สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชี้มูล อดีตนอภ.ปะคำ บุรีรัมย์ – พวก คดีทุจริตก่อสร้างถนนลาดยาง เอื้อประโยชน์ผู้จ้าง 

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติบุรีรัมย์ เผยแพร่มติคณะกรรมการชุดใหญ่ ชี้มูล ‘สาวิตร เจียมจิระพร' อดีตนายอำเภอปะคำ – พวก ทุจริตก่อสร้างถนนลาดยาง-ท่อเหลี่ยมบริเวณศูนย์การเรียนรู้ ตชด. เอื้อปย.ผู้จ้าง ให้ส่งสำนวน อสส.ฟ้องศาลดำเนินคดีอาญาแจ้งผู้บังคับบัญชาลงโทษวินัย-ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ เผยแพร่ข่าวคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติชี้มูลความผิด นายสาวิตร เจียมจิระพร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอปะคำ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ กับพวก กรณีทุจริตในการก่อสร้างถนนลาดยางและท่อเหลี่ยมบริเวณศูนย์การเรียนรู้ ตชด. ทรัพย์ทรายทอง และทางเชื่อมหมู่บ้าน หมู่ที่ 21 ตำบลโคกมะม่วง อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ ในปีงบประมาณ 2560

ระบุว่า คดีนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติมอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้น เพื่อดำเนินการไต่สวนเบื้องต้นกรณีกล่าวหานายสาวิตร เจียมจิระพร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอปะคำ อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ กับพวก ปรากฏข้อเท็จจริงโดยสรุป  ว่า อำเภอปะคำ ได้ดำเนินการโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดบุรีรัมย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ในโครงการพัฒนาศักยภาพศูนย์การเรียนรู้ ตชด. ทรัพย์ทรายทอง ในวงเงินงบประมาณ จำนวน 7,253,800 บาท ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e–bidding) เมื่อดำเนินการประกวดราคาแล้ว ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด โนนดินแดงเคหะ เป็นผู้ชนะการเสนอราคาด้วยราคาต่ำที่สุด จำนวน 6,746,000 บาท โดยโครงการฯ มีความยาว 2,083 เมตร กว้างเฉลี่ย 5,6 เมตร พร้อมงานวางท่อระบายน้ำ กำแพงผนังคอนกรีต และก่อสร้างท่อลอดเหลี่ยม ซึ่งการก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบแปลนการก่อสร้างและไม่ได้มาตรฐาน

หลังจากดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเพียง 2 เดือน ถนนได้เกิดความชำรุดเสียหาย และปรากฏพฤติการณ์ ในการเร่งรัดคืนหลักประกันสัญญาโดยไม่พิจารณาคุณภาพและมาตรฐานงานซ่อมแซมความชำรุดบกพร่องอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับจ้าง ทำให้ราชการเกิดความเสียหายขึ้น

คณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้

1. การกระทำของนายสาวิตร เจียมจิระพร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 82 (2) และมาตรา 83 (1) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1)

2. การกระทำของ พ.อ.อ. ชาลี แจ้งรัมย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางกิ่งแก้ว วัฒนะไกร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 82 (2) และมาตรา 83 (1) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1)

3. การกระทำของนายวิรัช เสถียร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ.2537 ข้อ 30 วรรคสาม ข้อ 33 วรรคสอง และข้อ 38 วรรคสอง

4. การกระทำของห้างหุ้นส่วนจำกัด โนนดินแดงเคหะ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10 และนางสาวอมรรัตน์ ขยันงาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 11 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

เบื้องต้น ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นายสาวิตร เจียมจิระพร พ.อ.อ. ชาลี แจ้งรัมย์ นางกิ่งแก้ว วัฒนะไกร นายชาญวิทย์ วงค์สัมพันธ์ชัย นายวิรัช เสถียร ห้างหุ้นส่วนจำกัด โนนดินแดงเคหะและนางสาวอมรรัตน์ ขยันงาน และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับ นายสาวิตร เจียมจิระพร พ.อ.อ. ชาลี แจ้งรัมย์ นางกิ่งแก้ว วัฒนะไกร นายชาญวิทย์ วงค์สัมพันธ์ชัย และนายวิรัช เสถียร ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป

ทั้งนี้ ให้แจ้งอำเภอปะคำ ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 82 วรรคสอง และให้แจ้งข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการกระทำของห้างหุ้นส่วนจำกัด โนนดินแดงเคหะ และนางสาวอมรรัตน์ ขยันงาน ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด โนนดินแดงเคหะ ไปยังกรมบัญชีกลาง เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้เป็นผู้มีลักษณะเป็นผู้ทิ้งงาน ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาทุกราย ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก