
ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง 2 ผู้บริหาร ม.ราม ถูกอดีตอธิการฯฟ้องข้อหาเบิกความเท็จ ยกเหตุโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าคำเบิกความเป็นเท็จจริงหรือไม่ ด้าน ‘สืบพงษ์’ ยืนยันจะขออุทธรณ์คดีต่อ
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่าเมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 25 ก.ย. ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษายกฟ้อง ในคดีดำ อ 609/2567 ที่นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวุฒิศักดิ์ เจริญลาภ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และ น.ส.ปภาศรี บัวสวรรค์ รักษาการรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐาน ร่วมกันฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 83, มาตรา 175 และ มาตรา 177
กรณีที่จำเลยทั้งสองคนยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลแขวงพระนครเหนือในคดีอาญาหมายเลขดำ 1806 /2566 โดยกล่าวหาว่า นายสืบพงษ์ โจทก์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานหรืออธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ปมความขัดแย้งการถอดถอนนายสืบพงษ์ออกจากตำแหน่งอธิการบดี เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 65 โดยศาลแขวงพระนครเหนือมีคำพิพากษายกฟ้อง ต่อมานายสืบพงษ์จึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามความผิดด้วย จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
วันนี้จำเลยเดินทางมาศาล ส่วนโจทก์ไม่ได้เดินทางมา โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการฟ้องเท็จนั้นต้องบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยไม่สุจริต หรือรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีการเกิดขึ้น ไม่เป็นความจริง แม้จะมีกรณีที่ศาลพิพากษายกฟ้อง ไม่อาจถือว่าต้องเป็นความผิดเสมอไป ดังนั้นต้องพิจารณาการบรรยายฟ้องต่อคดีที่ศาลแขวงพระนครเหนือเป็นการความเท็จหรือไม่
เมื่อโจทก์เบิกความเป็นพยานว่า จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เบิกความต่อศาลแขวงพระนครเหนือ และศาลมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์ในคดีดังกล่าว เห็นว่าแม้ศาลพิพากษายกฟ้องแต่ไม่จำเป็นต้องเป็นการฟ้องเท็จเสมอไป
เนื่องจากจำเลยที่ 2 ยื่นต่อฟ้องโจทก์ต่อศาลแขวงพระนครเหนือเป็นข้อเท็จจริงที่มีการยื่นถอดถอนโจทก์ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยรามคำแหงมีการบอกเลิกสัญญาว่าจ้างโจทก์จริง แต่โจทก์ยังมีการเซ็นเอกสารสำคัญโดยใช้ฐานะอธิการบดี ประกอบกับโจทก์ไม่ได้นำสืบว่าพยานหลักฐานดังกล่าวเป็นเท็จ คำบรรยายฟ้องในส่วนนี้จึงไม่ใช่ความเท็จ โดยคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางก็ไม่ได้มีการวินิจฉัยถึงสถานะของโจทก์โดยตรงหรือมีวิธีการชั่วคราวกับโจทก์ในการทุเลาในคำพิพากษา จึงไม่ผิดฐานฟ้องเท็จ
ในส่วนของจำเลยที่ 2 ที่โจทก์ฟ้องว่าเบิกความเท็จต่อศาลแขวงพระนครเหนือนั้นเห็นว่าจำเลยที่ 2 เบิกความไปตามคำฟ้อง ในเรื่องการถอดถอนตัวโจทก์ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงจากมติสภามหาวิทยาลัย การเบิกความของจำเลยที่ 2 เป็นลำดับขั้นตอนข้อเท็จจริงไม่มีส่วนใดเกินเลยไป จึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จเช่นกัน พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสอง
ภายหลังฟังคำพิพากษา น.ส.ปภาศรี ได้ร่ำไห้ออกมาด้วยความดีใจ โดยมี นายวุฒิศักดิ์ เข้าไปกอดให้กำลังใจ ขณะที่คนใกล้ชิดที่ติดตามมาฟังคำพิพากษาเข้าไปแสดงความยินดีกับจำเลยทั้งสองคน
ด้านนายสืบพงษ์ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ต่อผู้สื่อข่าว ระบุสั้นๆว่า หลังจากนี้จะขอคัดคำพิพากษาศาลชั้นต้น เพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )