
ท่าทีต่อกรณีข้อตกลงหยุดยิvในยูเครนของทรัมป์ที่เปลี่ยนไป ทำให้เคียฟและผู้นำยุโรปกังวลใจอย่างไร ?

ที่มาของภาพ : Getty Images
Article Info
-
- Author, พอล อดัมส์
- Role, ผู้สื่อข่าวการทูตของบีบีซี
การประชุมในรัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา สิ้นสุดลงโดยไม่มีการบรรลุข้อตกลงใด ๆ ระหว่างฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ข้อสรุปนี้ตรงกับผลลัพธ์ที่ถูกคาดการณ์ไว้มากที่สุดและอาจถือเป็นผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ที่สุดโดยเฉพาะเมื่อ โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ท่าที่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เคยเรียกร้องให้มีการหยุดยิvโดยทันทีนั้น ได้สร้างความไม่สบายใจอย่างมากให้แก่รัฐบาลยูเครน และประเทศต่าง ๆ ในยุโรป
จุดยืนที่ทรัมป์ดูเหมือนจะสนับสนุนอีกครั้ง กลับกลายเป็นจุดยืนเดียวกันกับที่รัฐบาลรัสเซียยืนยันมาโดยตลอดว่าการหยุดยิvจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีข้อตกลงที่ครอบคลุม และสะท้อนผลประโยชน์ของรัสเซีย ซึ่งโดยนัยหมายถึงการที่ยูเครนต้องยอมจำนน
อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เขียนข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ชื่อว่าทรูธ โซเชียล (Fact Social) โดยระบุว่า “ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า วิธีที่ดีที่สุดในการยุติสงครามอันโหดร้ายระหว่างรัสเซียกับยูเครน คือต้องเดินมุ่งหน้าไปสู่ข้อตกลงสันติภาพ”
ทรัมป์ยังกล่าวถึงการหยุดยิvว่า “มักจะไม่ยั่งยืน”
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed finding outได้รับความนิยมสูงสุด
End of ได้รับความนิยมสูงสุด
คำกล่าวของทรัมป์ขัดแย้งกับข้อเรียกร้องหลักของรัฐบาลยูเครนซึ่งยืนยันว่าการหยุดยิvโดยไม่มีเงื่อนไขต้องเกิดขึ้นก่อน โดยข้อเรียกร้องนี้ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรยุโรปทั้งหมด
นักวิเคราะห์เตือนว่า ท่าทีของทรัมป์อาจเปิดโอกาสให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย มีเวลาในสนามรบที่ตนเองกำลังได้เปรียบนานขึ้น
แมทธิว ซาวิลล์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาการทหารแห่งสถาบันรวมเหล่าทัพแห่งสหราชอาณาจักร (Royal United Services and products Institute) กล่าวว่า “หากเป้าหมายทางทหารของปูติน คือ การหลีกเลี่ยงไม่ให้ปฏิบัติการของรัสเซียในยูเครนถูกจำกัดในทันที เขาก็ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จ”
เมื่อคืนที่ผ่านมา ปูตินปรากฏตัวต่อสื่อในช่วงสั้น ๆ และเตือนยูเครนกับยุโรปว่าอย่า “ขัดขวาง” ความคืบหน้า ซึ่งเขาอ้างว่าได้บรรลุร่วมกับทรัมป์
ทั้งนี้ ไม่มีการเปิดเผยว่าความคืบหน้าดังกล่าวคืออะไร
อย่างไรก็ตาม เคียฟและพันธมิตรมองว่าท่าทีของทรัมป์เป็นการล้มกระดานความพยายามทางการทูตที่เกิดขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งเป็นที่วาดหวังว่าจะส่งอิทธิพลต่อการประชุมที่รัฐอะแลสกาให้สำเร็จ
ท่าทีล่าสุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กลายเป็นเครื่องเตือนใจอีกครั้งว่าเขามักมีแนวโน้มจะสะท้อนมุมมองของบุคคลสุดท้ายที่ได้พูดคุยกับเขา
เช้าวันนี้ ผู้นำยุโรปหลายคนต่างจับตาผลลัพธ์ของการประชุมอย่างใกล้ชิด รอชมว่าความพยายามทางการทูตจะได้รับการตอบรับจากสหรัฐฯ หรือจะถูกปล่อยทิ้งไว้ข้างทาง
ตามที่เขาได้ให้คำมั่นไว้ก่อนการประชุมสุดยอด ทรัมป์ได้โทรหาเซเลนสกี ทั้งสองพูดคุยกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่ผู้นำยุโรปจะเข้าร่วมการสนทนา
เซเลนสกีเปิดเผยว่า การสนทนาเป็นไปอย่าง “ยาวนานและมีเนื้อหาสาระ” พร้อมประกาศว่าเขาจะเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันในวันจันทร์นี้ (18 ส.ค.) ซึ่งจะเป็นการเยือนครั้งแรกนับตั้งแต่การประชุมอันเลวร้ายในห้องทำงานรูปไข่เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา
นับตั้งแต่การประชุมครั้งนั้น พันธมิตรยุโรปของยูเครนได้พยายามฟื้นฟูความเสียหาย และเตรียมเซเลนสกีให้พร้อมรับมือกับผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งมีบุคลิกที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ และคาดเดาได้ยาก
“ผมขอขอบคุณสำหรับคำเชิญ” เซเลนสกีโพสต์ พร้อมระบุว่า “อเมริกามีบทบาทสำคัญต่อสถานการณ์นี้”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทรัมป์ออกแถลงการณ์ผ่าน Fact Social เซเลนสกีได้โพสต์ข้อความอีกครั้ง โดยใช้ถ้อยคำที่มีความเร่งด่วนมากขึ้น
“การสังหารต้องหยุดลงโดยเร็วที่สุด” เขากล่าว “ไฟสงครามต้องดับลงทั้งในสนามรบและบนท้องฟ้า รวมถึงการโจมตีต่อโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือของเรา”

ที่มาของภาพ : Reuters
ผู้นำยุโรปที่ได้รับฉายาว่า “พรายกระซิบทรัมป์” กลับมาสานต่อภารกิจในเช้าวันนี้จากงานที่พวกเขาเริ่มพยยายามหว่านล้อมทรัมป์ไว้ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน
คณะผู้นำเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของยูเครนในการเจรจาเกี่ยวกับอนาคตของประเทศตัวเอง แต่พวกเขาก็หยุดพักเป็นระยะ เพื่อแสดงความชื่นชมต่อความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
“ความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ทำให้เราเข้าใกล้การยุติสงครามที่ผิดกฎหมายของรัสเซียในยูเครนมากกว่าครั้งไหน ๆ” เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าว
นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์กล่าวว่า เขายินดีต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า “ความเปิดกว้าง” ของสหรัฐฯ และยุโรปในการให้ “หลักประกันด้านความมั่นคงที่เข้มแข็ง” แก่ยูเครน หากมีการบรรลุข้อตกลง
เขาเสริมว่า หากการสู้รบสิ้นสุดลงในที่สุด รายละเอียดของหลักประกันเหล่านั้นจะต้องถูกระบุไว้อย่างชัดเจนและละเอียดกว่าที่เคยเป็นมา

ที่มาของภาพ : Getty Images
แม้ยุโรปจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นในฐานะผู้สนับสนุนหลักของยูเครนทั้งด้านการทหาร เศรษฐกิจ และการเมือง แต่ผู้นำหลายประเทศยอมรับว่า ไม่อาจรับประกันความมั่นคงในอนาคตของยูเครนได้อย่างแท้จริง หากปราศจากการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมจากสหรัฐฯ
ในการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดที่รัฐอะแลสกา จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีของอิตาลี กล่าวว่า หลักประกันสำหรับยูเครนอาจหยิบเอา “แรงบันดาลใจจากมาตรา 5 ของนาโต” อันเป็นหลักการป้องกันร่วมกันที่สมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต (NATO) ทุกประเทศลงนามไว้
รายงานหลายฉบับในเช้าวันนี้ระบุว่า ผู้นำยุโรปและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้หารือกันถึงแนวคิดเรื่องหลักประกันนอกกรอบนาโตที่มีผลเทียบเท่ามาตรา 5 ระหว่างการโทรศัพท์ล่าสุด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทรัมป์ดูเหมือนจะเปลี่ยนท่าทีในเช้าวันนี้ เสียงสะท้อนจากเมืองหลวงหลายแห่งในยุโรปก็สะท้อนความสับสนและความไม่แน่นอน
ที่กรุงลอนดอน รัฐบาลสหราชอาณาจักรพยายามรักษาท่าทีอย่างมั่นคง โดยแหล่งข่าวระดับสูงจากถนนดาวนิงกล่าวว่า “หากสามารถทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้พร้อมกัน ทั้งการหยุดยิvและข้อตกลงสันติภาพ หรือเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นก็แน่นอนว่าจะถือเป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง”
เขาย้ำว่า “สิ่งที่เราทุกคนต้องการคือการยุติการสู้รบ”

ที่มาของภาพ : Getty Images
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ปล่อยใจออกห่างจากแนวคิดเรื่องการหยุดยิvทันที ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่า เป็นผลมาจากการที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย อธิบายถึงความล้มเหลวของการหยุดยิvในอดีต ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงอย่างมาก
การประชุมกึ่งสุดยอดที่รัฐอะแลสกา กลายเป็นชัยชนะโดยไม่ต้องลงทุนใด ๆ สำหรับปูติน การกลับมาของเขาสู่เวทีโลก แม้จะยังถูกกีดกันจากหลายประเทศ เกิดขึ้นท่ามกลางการแสดงแสนยานุภาพของสหรัฐฯ ที่ฐานทัพอากาศเอลเมนดอร์ฟ-ริชาร์ดสัน อย่างชัดเจน แต่ก็มีบางองค์ประกอบที่สะท้อนลักษณะของการเยือนในระดับรัฐ
ขณะเดียวกัน ภัยคุกคามจากการคว่ำบาตรเพิ่มเติมของสหรัฐฯ ต่อรัสเซียก็ลดลงเช่นกัน โดยทรัมป์ระบุว่า เขาอาจต้องใช้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์ก่อนจะพิจารณาประเด็นนี้อีกครั้ง
สถานการณ์ดังกล่าวนำไปสู่คำถามมากมายว่าประธานาธิบดียูเครนจะต้องเผชิญอะไรในสัปดาห์หน้า ทั้งในการเยือนกรุงวอชิงตันในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ และเมื่อเขาต้องพบกับปูตินและทรัมป์ในห้องเดียวกันในอนาคต
ฌอน ฮานนิตี ผู้ดำเนินรายการจากช่องฟ็อกซ์นิวส์ (Fox Info) ถามประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า “คำแนะนำของทรัมป์ต่อผู้นำยูเครนคืออะไร?”
ทรัมป์ให้คำตอบไว้ว่า “ให้ทำข้อตกลง” พร้อมเสริมว่า “รัสเซียเป็นมหาอำนาจที่ใหญ่โตมาก ส่วนพวกเขาไม่ใช่”
ที่มา BBC.co.uk