40 ปี “ซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ส” ช่างประปาตัวจ้อย กลายเป็นสัญลักษณ์ยอดนิยมของชาวเกมได้อย่างไร

ที่มาของภาพ : Getty Photos

ในวันที่ 13 ก.ย. ปี 1985 หรือเมื่อสี่ทศวรรษที่แล้ว เกมซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ส (Sizable Mario Bros.) ออกวางจำหน่ายครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นเกมสำหรับเล่นในระบบความบันเทิงนินเทนโด (NES) ซึ่งก็คือเครื่องเล่นวิดีโอเกมแฟมิคอม (Famicom) ที่คนวัยสี่สิบปีขึ้นไปรู้จักกันดีนั่นเอง

นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน เกมดังกล่าวทำยอดขายทั่วโลกได้ถึง 40 ล้านแผ่นแล้ว ทำให้ซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ส ขึ้นแท่นหนึ่งในเกมฮิตยอดนิยมตลอดกาล

ตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ตัวละครหลักในวิดีโอเกมอย่างมาริโอ ได้ปรากฏตัวในเกมของนินเทนโดแล้วกว่า 200 เกม รวมถึงเกมต้นฉบับ “มาริโอ บราเธอร์ส” (Mario Bros.) ซึ่งมาริโอเปิดตัวครั้งแรกพร้อมกับ “ลุยจิ” (Luigi) น้องชาย เมื่อปี 1983 ทั้งคู่ยังปรากฏตัวในซีรีส์เกมแข่งรถ “มาริโอ คาร์ต” (Mario Cart) ที่เริ่มวางตลาดตั้งแต่ปี 1992 เป็นต้นมาด้วย

การผจญภัยของมาริโอ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับการผลิตสินค้าที่ระลึกหลายรุ่นหลายชนิด ทั้งของเล่น การ์ดสะสม หรือแม้กระทั่งชุดกิโมโนที่ดีไซเนอร์ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีการสร้างเครื่องเล่นในสวนสนุก รวมทั้งภาพยนตร์แอนิเมชัน The Sizable Mario Bros Movie ที่ลงโรงฉายไปเมื่อปี 2023 และกำลังจะมีภาคสองในปี 2026 นี้

ความโดดเด่นของมาริโอที่เหนือกว่าตัวละครจากวิดีโอเกมอื่น ๆ คือการที่สามารถเพิ่มพลังความนิยมขึ้นได้เรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง จากยุคที่ยังเป็นเพียงตัวละครธรรมดาในเกมสองมิติ สู่ความรุ่งโรจน์ในยุคที่ชื่อ “มาริโอ” กลายเป็นเสมือนแบรนด์สินค้าดัง และสัญลักษณ์แห่งวัฒนธรรมประชานิยมของคนทั่วโลก

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue learningได้รับความนิยมสูงสุด

Conclude of ได้รับความนิยมสูงสุด

ช่างประปาตัวจ้อยผู้มีจิตใจห้าวหาญ พุ่งทะยานขึ้นสู่ความเป็นดาวรุ่งระดับโลกในแวดวงฮอลลีวูด และครองใจนักเล่นเกมมายาวนานถึง 40 ปี ได้อย่างไร ทั้งที่มีจุดเริ่มต้นเป็นเพียงตัวละครเกมอาร์เคดรุ่นเก่า ที่เคยโลดแล่นอยู่ในวิดีโอเกม 8 บิตเท่านั้น

เมื่อก่อนเขาไม่ได้ชื่อมาริโอ

ที่มาของภาพ : Getty Photos

มาริโอถูกเปลี่ยนจากช่างไม้ มาเป็นช่างประปาในเกมช่วงแรก ๆ ผู้สร้างชิเงรุ มิยาโมโตะ เรียกเขาว่า “ฮีโร่คนงาน”

ภาพลักษณ์ของมาริโอที่เหมือนกับตัวแทนของคนธรรมดาทั่วไปอย่างยิ่ง ถือกำเนิดขึ้นจากจุดเริ่มต้นพื้น ๆ ในฐานะตัวละครของเกมอาร์เคดรุ่นคลาสสิก “ดองกี้ คอง” (Donkey Kong) ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยชิเงรุ มิยาโมโตะ ศิลปินชาวญี่ปุ่นของนินเทนโด เมื่อปี 1981

ตัวร้ายในเกมนี้คือกอริลลายักษ์ที่มีถังไม้จำนวนมาก เอาไว้ขว้างปาเป็นอาวุธได้เรื่อย ๆ อย่างไม่มีวันหมด ในขณะที่วีรบุรุษของเกมคือชายคนหนึ่ง ซึ่งสวมชุดหมีของช่างและหมวกเล็ก ๆ สีแดง

ตัวละครนี้เป็นช่างไม้ชื่อว่า “จัมป์แมน” (Jumpman) ภารกิจของเขาคือการเข้าไปช่วยเหลือ “พอลีน” (Pauline) แฟนสาวของเขา ให้สามารถหลบหนีออกมาจากที่คุมขัง แต่ก่อนที่จะมีการเปิดตัวเกมดองกี้ คอง จัมป์แมนเคยถูกทีมนักพัฒนาเกมเรียกว่า “โอ๊สซัง” (Ossan) หรือ “ลุง” ในภาษาญี่ปุ่น และในบางครั้งก็เรียกง่าย ๆ ว่า “มิสเตอร์วิดีโอ” (Mr.Video)

แต่ในที่สุดจัมป์แมนก็ได้รับการตั้งชื่อใหม่ว่า “มาริโอ” ตามชื่อเจ้าของอาคารผู้ให้เช่าสำนักงานใหญ่ของนินเทนโดในสหรัฐฯ ซึ่งคนผู้นี้มีชื่อว่า มาริโอ เซเกล (Mario Segale)

ที่มาของภาพ : Getty Photos

การปรากฏตัวครั้งแรกของมาริโอในเกมส์คือเกมส์ “ดองกี้ คอง” (Donkey Kong) ใน ปี 1981 ซึ่งออกแบบโดยชิเงรุ มิยาโมโตะ ตอนนั้นมาริโอ ถูกเรียกว่า “จัมป์แมน” (Jumpman)

ชิเงรุ มิยาโมโตะ ผู้สร้างสรรค์ตัวละครมาริโอบอกว่า เขาจินตนาการถึงตัวละครนี้ ตามแบบอย่างของวัฒนธรรมประชานิยมที่เป็นกระแสทั่วโลกในตอนนั้น จึงได้คิดสร้างตัวละครเอกที่สามารถจะปรากฏตัวเป็นดารารับเชิญในเกมต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย คล้ายกับอัลเฟรด ฮิตช์ค็อก ที่มักจะปรากฏตัวสร้างความประหลาดใจ ในภาพยนตร์ที่เขากำกับอยู่เสมอ

รูปลักษณ์และบุคลิกดั้งเดิมของมาริโอในวิดีโอเกม 8 บิต เป็นที่จดจำได้ง่ายสำหรับคนทั่วไป เพราะเป็นชายร่างอ้วนกลมไว้หนวด เฉลียวฉลาด ทั้งยังสวมหมวกแก๊ปที่เป็นเอกลักษณ์

ในตอนที่เกมอาร์เคด มาริโอ บราเธอร์ส เปิดตัวครั้งแรกในปี 1983 มีการปรับปรุงบุคลิกลักษณะของตัวละครมาริโออีกครั้ง โดยเปลี่ยนบทบาทจากช่างไม้ มาเป็นช่างประปาชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียน ซึ่งอาชีพใหม่ของตัวละครนี้สอดคล้องกับภูมิทัศน์ของเกมที่เต็มไปด้วยท่อ รวมทั้งสะท้อนความหลงใหลในการ์ตูนแนวตะวันตกของมิยาโมโตะด้วย ส่วนวิธีควบคุมตัวละครในระหว่างการเล่นเกม ยังคงเข้าใจง่ายและทำได้ไม่ยากตามสัญชาตญาณของคนทั่วไป

ที่มาของภาพ : Getty Photos

ชิเงรุ มิยาโมโตะ ผู้สร้างสรรค์ตัวละครมาริโอ

ความมหัศจรรย์ของตัวละครที่ธรรมดาเรียบง่าย

มิยาโมโตะเคยให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุสาธารณะแห่งชาติสหรัฐฯ (NPR) เมื่อปี 2015 ไว้ดังนี้ “ผมคิดว่ามาริโอได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะการกระทำต่าง ๆ ในเกม ล้วนเป็นสิ่งที่มีอยู่ในสัญชาตญาณของคนทุกคนอยู่แล้ว”

“พวกเราต่างก็กลัวตกจากที่สูง หากมีหลุมหรือช่องว่างที่จะต้องกระโดดข้ามไป ทุกคนก็จะพยายามวิ่งให้เร็ว เพื่อเป็นแรงส่งในการกระโดดข้ามไปให้ได้ เนื่องจากความเรียบง่ายเป็นธรรมชาติของประสบการณ์เหล่านี้ รวมทั้งการควบคุมตัวละครที่เหมือนมีปฏิกิริยาโต้ตอบกันไปมากับผู้เล่น และสามารถเห็นการตอบสนองได้ทันทีบนหน้าจอ ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกสอดคล้องกลมกลืนและเข้ากันได้กับเกม”

ผู้เล่นทุกคนน่าจะมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า มาริโอนั้นเป็น “คนดี” อย่างไม่ต้องสงสัย แต่บุคลิกลักษณะของเขาก็มีความลื่นไหลไม่เสียชีวิตตัว โดยผันแปรไปได้อย่างน่าสนใจในหลายสถานการณ์ คุณสมบัติในการแปลงกายและเพิ่มพลังของมาริโอนั้น เริ่มเห็นได้ชัดเจนในเกมซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ส รุ่นแรก ที่ออกมานำร่องในปี 1985 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของอาณาจักรเห็ด (Mushroom Kingdom) ที่มีของรางวัลและสมบัติหลายชิ้น ซึ่งช่วยเพิ่มขนาดของมาริโอให้สูงใหญ่ขึ้น รวมทั้งเพิ่มความสามารถพิเศษแก่เขาได้อีกด้วย

ที่มาของภาพ : Getty Photos

ตัวละคร”ลุยจิ” (Luigi) และมาริโอ จากซีรีส์วิดีโอเกมส์ ซูเปอร์ มาริโอ

เพิ่มพลังขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละช่วงทศวรรษ

นับแต่นั้นเป็นต้นมา มาริโอยังคงความสามารถในการเป็นตัวละครเด่นที่ผู้คนจดจำได้เสมอ ไม่ว่าจะแปลงกายไปอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม เช่นเป็นตัวทานุกิหรือแร็กคูนญี่ปุ่นที่บินได้ ในเกมซูเปอร์ มาริโอ บราเธอร์ส 3 ซึ่งวางจำหน่ายในปี 1988 หรือเป็นผึ้งน้อยในเกมซูเปอร์ มาริโอ กาแล็กซี ที่เปิดตัวในปี 2007 ทั้งยังเคยเป็นแมวในเกมซูเปอร์ มาริโอ ทรีดี เวิลด์ ที่ออกมาในปี 2013 ด้วย

ส่วนบทบาทและการงานอาชีพที่มาริโอเคยทำนั้น เขาเคยเป็นตั้งแต่นายแพทย์ “ด็อกเตอร์มาริโอ” ในเกมแก้ปริศนา (puzzle sport) เกมหนึ่ง ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 1992 ไปจนถึงการเป็นศิลปินและนักแต่งเพลง ในเกม Mario Paint ที่ออกมาในปีเดียวกัน ทั้งยังเคยเป็นนักกีฬาหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นนักแข่งรถ, นักฟุตบอล, นักเทนนิส, และเล่นกีฬาอื่น ๆ อีกมากใน Mario & Sonic at The Olympic Video games ซึ่งเป็นซีรีส์เกมจากความร่วมมือระหว่างสองค่ายยักษ์ใหญ่ คือนินเทนโดและเซกา

ส่วนในเกม Sizable Mario Odyssey ที่วางจำหน่ายในปี 2017 แม้แต่หมวกแก๊ปของมาริโอ ก็ยังมีชีวิตและเรื่องราวเป็นของตนเองโดยเฉพาะ

ตัวละครที่แวดล้อมมาริโอก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ หลายตัวละครนั้นโดดเด่น จนสามารถแยกวงออกมาเป็นตัวเอกในเกมของตนเองได้ ทว่าบทบาทของพวกเขาก็ยังถูกกำหนดด้วยความสัมพันธ์กับมาริโออยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นลุยจิ น้องชายในชุดเขียว, คนสนิทผู้รู้ใจอย่างเจ้าหญิงพีชและโยชิ, รวมทั้งศัตรูตัวฉกาจอย่างดองกี้ คอง, บาวเซอร์, และวาริโอ

ที่มาของภาพ : Getty Photos

ป้ายของวิดีโอเกม Mario Kart World

เสียงประกอบต่าง ๆ ในเกมมาริโอ ได้ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” อย่างแท้จริง เนื่องจากตอนนี้เสียงดนตรีที่เป็นฉากหลัง และเสียงประกอบการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลงานของโคจิ คอนโดะ ที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มเปิดตัว Sizable Mario Bros ในปี 1985 ได้ติดหูผู้คนทั่วโลกไปแล้ว เสียงที่คุ้นเคยนี้ยังรวมถึงเสียงของชาร์ลส์ มาร์ทิเน็ต นักพากย์ชาวอเมริกัน ผู้คิดค้นเสียงแบบตัวการ์ตูนของมาริโอขณะกล่าวประโยคฮิต “ไปกันเลย” (Let's-a-disappear!) ก่อนเริ่มต้นการผจญภัยทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เสียงประกอบติดหูอันคุ้นเคยที่ผู้คนได้ฟังแล้วจะนึกถึงเกมมาริโอในทันที น่าจะเป็นเสียงขณะเก็บเหรียญที่ร่วงหล่น ซึ่งกาเลน วอลต์แคมป์-มูน ผู้ก่อตั้งวงดนตรี London Video Game Orchestra แสดงความเห็นว่า “เสียงเก็บเหรียญของมาริโอ น่าจะเป็นโน้ตดนตรีที่เสียงสูงมากเพียงสองตัว ทำให้มันถูกจดจำและติดหูได้ง่าย”

“มาริโอเป็นสัญลักษณ์ที่ดูโดดเด่นอยู่เสมอ แม้แต่ในตอนที่ยังเป็นตัวการ์ตูนหยาบ ๆ ซึ่งสร้างจากจุดภาพหรือพิกเซลความละเอียดต่ำ ผมจำได้ว่าตัวเองร้องเพลงประกอบเกมมาริโอได้ขึ้นใจตั้งแต่ 6-7 ขวบ แต่จำเพลงประกอบเกมอื่น ๆ ไม่ได้เลยแม้แต่เกมเดียว” วอลต์แคมป์-มูน กล่าว “ดนตรีประกอบเกมมาริโอนั้น สามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนทุกวัย ท่วงทำนองมีการเปลี่ยนแปลงในทุกห้องเพลง ทำให้ผู้ฟังสนใจและติดตามฟังไปเรื่อย ๆ”

มาริโอบนจอภาพยนตร์

ที่มาของภาพ : Getty Photos

แฟนคลับคนหนึ่งเดินผ่านวิดีโอโปรโมตภาพยนตร์ Sizable Mario Bros The Movie ที่โรงภาพยนตร์ในกรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อปี 2023

การแปลงตัวละครในวิดีโอเกมยอดนิยม ให้กลายมาเป็นดารานักแสดงที่โลดแล่นบนจอภาพยนตร์ มักเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสี่ยงจะล้มเหลวได้ง่าย อย่างเช่นกรณีของเม่นสายฟ้า Sonic the Hedgehog ที่ไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลย แต่ถึงกระนั้น วงการภาพยนตร์ในปัจจุบันกำลังมีกระแสความนิยมระลอกใหม่ ที่ชอบหยิบยกเอาเรื่องราวของตัวละครในวิดีโอเกมมาทำเป็นหนังอีกครั้ง

ในกรณีของเกมมาริโอเองนั้น เคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ Sizable Mario Bros ที่ใช้คนจริงแสดง เมื่อปี 1993 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน แม้จะใช้นักแสดงผู้มีความสามารถชั้นแนวหน้า รวมทั้งใช้เอฟเฟกต์หรือเทคนิคพิเศษขั้นสูงแล้วก็ตาม ต่อมานักแสดงนำชาย บ็อบ ฮอสกินส์ ที่รับบทมาริโอในภาพยนตร์ดังกล่าว ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน เมื่อปี 2007 ว่า “มันเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่ผมเคยทำมา”

ส่วนภาพยนตร์ Sizable Mario Bros Movie ที่ลงโรงฉายในปี 2023 มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟน ๆ ชาวเกม ตั้งแต่ก่อนการเปิดตัวแล้วว่า เสียงของคริส แพรตต์ ที่พากย์เป็นมาริโอในรูปแบบของตัวละครซีจีไอ (CGI) ที่สร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์นั้น เหมือนกับเสียงของตัวเขาเองมากเกินไป แต่เรื่องนี้แอรอน ฮอร์วาร์ธ หนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ออกมาแก้ต่างว่า เสียงของคริส แพรตต์ มีความเป็นมาริโอที่เหมาะสมแล้ว

ฮอร์วาร์ธกล่าวกับนิตยสาร Total Movie ว่า “หากคุณเล่นเกมแล้วไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ในที่สุดมาริโอจะทำสำเร็จ เราจึงถ่ายทอดประสบการณ์ดังกล่าวของผู้เล่นเกม มาแปลงเป็นบุคลิกลักษณะของตัวละครในภาพยนตร์ ตามแบบที่มาริโอควรจะเป็น ซึ่งคริส แพรตต์ ทำได้ดีมาก ในการสวมบทบาทวีรบุรุษชนชั้นแรงงานผู้กล้าหาญและจิตใจกว้างขวาง”

ที่มาของภาพ : Getty Photos

ผู้คนสามารถไปเล่น Mario Kart: Bowser's Convey ที่สวนสนุก Sizable Nintendo World ที่ สวนสนุกยูนิเวอร์แซล ฮอลลีวูด (Standard Studios Hollywood)

นอกจากวงการเกมและภาพยนตร์แล้ว มาริโอยังปรากฏตัวในสื่ออีกหลายรูปแบบ โดยเป็นแรงบันดาลใจให้กับการสร้างสรรค์ “มีม” (meme) ในโลกออนไลน์ และศิลปะเชิงแนวคิด (conceptual art) อีกจำนวนหนึ่งด้วย

เมื่อปี 2002 ผู้สร้างสรรค์ทัศนศิลป์ชาวอเมริกัน คอรี อาร์แคนเกล ได้สร้างผลงานศิลปะแบบจัดวางที่มีวิดีโอเป็นองค์ประกอบหลัก (video set up) โดยดัดแปลงเกม Sizable Mario World ให้อยู่ในรูปแบบใหม่ แล้วให้ชื่อผลงานดังกล่าวว่า Sizable Mario Clouds ส่วนในปี 2015 ศิลปินที่ใช้นามแฝงว่า ซามีร์ อัล-มุตฟี ได้สร้างสรรค์เกม Syrian Sizable Mario หรือเกมซูเปอร์มาริโอในแบบของผู้อพยพชาวซีเรีย ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคอันตรายนานัปการ เพื่อเอาชีวิตรอดท่ามกลางภาวะสงคราม

ในระยะหลังมาริโอยังปรากฏตัวบ่อยครั้งขึ้น ตามแกเลอรีที่จัดแสดงผลงานศิลปะแห่งใหญ่ ๆ และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งคริสเตียน วอลซิง ภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ Younger V&A ในกรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร บอกว่ามาริโอนั้นมีความสำคัญยิ่ง จนสมควรที่จะจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ได้

ที่มาของภาพ : Getty Photos

ภาพนักการเมืองชาวอิตาลี Mario Draghi ในบทซูเปอร์ มาริโอ โดยศิลปิน ซัลวาโตเร เบนินเทนเด

“วิดีโอเกมนั้นก็เหมือนกับสื่ออื่น ๆ โดยควรจะมีการยอมรับว่า มันส่งผลกระทบทางวัฒนธรรมอย่างมาก” วอลซิงกล่าวกับบีบีซี คัลเจอร์ “มาริโอมีความสำคัญในระดับนั้น ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของการปฏิวัติวงการวิดีโอเกมในช่วงทศวรรษ 1980 และยังได้รับความนิยมสูงขึ้นอีก ในตอนที่มีอายุครบ 40 ปี”

“มาริโอเป็นที่จดจำของผู้คนทั่วโลก แม้ค่อนข้างจะเป็นตัวละครเรียบ ๆ พื้น ๆ ที่ถูกแต่งแต้มดัดแปลงได้ง่ายก็ตาม นอกจากนี้ การออกแบบเกมที่น่าทึ่งยังสร้างประสบการณ์ร่วมให้กับผู้คนจำนวนมาก”

“เรามีแม้กระทั่งเกม Sizable Mario Maker ซึ่งเป็นเกมที่เต็มไปด้วยเครื่องมือออกแบบ ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 การที่ทุกคนสามารถเล่นเกมนี้ได้ทันที หมายความว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่ามันทำงานอย่างไร นั่นเป็นเพราะทุกคนรู้จักคุ้นเคยกับเกมมาริโอมานานนั่นเอง”

มาริโอสามารถนำพาผู้คนต่างรุ่นต่างวัย ให้มารวมตัวกันได้ด้วยการเล่นเกม ตัวละครนี้ยังคงเป็นแรงดึงดูดอันทรงพลังแม้ในยุคปัจจุบัน และยังคงเป็นเพื่อนที่เราคุ้นเคย ในโลกที่ผันผวนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วขึ้นทุกวัน