
ไส้ในบิ๊กลอตโคราช! สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชี้มูล ‘สมบูรณ์ ส่วยครบุรี' อดีตนายก อบต.ครบุรี – ‘เสถียร ควบพิมาย' อดีตนายกเทศมนตรีตำบลรังกาใหญ่ เข้ามีส่วนได้เสียในโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่งสำนวน อสส. ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว-ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
จากกรณีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ประจำจังหวัดนครราชสีมา แถลงผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยเผยแพร่มติคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชี้มูลความผิดคดีทุจริตของอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อดีตนายกเทศมนตรีตำบล ข้าราชการ ในจังหวัดนครราชสีมา จำนวนหลายคดี
- สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติโคราชแจงละเอียด-เผยชื่อผู้สมคบ ปมชี้มูล 16 เรื่อง อดีตนายกเทศฯ-อบต.ทำผิดหลายข้อหา
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา . ตรวจสอบยืนยันข้อมูลพบว่า มติคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชี้มูลความผิดคดีทุจริตของอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อดีตนายกเทศมนตรีตำบล ข้าราชการ ในจังหวัดนครราชสีมา ดังกล่าว
มีกรณีชี้มูลความผิดคดี กล่าวหา นายสมบูรณ์ ส่วยครบุรีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลครบุรี อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา เข้ามีส่วนได้เสียในโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีต จำนวน 3 โครงการ และกรณีกล่าวหา นายเสถียร ควบพิมาย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา กับพวก เข้ามีส่วนได้เสียในโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก หมู่ที่ 5 บ้านตะปัน ประจำปีงบประมาณ 2560 จำนวน 2 โครงการ รวมอยู่ด้วย
มีรายละเอียดดังนี้
@ กรณีกล่าวหา นายสมบูรณ์ ส่วยครบุรีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลครบุรี อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา เข้ามีส่วนได้เสียในโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีต จำนวน 3 โครงการ
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายสมบูรณ์ ส่วยครบุรี ผู้ถูกกล่าวหา ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตำบลครบุรี ได้เข้าไปมีส่วนได้เสีย โดยได้เชิดนายสมพาน โปร่งสำโรง เพื่อให้เข้ามาเป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลครบุรี ตามบันทึกตกลงการจ้าง เลขที่ 187/2559 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 บันทึกตกลงการจ้าง เลขที่ 188/2559 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 และ บันทึกตกลงการจ้าง เลขที่ 189/2559 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 ที่ตนมีหน้าที่จัดการหรือดูแลอยู่ ทั้งที่นายสมพาน โปร่งสำโรง ไม่มีวัสดุอุปกรณ์เครื่องจักรที่ใช้ดำเนินการตามบันทึกตกลงการจ้างดังกล่าวได้ เป็นเพียงลูกจ้างของผู้ถูกกล่าวหา ในการทำถนนคอนกรีต และหินคลุก โดยทั้ง 3 โครงการตามบันทึกตกลงจ้างทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว
ผู้ถูกกล่าวหาได้สั่งการให้นายสุรสิทธิ์ แฉเกษม ซึ่งรักษาราชการแทนเจ้าหน้าที่พัสดุ ตกลงจ้างกับนายสมพาน โปร่งสำโรง โดยจะนำบัตรประชาชนของนายสมพาน โปร่งสำโรง มาให้นายสุรสิทธิ์ แฉเกษม จัดทำเอกสารจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีตกลงราคา เพื่อเข้ามาเป็นผู้รับจ้างกับองค์การบริหารส่วนตำบลครบุรีตามบันทึกตกลงการจ้างทั้ง 3 ฉบับ ต่อมาในการดำเนินการโครงการดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้เข้าไปดำเนินการด้วยตนเองทั้งหมด และเข้าไปดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เริ่มก่อสร้างจนกระทั่งดำเนินการแล้วเสร็จ
จากนั้นวันที่ 19 สิงหาคม 2559 ผู้ถูกกล่าวหา ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตำบลครบุรี ได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินเป็นค่าจ้างให้กับนายสมพาน โปร่งสำโรง เป็นเงินจำนวน 936,936 บาท โดยผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นผู้นำเช็คฉบับดังกล่าวไปให้ผู้รับจ้างด้วยตนเอง และในวันเดียวกันนั้น (19 สิงหาคม 2559) ผู้ถูกกล่าวหาได้สั่งการให้พานายสมพาน โปร่งสำโรง ไปที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาครบุรี เพื่อเปิดบัญชีเงินฝากและนำเช็คค่าจ้างฉบับดังกล่าวฝากเข้าบัญชีบัญชีเงินฝาก ธ.ก.ส. ชื่อบัญชี นายสมพาน โปร่งสำโรง จำนวน 936,936 บาท และนายสมพาน โปร่งสำโรง จะเขียนใบถอนเงิน จำนวน 936,500 บาท และนำเงินให้กับนายสมพาน โปร่งสำโรง เป็นเงิน 2,000 บาท เป็นค่าถอนเงินดังกล่าว นอกจากนี้เงินประกันสัญญาจ้างทั้ง 3 โครงการ เป็นเงิน 47,320 บาท นายสมพาน โปร่งสำโรง นำเงินค่าประกันสัญญาเข้าฝากบัญชีเงินฝาก ธ.ก.ส สาขาครบุรี และถอนเงินออกมา เป็นเงิน 47,300 บาท เพื่อฝากไปให้กับผู้ถูกกล่าวหา ทำให้เกิดความเสียหายแก่องค์การบริหารส่วนตำบลครบุรี
คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
การกระทำของนายสมบูรณ์ ส่วยครบุรี ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดำเนินกิจการเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 100 (1) ประกอบมาตรา 122 และประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการตามความในมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2555 และมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 126 (1) ประกอบมาตรา 168 และมาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิด ฐานเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่องค์การบริหารส่วนตำบลนั้นเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลนั้น หรือที่องค์การบริหารส่วนตำบลนั้นจะกระทำ และฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 64/2 (3) และมาตรา 92
โดยให้กันนายสมพาน โปร่งสำโรง ไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี ตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการกันบุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ.2561
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยกับ นายสมบูรณ์ ส่วยครบุรี ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย
อนึ่ง จากการไต่สวนเบื้องต้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การกระทำของนายสุรสิทธิ์ แฉเกษม นักวิชาการศึกษา รักษาราชการแทนเจ้าหน้าที่พัสดุ และเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการหาผู้รับจ้าง และจัดทำเอกสารการจัดจ้างตามที่ผู้ถูกกล่าวหาสั่งการ และการกระทำของนายวสันต์ คนสนิท นายช่างโยธา และเป็นผู้ควบคุมงาน มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง จึงให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนดำเนินการทางวินัยไปตามหน้าที่และอำนาจ กับนายสุรสิทธิ์ แฉเกษม และนายวสันต์ คนสนิท ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 64 ต่อไป
@ กรณีกล่าวหา นายเสถียร ควบพิมาย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา กับพวก เข้ามีส่วนได้เสียในโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก หมู่ที่ 5 บ้านตะปัน ประจำปีงบประมาณ 2560 จำนวน 2 โครงการ
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายเสถียร ควบพิมาย นายกเทศมนตรีตำบลรังกาใหญ่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้อนุมัติให้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) สายท่าเยี่ยม – สะพานขอน หมู่ที่ 5 บ้านตะปัน และโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) สายบ้านนายสมทรง หมู่ที่ 5 บ้านตะปัน ในปีงบประมาณ 2560 มีงบประมาณ 285,000 บาท และ 150,000 บาท ตามลำดับ ใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจง โดยทั้งสองโครงการมี หจก.นิภาพืชผลก่อสร้าง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด และเป็นผู้รับจ้างซึ่ง หจก.นิภาพืชผลก่อสร้าง เป็นห้างฯ ที่อยู่ในการควบคุมบริหารงานของนายประพันธ์ ควบพิมาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนางสาวหทัยทิพย์ ควบพิมาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ที่มีอำนาจในการบริหารงานและเบิกถอนเงินอย่างแท้จริง ซึ่งทั้งผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และถูกกล่าวหาที่ 5 ได้เชิดให้นางสาวปาริชาต กาศก้อง (หุ้นส่วนฯ ผจก.) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เป็นตัวแทนในกิจการของห้างฯ
โดยจากการไต่สวนพบว่า หจก.นิภาพืชผลก่อสร้าง (ผู้รับจ้าง) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีสถานที่ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 98 หมู่ที่ 7 ตำบลรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านของภริยาของนายเสถียร ควบพิมาย นายกเทศมนตรีตำบลรังกาใหญ่ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และห้างดังกล่าว ไม่มีลูกจ้างประจำ ไม่มีรถที่ใช้ในการก่อสร้าง ไม่มีวัสดุ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง โดยเมื่อได้รับงานจากหน่วยงานของรัฐมาแล้วจะไปดำเนินการจ้างช่วงให้ผู้รับจ้างรายอื่นมาดำเนินงานแทน คิดเหมาค่าเครื่องจักรและค่าแรงงานตารางเมตรละ 300 – 350 บาท แม้โครงการก่อสร้างทั้งสองโครงการดังกล่าวจะมีการเชิญผู้ประกอบการเข้าร่วมเสนอราคาเป็นจำนวนหลายรายก็ตาม แต่ในการเสนอราคาท้ายที่สุดแล้ว หจก.นิภาพืชผลก่อสร้าง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ก็เป็นผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดและได้เข้าเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตำบลรังกาใหญ่ นอกจากนี้ ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวนั้น ก็ปรากฏว่าได้มีการนำรถยนต์บรรทุกคอนกรีตผสมเหลว ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้าเหลืองหมายเลขทะเบียน 87-0689 นครราชสีมา ที่มีสติ๊กเกอร์หน้ารถยนต์บรรทุกดังกล่าวว่า “นิภาพืชผล” ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของนายประพันธ์ ควบพิมาย (ปธ.สภาฯ บุตรชายนายกฯ) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เข้ามาดำเนินงาน ประกอบกับ
ภายหลังจากที่มีการส่งมอบ ตรวจรับงาน และเบิกจ่ายเงินเสร็จ ก็จะมีบุคคลอื่นที่ได้รับมอบอำนาจในการเบิกถอนเงินจากนางสาวหทัยทิพย์ ควบพิมาย (บุตรสาวนายกฯ) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 เข้ามารับเช็คและดำเนินการเบิกถอนเงินในโครงการดังกล่าว โดยที่ นางสาวปาริชาต กาศก้อง (หุ้นส่วนฯ ผจก.) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ไม่ได้มีอำนาจในการเบิกถอนเงินค่าจ้างแต่อย่างใด
จากข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานและพฤติการณ์ดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงเจตนาของผู้ถูกกล่าวหาทั้งห้าคน ว่ามีเจตนาที่จะทำการจัดซื้อจัดจ้างโดยเอื้อประโยชนให้กับ หจก.นิภาพืชผล ก่อสร้าง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ที่เป็นห้างที่นายประพันธ์ ควบพิมาย (ปธ.สภาฯ บุตรชายนายกฯ) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และนางสาวหทัยทิพย์ ควบพิมาย (บุตรสาวนายกฯ) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 และมีอำนาจในการบริหารจัดการห้างอย่างแท้จริง การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการใช้การจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบราชการบังหน้า เพื่อที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับห้าง ฯ ของผู้ถูกกล่าวหา กับพวก ทั้งที่ห้างดังกล่าวไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะดำเนินงานตามโครงการให้แล้วเสร็จและมีคุณภาพได้
พฤติการณ์ข้างต้นของนายเสถียร ควบพิมาย นายกเทศมนตรีตำบลรังกาใหญ่ กับพวก จึงเป็นการเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นในการดำเนินโครงการของเทศบาลตำบลรังกาใหญ่ เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการและเทศบาลตำบลรังกาใหญ่
คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
1 การกระทำของนายเสถียร ควบพิมาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการโดยเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจ กำกับ ดูแล ควบคุมตรวจสอบ หรือดำเนินคดี และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 122 วรรคหนึ่ง และมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 126 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 168 วรรคหนึ่ง และมาตรา 172) และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
2. การกระทำของนายประพันธ์ ควบพิมาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
3. การกระทำของห้างหุ้นส่วนจำกัด นิภาพืชผลก่อสร้าง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นางสาวปาริชาต กาศก้อง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และนางสาวหทัยทิพย์ ควบพิมาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นายเสถียร ควบพิมาย นายประพันธ์ ควบพิมาย ห้างหุ้นส่วนจำกัด นิภาพืชผลก่อสร้าง นางสาวปาริชาต กาศก้อง และนางสาวหทัยทิพย์ ควบพิมาย และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับ นายเสถียร ควบพิมาย และนายประพันธ์ ควบพิมาย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย
ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาลตำบลรังกาใหญ่ ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง และให้แจ้งข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทำของห้างหุ้นส่วนจำกัด นิภาพืชผลก่อสร้าง นางสาวปาริชาต กาศก้อง หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด นิภาพืชผลก่อสร้าง และนางสาวหทัยทิพย์ ควบพิมาย ไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้เป็นผู้มีลักษณะเป็นผู้ทิ้งงาน ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
อย่างไรก็ดี การชี้มูลของคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
อ่านประกอบ :
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )