ค้นหาญาติของสองพ่อลูกที่ยังมีชีวิตรอด จนท้ายที่สุดสามารถติดต่อกับ “โซรายยา” แม่ของลายาน รวมทั้ง “อาบูด” และ “ชาฮัด” พี่ชายพี่สาววัยรุ่นของลายานได้สำเร็จ ระหว่างช่วงที่มีการหยุดยิvในเดือนก.พ. ปี 2025 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา สามารถเดินทางได้อย่างอิสระและสะดวกสบายขึ้น สมาชิกในครอบครัวที่ยังเหลืออยู่ของสองพ่อลูกผู้วายชนม์ ได้บอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้สื่อข่าวบีบีซีดังต่อไปนี้
ในช่วงเที่ยงของวันที่ 9 พ.ย. 2023 ครอบครัวของโมฮาเหม็ดพากันเดินทางออกจากโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในค่ายผู้อพยพอัลชาตี หลังเข้าไปหลบภัยการโจมตีทางอากาศ ซึ่งกองทัพอิสราเอลได้สั่งให้มีการอพยพไว้ล่วงหน้า
พวกเขาพากันเดินลงไปทางทิศใต้ของโรงเรียน จากนั้นได้เลี้ยวไปทางตะวันออกเข้าสู่ถนนฮามิด (Hamid Avenue) และได้พบชายที่เป็นคนท้องถิ่นผู้หนึ่ง ซึ่งบอกกับพวกเขาว่าเส้นทางดังกล่าวปลอดภัยไร้กังวล
ในตอนนั้นชาฮัดซึ่งยังมีอายุเพียง 12 ปี บอกว่าเธอไม่พบสัญญาณของการต่อสู้ในละแวกใกล้เคียงเลย “พวกเราเดินจับกลุ่มมาด้วยกัน แต่พ่อกับลายานรั้งท้ายอยู่ด้านหลัง เพราะพ่อกำลังเล่นหยอกล้อและร้องเพลงกับเธอ”
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงแยกแห่งหนึ่งที่ตัดกับถนนอีกสายด้านซ้ายมือ ชาฮัดบอกว่าพวกเขาสังเกตเห็นรถถังคันหนึ่งบนถนนสายนั้น ทำให้พวกเขาออกวิ่งในทันที ทว่าพ่อของเธอซึ่งอยู่ด้านหลังกลับวิ่งหนีได้ช้ามาก เพราะต้องอุ้มลายานหนีไปด้วย
“เมื่อเราเหลียวกลับไปมอง ก็เห็นว่าพ่อลงไปนอนอยู่กับพื้นแล้ว” ชาฮัดเล่า เธอยังบอกว่าตนเองกับพี่ชายได้วิ่งกลับไปช่วยพ่อ ทำให้เห็นว่าพ่อถูกยิvอย่างชัดเจน “ฉันพยายามเอื้อมมือออกไปจับตัวน้องสาวเอาไว้ แต่กลับถูกยิvเข้าที่แขน ในตอนนั้นพ่อร้องตะโกนให้พวกเราทิ้งเขาไว้แล้วรีบหนีไป”
แม้ชาฮัดกับแม่และพี่ชายจะสามารถหนีรอดมาได้ แต่พวกเขาไม่ได้พบกับโมฮาเหม็ดและลายานอีกเลย
ทีมข่าวบีบีซีได้ภาพถ่ายดาวเทียมของจุดเกิดเหตุ ซึ่งบันทึกไว้ในเวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่เกิดเหตุยิvสังหารดังกล่าว ซึ่งเป็นช่วงเวลาราวสองชั่วโมงก่อนที่โมฮาเหม็ดและลายานจะถูกยิvเสียชีวิต แต่เนื่องจากบีบีซีไม่มีสิทธิเผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมนี้โดยตรง จึงได้สร้างแผนภาพขึ้นมาใหม่จากข้อมูลต้นฉบับแทน
แผนภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า มีกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) อยู่ทางทิศเหนือห่างออกไปจากครอบครัวของโมฮาเหม็ดเพียง 280 เมตร ทั้งยังมีรถถังคันหนึ่งจอดอยู่บนถนนสายที่ชาฮัดบอกว่าได้เห็นรถถังด้วย

สจวร์ต เรย์ นักวิเคราะห์การทหาร จากบริษัทข้อมูลข่าวกรองด้านการประกันภัยแม็กเคนซีย์ในกรุงลอนดอน ได้ตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมข้างต้น และได้ชี้ให้เห็นตำแหน่งที่ตั้งของรถถัง, ยานยนต์หุ้มเกราะ, รถขุดของทหาร, และสนามเพลาะที่เกิดจากการขุดทรายด้วย
นักวิเคราะห์ผู้นี้ยังชี้ว่า จุดที่พ่อลูกชาวปาเลสไตน์ถูกยิv มีอาคารที่สูงที่สุดในละแวกดังกล่าวตั้งอยู่ถึงสองแห่ง ซึ่งเขาคาดว่าน่าจะเป็นตำแหน่งของฐานที่มั่นที่กองกำลังอิสราเอลจัดตั้งขึ้น และน่าจะมีหน่วยทหารราบประจำการอยู่ด้วย
ทีมข่าวบีบีซีได้นำคลิปวิดีโอทั้ง 3 คลิปของโมฮาเหม็ดและลายาน ที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์อัลอาราบีทีวี ไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติพยาธิวิทยา (forensic pathologist) หรือแพทย์นิติเวชที่มีประสบการณ์ด้านบาดแผลจากสงครามตรวจสอบ พวกเขาต่างชี้ว่าสองพ่อลูกถูกยิvสังหารด้วยอาวุธปืนอย่างแน่นอน
ศาสตราจารย์เดอร์ริก พาวน์เดอร์ อดีตหัวหน้าภาควิชาพยาธิวิทยาของมหาวิทยาลัยดันดี ชี้ว่าตำแหน่งและท่าทางของศwยืนยันว่า โมฮัมเหม็ดที่กำลังอุ้มลูกน้อยอยู่ได้ล้มคว่ำลงอย่างกะทันหัน ซึ่งต่างจากการถูกผลักให้ร่างกระเด็นและล้มลงเพราะแรงsะเบิดอย่างมาก
นอกจากนี้ศ.พาวน์เดอร์ยังชี้ว่า ศwของโมฮาเหม็ดและลายาน ไม่ปรากฏบาดแผลหรือร่องรอยการบาดเจ็บสาหัสขนาดใหญ่ที่เห็นได้อย่างชัดเจน “ดังนั้นบาดแผลที่ทำให้เสียชีวิต จะต้องเป็นบาดแผลที่ดูเหมือนมีขนาดเล็กจากภายนอก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักได้แก่การถูกยิvด้วยกระสุนปืน และการถูกยิvด้วยกระสุนความเร็วสูงจากปืนยาวไรเฟิลของทหาร ทิ้งร่องรอยไว้แค่รูเล็ก ๆ ตรงจุดที่เจาะเข้าผิวหนัง แต่สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงแก่อวัยวะภายในได้”
เมื่อบีบีซีนำเสนอผลการสืบสวนข้างต้นกับกองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ทางโฆษกของกองกำลังไอดีเอฟได้ตอบกลับมาว่า “ทหารอิสราเอลได้ออกปฏิบัติการต่อต้านองค์กรก่อการร้าย ในพื้นที่เขตเมืองซึ่งมีสภาพแวดล้อมซับซ้อน ดังนั้นการโจมตีผิดตัวหรือทำให้พลเรือนเป็นอันตรายโดยไม่ได้เจตนา จึงอาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างการสู้รบ”
โฆษกของไอดีเอฟยังแถลงต่อบีบีซีว่า “หากมีข้อสงสัยที่น่าเชื่อถือได้ว่า กองกำลังป้องกันอิสราเอลปฏิบัติการโดยขัดต่อคำสั่งและค่านิยมของทางกองทัพ จะมีการตรวจสอบเหตุการณ์นั้นด้วยความเคร่งครัดจริงจังในระดับที่เหมาะสม เราได้บันทึกข้อมูลรายละเอียดของกรณีนี้เอาไว้แล้ว และจะมีการตรวจสอบอีกครั้งโดยเจ้าหน้าที่ผู้มีความสามารถ”

ที่มาของภาพ : Tanboura family
เหตุการณ์ยิvสังหารเด็กอีกกรณีหนึ่งที่บีบีซีได้ลงมือตรวจสอบ เป็นการเสียชีวิตของเด็กหญิงมีรา ตันบูรา วัย 6 ขวบ ซึ่งนายซาอีดพ่อของเธอบอกว่า ลูกสาวถูกยิvเข้าที่แผ่นหลังซึ่งตรงกับตำแหน่งของหน้าอกพอดี เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2023 โดยเหตุเกิดใกล้กับจุดตรวจของกองกำลังไอดีเอฟ บนถนนซาลาห์ อัล ดิน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองกาซาซิตี
ถนนซาลาห์ อัล ดิน คือถนนสายหลักที่เป็นเสมือนเส้นเลืoดใหญ่ในแนวเหนือ-ใต้ ของฉนวนกาซา ซึ่งกองทัพอิสราเอลได้กำหนดให้เป็นเส้นทางอพยพของพลเรือนที่พลัดถิ่นมาจากทางตอนเหนือ
ก่อนเกิดเหตุในวันดังกล่าว ซาอีดกับครอบครัวเพิ่งถูกตรวจค้นตัวโดยทหารที่จุดตรวจแห่งหนึ่ง หลังอพยพหนีภัยมาจากทางตอนเหนือของฉนวนกาซา แต่เมื่อพวกเขาเดินออกจากจุดตรวจแห่งนั้นไปไกลกว่า 1 กิโลเมตร เพียงเล็กน้อย ในขณะที่ซาอีดกำลังพูดคุยกับคนขับรถบัส และมีรากำลังยืนรออยู่กับบรรดาญาติพี่น้อง โดยยืนห่างออกไปจากพ่อเพียงไม่กี่เมตร
“ผมหันไปเห็นมือปืนซุ่มยิv กำลังใช้อาวุธปืนยิvมีราลูกสาวของผม กระสุนเจาะเข้าที่หัวใจของเธอพอดี” ซาอีดเล่า “ผมมั่นใจว่าเป็นมือปืนสไนเปอร์ เพราะยิvกระสุนเพียงนัดเดียวก็โดนหัวใจแล้ว ทำให้เธอมีเลืoดออกมากทั้งทางปากและจมูก”
ซาอีดยังเล่าว่า เขารีบนำตัวลูกสาวส่งโรงพยาบาลอัลอาวดา ที่เมืองเดอีร์ ดัล บาลาห์ แต่แพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบอกว่าเธอเสียชีวิตแล้ว บีบีซีได้เห็นภาพศwของมีราที่ถูกห่อด้วยผ้าขาว โดยเผยให้เห็นเพียงใบหน้าและมีรอยเลืoดเปรอะเปื้อนผ้าตรงบริเวณหน้าอก
ภาพถ่ายดาวเทียมจากจุดที่มีราถูกยิv ซึ่งบันทึกไว้ก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน แสดงให้เห็นฐานที่มั่นของกองกำลังไอดีเอฟตรงบริเวณจุดตรวจ นอกจากนี้ คลิปวิดีโอที่กองกำลังอิสราเอลได้เผยแพร่ไว้เองทางออนไลน์เมื่อสองวันก่อน ยังยืนยันว่ามีทหารอยู่ตรงที่มีราถูกยิvสังหารจริง

ช่างภาพของบีบีซีแผนกภาษาอาหรับ จีฮัด เอล มัชฮราวี และครอบครัวของเขา เคยเดินทางผ่านจุดตรวจดังกล่าว ก่อนที่ครอบครัวตันบูราจะมาถึงในอีกสองวันต่อมา มัชฮราวีบอกว่าเขาเห็น “กองทหารอยู่บนเนินทรายใกล้จุดตรวจ ทั้งยังมีทหารซุ่มอยู่ในซากปรักหักพังของบ้านเรือน บ้างก็นั่งหรือนอนคว่ำโดยจับอาวุธพร้อมยิvตลอดเวลา”
ช่างภาพของบีบีซียังบอกว่า เขาเห็นมือปืนซุ่มยิvหรือสไนเปอร์รวมทั้งทหารคนอื่น ๆ ประจำการอยู่ห่างจากจุดตรวจ 1-2 กิโลเมตร ทางฝั่งตะวันออกของถนนซาลาห์ อัล ดิน โดยหลบอยู่ในซากอาคารที่ถูกทำลาย หรือไม่ก็หลบอยู่หลังเนินทรายที่ใช้เป็นแนวป้องกัน
ซาอีดกลับไปดูสถานที่เกิดเหตุอีกครั้งพร้อมกับทีมข่าวบีบีซี ในช่วงที่มีการประกาศหยุดยิv เขาเล่าว่าในตอนที่มีราถูกยิvนั้น เขาเห็นทหารอิสราเอลอยู่ทางฝั่งตะวันออกของถนนสายดังกล่าว “พวกเขากำลังเล็งปืนมาที่เรา”
พ่อของมีราชี้ไปยังทิศทางที่เชื่อว่ากระสุนถูกยิvออกมา ซึ่งในภาพถ่ายดาวเทียมมีเนินทรายที่เป็นแนวป้องกันของทหารตั้งอยู่ ทว่าบีบีซีกลับไม่พบรายงานการสู้รบระหว่างกองกำลังอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ตรงพื้นที่บริเวณใกล้จุดตรวจตอนที่มีราถูกยิvเลย ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่า มีราไม่ได้บังเอิญถูกลูกหลงจากการยิvปะทะ
“กองทัพอิสราเอลบอกเราว่า พวกเขาได้จัดเตรียมเส้นทางอพยพที่ปลอดภัยเอาไว้ให้แล้ว ซึ่งก็คือถนนซาลาห์ อัล ดิน แต่หลังจากที่บอกพวกเราให้มุ่งหน้าไปตามถนนสายนั้น พวกเขากลับลงมือสังหารเด็กไร้เดียงสา” ซาอีดกล่าว
หลังจากที่บีบีซีได้แจ้งต่อกองกำลังไอดีเอฟถึงข้อกล่าวหาข้างต้น ทางโฆษกของกองทัพอิสราเอลได้ตอบกลับมาว่า “ข้อกล่าวหาที่ว่าทหารอิสราเอลทำร้ายพลเรือนนั้น ด้วยตัวของมันเองแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องบ่งชี้ถึงการละเมิดกฎหมายเสมอไป” อย่างไรก็ตาม ทางกองกำลังไอดีเอฟบอกด้วยว่า จะให้เจ้าหน้าที่ผู้มีความสามารถตรวจสอบกรณีนี้อีกครั้ง เหมือนกับในกรณีของหนูน้อยลายาน
บรรดาแพทย์ในฉนวนกาซา ต่างก็เคยร้องเรียนเกี่ยวกับการยิvสังหารเด็กมาก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นสงครามเลยก็ว่าได้ ซึ่งในการรายงานข่าวสืบสวนสอบสวนครั้งนี้ บีบีซีได้พูดคุยสอบถามความเห็นกับแพทย์และพยาบาลถึง 30 คน โดยมีการตรวจสอบภาพนิ่งและคลิปวิดีโอกว่าร้อยชิ้น รวมถึงภาพสแกนและบันทึกทางการแพทย์จำนวนมากที่พวกเขาเปิดเผยกับบีบีซีด้วย
ศ.นพ.นิซัม มาโมดี อดีตแพทย์ผู้ให้คำปรึกษาของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (NHS) และศัลยแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะมือฉมังของอังกฤษ ซึ่งเคยทำงานอาสาในฉนวนกาซาเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในช่วงเดือนส.ค. ปี 2024 บอกว่า “เราได้พบกรณีการยิvสังหารจำนวนมาก ทั้งที่ยิvเข้าศีรษะหรือทรวงอก ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็ก ๆ รวมอยู่ด้วย”
ศ.นพ.มาโมดีบอกว่า การบาดเจ็บที่ศีรษะส่วนใหญ่จะได้รับการรักษาโดยประสาทศัลยแพทย์ ทว่าหนึ่งในภาพเอกซเรย์ที่เขาเคยเห็นนั้นชี้ว่า “มีกระสุนปืนฝังอยู่ในศีรษะของเด็กสามขวบจริง ๆ”
ศัลยแพทย์ผู้นี้ยังบอกอีกว่า เขาจดจำไม่ได้ชัดเจนว่ามีเด็กถูกยิvที่เขาเคยพบเห็นในตอนนั้นกี่ราย แต่เดาว่าน่าจะมีมากกว่า 20 คนขึ้นไป

ที่มาของภาพ : Dr Mimi Syed (left and steady) / Dr Razan Al-Nahhas (centre)
บีบีซียังได้รวบรวมปากคำของพยานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งรายงานข่าวที่ได้รับการยืนยันความถูกต้องจากสื่อสำนักต่าง ๆ และคำบอกเล่าจากสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งบางคนได้บอกเล่าเรื่องราวของตนผ่านทางองค์กรพิทักษ์สิทธิมนุษยชน
เราได้พบหลักฐานที่เป็นเอกสารยืนยันอาการบาดเจ็บจากแพทย์ ซึ่งเป็นของเด็กที่ถูกยิvทั้งหมด 168 ราย ในจำนวนนี้มีถึง 95 กรณี ที่เด็กถูกยิvเข้าที่ศีรษะหรือหน้าอก โดยมีถึง 67 ราย ที่อายุต่ำกว่า 12 ปี
ในบรรดาหนูน้อยที่ตกเป็นเหยื่อกระสุนโดยถูกยิvเข้าที่ศีรษะหรือหน้าอก มี 59 ราย ที่บีบีซีสามารถได้ปากคำยืนยันจากพยานผู้เห็นเหตุการณ์โดยตรง หรือไม่ก็ได้ปากคำยืนยันจากแพทย์และนักวิจัยด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งในจำนวนนี้ถึง 57 กรณี มีการกล่าวหาว่ากองกำลังไอดีเอฟของอิสราเอลเป็นผู้ยิvสังหารเด็ก มีเพียงสองกรณีเท่านั้น ที่เชื่อว่าเด็กถูกยิvด้วยฝีมือชาวปาเลสไตน์ด้วยกัน โดยกรณีหนึ่งเด็กโดนลูกหลงจากกระสุนที่ยิvในงานเฉลิมฉลอง และอีกกรณีหนึ่งถูกลูกหลงจากการยิvปะทะของแก๊งอันธพาลที่เป็นคู่อริกัน
อย่างไรก็ตาม บีบีซีไม่สามารถได้ปากคำพยาน รวมถึงข้อมูลรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 36 กรณีที่เหลือ เนื่องจากไม่อาจจะเข้าไปรายงานข่าวในฉนวนกาซาได้ ส่งผลให้การแกะรอยติดตามข้อมูลของหนูน้อยที่เป็นเหยื่อกระสุนทำได้ยากยิ่ง
“โลกไม่อาจยอมรับการทำสงครามแบบนี้ได้ เพราะมันส่งผลกระทบรุนแรงต่อเด็ก” แมตธิว มอร์ริส ผู้แทนจากคณะกรรมการกาชาดสากลกล่าว “มีเด็กถูกสังหารและได้รับบาดเจ็บในบ้านของตนเอง ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ในเต็นท์ผู้อพยพหรือเดินอยู่บนท้องถนนก็ตาม”

ที่มาของภาพ : Ahmed Zakot/SOPA Photos/LightRocket/Getty
แม้เราจะไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ยืนยันถึงเจตนาที่แท้จริงของทหารอิสราเอล แต่กรณีการยิvสังหารเด็กอย่างมีราและลายาน ทำให้เกิดข้อสงสัยต่อวิธีดำเนินปฏิบัติการทางทหารของพวกเขาในฉนวนกาซา
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชน “บเซเลม” (B'tselem) ของอิสราเอล ได้รายงานถึงเรื่องที่กองกำลังอิสราเอลในฉนวนกาซา ดำเนินปฏิบัติการทางทหารอย่างไร้ระเบียบกฎเกณฑ์
พลทหารนายหนึ่งที่ใช้นามสมมติว่า “เค” (Good ample) ซึ่งได้เข้าประจำการในฐานะกำลังสำรองที่ฉนวนกาซา เมื่อช่วงต้นปี 2024 บอกว่ามีเหตุการณ์ถึง 4 ครั้ง ที่หน่วยของเขาลงมือสังหารพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ ในจำนวนนี้รวมถึงเด็กชายสองคนที่เพิ่งย่างเข้าสู่วัยรุ่นด้วย
พลทหารเคยังเล่าว่า กฎเกณฑ์โดยทั่วไปของถนนสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างตอนเหนือกับตอนใต้ของฉนวนกาซานั้น “ถือว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นเขตปลอดภัย และจะไม่มีการยิvต่อสู้กัน ส่วนคนที่อยู่นอกเส้นทางที่เป็นระเบียงมนุษยธรรมนี้ สามารถยิvสังหารได้ทุกเมื่อ นั่นคือคำสั่งที่เราได้รับมา”
“ผู้บังคับบัญชาของเรารับรองเป็นมั่นเหมาะถึงกฎข้อนี้ แน่นอนว่าห้ามยิvผู้หญิงและเด็กอย่างเด็ดขาด ให้พยายามควบคุมตัวพวกเขาไว้ อย่าทำอะไรโง่ ๆ”
แต่เมื่อนานวันเข้ากฎเกณฑ์ดังกล่าวก็ถูกละเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หน่วยของเขาสูญเสียกำลังพลจากการยิvต่อสู้ ทัศนคติของเหล่าทหารก็เริ่มแข็งกร้าวขึ้น “ทุกคนคิดแค่ว่าจะต้องทำลายล้างทุกสิ่ง ฆ่-าทุกคนที่เห็นให้หมด”
เมื่อบีบีซีนำเสนอข้อมูลหลักฐานที่ได้จากการสืบสวนกรณีของมีราและลายาน ต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารและผู้เชี่ยวชาญกฎหมายสงคราม พวกเขาบอกว่ามันทำให้เกิดข้อสงสัยต่อเจตนาของทหารอิสราเอล ว่าก่อเหตุยิvสังหารเด็กด้วยความประมาทเลินเล่อ, บุ่มบ่ามไม่ยั้งคิด, หรือจงใจยิvเอาชีวิตกันแน่
เวส ไบรอัน นักวิเคราะห์การทหารซึ่งเคยอยู่ในหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพสหรัฐฯ และเคยเป็นที่ปรึกษาของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในเรื่องการปกป้องพลเรือนมาก่อน ได้ให้คำอธิบายต่อประเด็นนี้ว่า “ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ทหารมืออาชีพมีพันธกิจในการตรวจสอบก่อนยิvว่า เป้าหมายที่จะโจมตีนั้นเป็นใครกันแน่ โดยต้องแน่ใจว่าคนที่จะถูกยิvเป็นนักรบของฝ่ายศัตรูตามกฎหมาย ไม่ใช่พลเรือน”
“ดังนั้นเมื่อมีเด็กจำนวนมากถูกยิv ซ้ำยังถูกเล็งเป้ายิvที่ศีรษะ นั่นแสดงว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติขั้นร้ายแรงเกิดขึ้นแล้ว” นักวิเคราะห์การทหารชาวอเมริกันกล่าว
ดร.จานีนา ดิล อาจารย์ผู้สอนวิชากฎหมายระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด บอกว่าประเด็นเรื่องการตัดสินใจเล็งเป้าโจมตีของทหารนั้น ในมุมมองของกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว “บ่อยครั้งยากที่จะตัดสินถูกผิดได้ว่า ข้อสรุปทางกฎหมายที่ชัดเจน หรือแม้แต่ข้อสรุปเบื้องต้นของประเด็นนี้คืออะไรกันแน่ เพราะเราอยู่วงนอกห่างไกลจากสถานการณ์จริง จึงไม่อาจค้นพบหลักฐานทั้งหมดที่จะนำมาประกอบการพิจารณาได้”
“ทว่าในกรณีนี้ หลักฐานที่ปรากฏชี้ชัดว่ามีการละเมิดกฎหมายอย่างร้ายแรงยิ่ง ซ้ำยังมีโอกาสเป็นได้กระทั่งอาชญากรรมสงครามด้วยซ้ำ ซึ่งกรณีเช่นนี้หาพบได้ยากมาก” ดร.ดิลกล่าว
ด้านกองกำลังไอดีเอฟของอิสราเอล ชี้แจงต่อบีบีซีถึงเรื่องนี้ว่า “การทำร้ายพลเรือนอย่างจงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำร้ายเด็ก ได้ถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด ทั้งยังขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและคำสั่งทหารของกองกำลังไอดีเอฟอีกด้วย”
ถ้อยแถลงของกองกำลังอิสราเอลยังระบุว่า ที่ผ่านมากลุ่มฮามาสใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงและเด็ก ส่วนเหตุการณ์ใด ๆ ที่สร้างความสงสัยว่า ทหารอิสราเอลมีพฤติกรรมขัดขืนคำสั่ง หรือกระทำการที่ไม่สอดคล้องกับค่านิยมของทางกองทัพนั้น จะมีการตรวจสอบโดยกองสืบสวนอาชญากรรมของกรมทหารพระธรรมนูญต่อไป

ที่มาของภาพ : Dr Ammar Darwish
ในบรรดาเด็กที่ถูกยิv 168 กรณีนั้น บีบีซีได้ทราบมาว่ามีอย่างน้อย 90 ราย ที่ได้เสียชีวิตไป แต่เนื่องจากระบบการรักษาพยาบาลของฉนวนกาซาถูกทำลายจนเสียหายหนัก จึงไม่อาจจะสืบทราบได้อย่างแน่นอนว่า เด็กที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิvนั้น ท้ายที่สุดแล้วมีกรณีที่เด็กเสียชีวิตเป็นจำนวนเท่าใดกันแน่
กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ที่บริหารโดยกลุ่มฮามาส ระบุว่ามีเด็กอย่างน้อย 50,000 คนแล้ว ที่ได้รับบาดเจ็บหรือต้องเสียชีวิตไป นับตั้งแต่สงครามครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเกือบสองปีก่อน หลังจากที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีข้ามพรมแดนเข้าไปในอิสราเอล ในวันที่ 7 ต.ค. 2023 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,200 คน และถูกจับเป็นตัวประกันอีก 251 คน
ครอบครัวของหนูน้อยที่เป็นเหยื่อกระสุนปืนบอกกับบีบีซีว่า พวกเขาหมดสิ้นความหวังในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรมให้กับลูกหลาน บางครอบครัวไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะฝังร่างหรือทำพิธีศwให้กับเด็ก ๆ ด้วยซ้ำ
ร่างไร้วิญญาณของลายานกับพ่อของเธอ ถูกทิ้งให้นอนอยู่บนถนนฮามิดเป็นเวลานานหลายวัน จนกระทั่งสองสัปดาห์ต่อมา เพื่อนบ้านของพวกเขาจึงได้มีโอกาสนำร่างของทั้งสองไปฝัง ระหว่างที่มีการประกาศหยุดยิvช่วงสั้น ๆ
เมื่อบีบีซีติดต่อไปยังครอบครัวของสองพ่อลูกในอีกหนึ่งปีต่อมา จึงได้ทราบว่าพวกเขาไม่เคยล่วงรู้เลย ว่ามีคลิปวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์ในตอนที่ลายานและโมฮาเหม็ดเสียชีวิตอยู่ด้วย
รายงานเพิ่มเติมโดย ไชนา ออปเพนไฮเมอร์
ที่มา BBC.co.uk