
รัฐบาลกัมพูชาจริงจังแค่ไหนในการปราบปรามศูนย์สแกมเมอร์ ในเวลาที่ถูกนานาประเทศกดดัน ?

ที่มาของภาพ : Reuters
Article Files
-
- Author, นงนภัส พัฒน์แช่ม
- Feature, ผู้สื่อข่าว.
14 ต.ค. รัฐบาลสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ประกาศร่วมกันคว่ำบาตรเครือข่ายศูนย์สแกมเมอร์ที่เชื่อมโยงกับนาย “เฉิน จื้อ” ชาวจีนสัญชาติกัมพูชา ผู้บริหารเครือบริษัท ปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป
สองวันต่อมา (16 ต.ค.) คิม จีนา รองรัฐมนตรีต่างประเทศลำดับที่สองของเกาหลีใต้ เดินทางไปถึงประเทศกัมพูชา เพื่อหารือถึงความร่วมมือในการจัดการกับกลุ่มสแกมเมอร์ หลังพบศwนักศึกษาวัย 22 ปีชาวเกาหลีใต้เสียชีวิตในบริเวณที่เคยมีรายงานว่าเป็นฐานที่ตั้งของกลุ่มสแกมเมอร์ในกัมพูชา ก่อนที่ต่อมาจะมีการส่งตัวชาวเกาหลีใต้ 59 คนที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลวงลวงออนไลน์กลับประเทศ
ท่ามกลางแรงกดดันจากนานาประเทศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา .พาย้อนสำรวจว่าที่ผ่านมาทางการกัมพูชาทำอะไรบ้างแล้วในการจัดการกับปัญหาสแกมเมอร์ และพวกเขาจริงจังแค่ไหนกับการแก้ปัญหานี้
นักวิชาการชี้ รัฐบาลกัมพูชามีส่วนเอื้อให้สแกมเมอร์ฝังรากลึกในกัมพูชา
“คำฟ้องของสหรัฐฯ และการคว่ำบาตรจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สะท้อนว่าที่ผ่านมารัฐบาลกัมพูชาไม่ได้ทำอะไรเลยเพื่อจัดการกับการลวงลวง และอันที่จริงพวกเขากลับสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อมาก ๆ ให้กับกลุ่มลวงลวงชาวจีนเข้ามาราวหนึ่งทศวรรษแล้ว” เจสัน ทาวเวอร์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสแห่งโครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (World Initiative towards Transnational Organized Crime) กล่าวกับ.
เขาบอกว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อาชญากรเหล่านี้ได้ฝังรากลึกและสร้างสายสัมพันธ์กับกลุ่มชนชั้นนำและเจ้าหน้าที่รัฐของกัมพูชา และรัฐบาลกัมพูชาก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการป้องกันไม่ให้อาชญากรเข้าไปฝังตัวหรือแทรกซึมอยู่กับรัฐ
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed studyingได้รับความนิยมสูงสุด
Discontinuance of ได้รับความนิยมสูงสุด
“ในอดีตที่ผ่านมา คุณจะเห็นได้ว่าเมื่อมีอาชญากรหลายคนถูกฟ้องร้องหรือเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะจากจีน พวกเขาก็จะเข้ามาและพวกเขาก็ได้รับสัญชาติกัมพูชา บางคนยังได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลด้วยซ้ำ บางคนก็ได้หนังสือรับรองทางการทูต” นายทาวเวอร์ระบุ
“ไม่มีการออกมาตรการใด ๆ ในการป้องกันการก่อการเช่นนี้ ผมหมายถึงว่า เหตุใดจึงมีรายงานว่ามีศูนย์สแกมเมอร์กว่า 200 แห่งทั่วประเทศล่ะ เหตุใด UNODC (สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ) หรือ USIP (สถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐฯ) และสถาบันวิจัยหรือหน่วยงานระดับนานาชาติอื่น ๆ ต่างก็ชี้ว่าขนาดเศรษฐกิจของการลวงลวงเหล่านี้ทำให้ภาคส่วนอื่น ๆ ในเศรษฐกิจของกัมพูชาดูเล็กไปเลยโดยเปรียบเทียบ”
“ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกัมพูชาล้มเหลวแค่ไหนในการจะทำอะไรสักอย่างจริง ๆ ที่ช่วยป้องกันไม่ให้อาชญากรเหล่านี้ฝักรากลึกอยู่ในประเทศและสั่งสมอิทธิพลเพื่อให้พวกเขาสามารถก่ออาชญากรรมได้โดยที่ไม่ต้องรับโทษ” ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสผู้นี้กล่าว

ที่มาของภาพ : Reuters
ด้าน ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี จากภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แสดงทรรศนะผ่านเฟซบุ๊กของเธอเมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) ตั้งคำถามเช่นกันถึงการดำเนินการของรัฐบาลกัมพูชาที่เธอมองว่า “ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น” กับเครือข่ายปรินซ์กรุ๊ปของนายเฉิน จื้อ ที่ถูกคว่ำบาตร
“การ sanction (คว่ำบาตร) ของสหรัฐฯ กับอังกฤษต่อเครือข่ายปรินซ์กรุ๊ปของเฉิน จื้อ ตลอดจนการ direct (ปฏิบัติ) กวาดจับโชว์ชาวโลก หลังถูกแรงกดดันจากรัฐบาลเกาหลี แม้จะทำให้กิจการอาชญากรรมของเครือข่ายนี้ชะงักไปชั่วขณะ แต่ภายในไม่กี่เดือนหลังจากนี้ เครือข่ายนี้จะกลับมาปฏิบัติการเหมือนเดิม” ศ.ดร.ปิ่นแก้ว ระบุในโพสต์ของเธอ
“จวบจนปัจจุบัน รัฐบาลกัมพูชายังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้นกับกลุ่มองค์กรนี้ นอกจากกวาดจับอุปกรณ์โชว์ไปวัน ๆ ไม่มีการประกาศให้เป็นอาชญากร ไม่มีการถอนสัญชาติ ถอนตำแหน่งที่ปรึกษา ตำแหน่งออกญาใด ๆ ทั้งสิ้น ในทางปฏิบัติ เฉิน จื้อ ยังคงเป็นพลเมืองกัมพูชา ที่เดินทางไปที่ใดก็ได้ และเครือข่ายของเขา ก็ยังคงทำงานได้เป็นปกติในกัมพูชา เพียงแต่ตอนนี้หลบไปให้เรื่องซาเสียก่อน เท่านั้น” เธอระบุ
ศาสตราจารย์ผู้ติดตามปัญหาสแกมเมอร์ในบรรดาประเทศเพื่อนบ้านของไทย ยังตั้งข้อสังเกตกรณีนี้โดยเทียบเคียงกับกรณีของ “จ้าวเหว่ย” และเครือข่ายอาชญากรรมของเขาในสามเหลี่ยมทองคำของลาวที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรไปเมื่อหลายปีก่อนเช่นกัน โดยระบุว่านอกจากเขาจะไม่ได้รับผลสะเทือนใด ๆ ยังได้รับรางวัลเกียรติยศต่าง ๆ จากรัฐบาลลาว และได้รับการยกย่องให้เป็นผู้สร้างคุณูปการทางเศรษฐกิจต่อประเทศ มีเพียงการกวาดล้างสแกมเมอร์ที่มาเช่าตึกของเขาเป็นระยะเพื่อลดแรงเสียดทานจากภูมิภาค
นอกจากนี้ เธอยังอ้างถึงเครือข่ายสแกมเมอร์ในเมืองชเวโก๊กโกและในเขตเคเคพาร์คของเมียนมา ที่ “ไม่เคยถูกประกาศให้เป็นอาชญากรใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะจากรัฐบาลเมียนมา หรือรัฐบาลไทย” ดังนั้นพวกเขาจึงยังสามารถเข้าออกเมียนมาและไทยได้อย่างสะดวก
“ถ้าถามว่าทำไม ก็เพราะเศรษฐกิจของเครือข่ายอาชญากรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐของประเทศเหล่านี้อย่างแกะไม่ออก ใครมันจะยอมทุบหม้อข้าวตัวเอง กรณีไทย ก็เป็นเช่นเดียวกันนั่นแหละ” เธอกล่าวสรุปในโพสต์ดังกล่าว
ข้อสรุปของ ศ.ดร.ปิ่นแก้ว จากท่าทีที่นิ่งเฉยของกัมพูชา ยังอ้างถึงคำให้สัมภาษณ์ของนายทัช สุขะ โฆษกกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา ที่กล่าวกับสำนักข่าวเอพี จากรายงานวันที่ 16 ต.ค. ว่า บริษัท ปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป ของนายเฉิน จื้อ ผ่านข้อกำหนดทางกฎหมายทุกประการในการดำเนินกิจการในกัมพูชา และสัญชาติกัมพูชาที่นายเฉินได้รับก็เป็นไปตามข้อกฎหมาย โดยกัมพูชาจะให้ความร่วมมือหากมีการร้องขอโดยมีหลักฐานสนับสนุน และจะ “ไม่ปกป้องบุคคลที่ละเมิดกฎหมาย” ซึ่งเขาเน้นย้ำว่ารัฐบาลกัมพูชายังไม่ได้กล่าวหาปรินซ์ โฮลดิง กรุ๊ป หรือนายเฉิน จื้อ ว่ากระทำความผิด
บทความนี้ประกอบด้วยเนื้อหาจาก Fb เราขอความยินยอมจากคุณก่อนใช้คุกกี้ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ บันทึกอะไรลงไป คุณอาจต้องอ่านนโยบายคุกกี้ของ Fb และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Fb ก่อนให้ความยินยอม หากต้องการอ่านเนื้อหานี้ โปรดเลือก “ยินยอมและไปต่อ”
ย้อนไปเมื่อ 26 มิ.ย. 2568 องค์กรที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่าง “แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล” (Amnesty Global) ได้เผยแพร่รายงานแจ้งเตือนถึง “วิกฤตด้านสิทธิมนุษยชน” ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการลวงลวงในกัมพูชามาตั้งแต่ปี 2565 โดยระบุว่าพวกเขาพบว่ามีศูนย์สแกมเมอร์อย่างน้อย fifty three แห่งที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่การค้ามนุษย์ การทรมาน การใช้แรงงานทาส ฯลฯ
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุด้วยว่า การตอบสนองที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลกัมพูชาและความล้มเหลวในการปฏิบัติตามภาระผูกพันในการป้องกันและสืบสวนวิกฤติสแกมเมอร์ สะท้อนให้เห็นถึงการยินยอมและสมรู้ร่วมคิดให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้น
รัฐบาลกัมพูชาทำอะไรไปแล้วบ้างเพื่อปราบสแกมเมอร์ ?
ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลกัมพูชาเกี่ยวกับการปราบปรามสแกมเมอร์ ปรากฏชัดในช่วงปี 2568 นี้เอง โดยตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568 รัฐบาลกัมพูชาประกาศตั้ง “คณะกรรมการปราบปรามการลวงลวงออนไลน์” (Fee for Combatting On-line Scams) ที่นำโดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และประกอบด้วยบุคคลสำคัญ ๆ ในรัฐบาลหลายคน อาทิ นายปรัก สุคน รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ, นายอูน พันธ์มุนีรัตน์ รมว.เศรษฐกิจและการคลัง, รวมถึงนายซาร์ สุขะ รมว.มหาดไทย นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหลายกระทรวง อาทิ กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม รวมถึงกองทัพกัมพูชาร่วมอยู่ด้วย จากการรายงานของ สำนักข่าวขแมร์ไทมส์ ในขณะนั้น
และในวันนี้ (21 ต.ค.) สำนักข่าวขแมร์ไทมส์ยังรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ตำรวจกัมพูชาได้บุกค้นสถานที่ต้องสงสัยว่ามีการดำเนินการลวงลวงทั้งหมด 92 แห่งทั่วประเทศ, จับกุมผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 3,455 คนซึ่งประกอบไปด้วยคนจาก 20 สัญชาติ, ดำเนินคดีไปแล้ว 10 คดีอาชญากรรมใหญ่ ๆ และเนรเทศชาวต่างชาติไปแล้ว 2,825 คน

ที่มาของภาพ : Getty Photography
นายเจสัน ทาวเวอร์ มองว่าปฏิบัติการตรวจค้นเช่นนี้ เป็นเพียงการ “พีอาร์” หรือการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกันในเมียนมา กัมพูชา และลาว
“มันมีความพยายามที่จะประชาสัมพันธ์ให้เห็นว่ากำลังมีการดำเนินการปราบปรามบางอย่างอยู่นะ แต่ผมคิดว่าทั่วทั้งสามประเทศนี้ คุณจะเห็นว่าเมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งถูกพาออกมาหรือถูกจับกุม ก็จะมีคนใหม่ ๆ ที่ถูกล่อลวงเข้าไปแทน” เขาระบุ
“หากคุณสังเกตที่ชายแดนเมียนมากับไทย ยกตัวอย่างนะ มีช่วงที่ผู้คนจำนวนมากได้ออกมา จากศูนย์สแกมเมอร์ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีหลายรายงานที่ระบุว่ามีคนใหม่ ๆ ถูกลวงเข้าไปยังศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้เช่นกัน รูปแบบที่คุณเห็นทั่วภูมิภาคในสามประเทศศูนย์กลางในวิกฤตการณ์ลวงลวงนี้ คือสิ่งที่รัฐบาล ของประเทศนั้น ๆ ต้องการจะสร้างเรื่องราวขึ้นมาว่าพวกเขากำลังทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อจัดการกับปัญหานี้”
“แต่ในความเป็นจริงแล้ว… ค่าใช้จ่ายในสิ่งที่เรียกว่า ‘การรณรงค์บังคับใช้กฎหมาย' เหล่านี้บางครั้ง มักจะถูกคำนวณอยู่ในแผนธุรกิจอยู่แล้ว ผมหมายถึงว่า นี่คือกิจการที่สร้างผลกำไรได้อย่างเหลือเชื่อ ดังนั้นกลุ่มเครือข่ายสแกมเมอร์จึงยอมเสียคนบางคนไปได้” นายทาวเวอร์กล่าว
เขายังเปิดเผยด้วยว่าในหลาย ๆ ครั้งที่มีการปล่อยคนออกจากศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้ มักจะมีกระบวนการเจรจาต่อรอง และกลุ่มเครือข่ายขบวนการก็ได้ค่าไถ่หรือเงินจำนวนหนึ่งกลับคืนมาเมื่อเขาปล่อยคนบางคนออกไป

ที่มาของภาพ : Reuters
รัฐบาลกัมพูชาควรทำอย่างไรต่อไป เพื่อปราบเครือข่ายสแกมเมอร์ ?
“ผมคิดว่าพวกเขาจะต้องเริ่มทำความสะอาดครั้งใหญ่เลย” ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสแห่งโครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ตอบคำถาม. “พวกเขาต้องเริ่มปิดอาคารเครือข่ายสแกมเมอร์ต่าง ๆ และอาจจะดูตัวอย่างสิ่งที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ทำตอนที่เผชิญปัญหาเครือข่ายสแกมเมอร์ก็ได้”
ทาวเวอร์อธิบายเพิ่มเติมว่า ในช่วงเวลาที่เครือข่ายสแกมเมอร์เข้าไปซุกซ่อนอยู่ในแหล่งการพนันของฟิลิปปินส์ มีการระดมกองทัพและตำรวจฟิลิปปินส์เข้าไปยึดศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้ จับกุมบุคคลสำคัญในขบวนการ และฟ้องดำเนินคดีกับเขา ซึ่งกัมพูชาอาจเริ่มจากการเข้าไปรื้อโครงสร้างพื้นฐานของขบวนการสแกมเมอร์ ซึ่งก็เคยมีตัวอย่างที่ดีให้เห็นแล้วจากการจัดการกับปัญหานี้ของฟิลิปปินส์
“จะต้องมีความพยายามอย่างรัดกุมในการเข้าไปรื้อถอนโครงสร้างต่าง ๆ เหล่านี้ หาวิธีการที่จะทำให้ผู้กระทำความผิดต้องรับผิดชอบ รวมถึงจับกุมผู้กระทำผิด ชนชั้นนำบางคน ที่ให้การรักษาความปลอดภัย ทำให้กลุ่มขบวนการเหล่านี้สามารถตั้งโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ได้ทั่วประเทศ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องพิจารณาในการดำเนินการ” นายทาวเวอร์ให้ความเห็น
ทิศทางหลังถูกระดมกดดันจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้
ภายหลังเผชิญแรงกดดันจากรัฐบาลเกาหลีใต้ ที่จัดตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อติดตามการทำงานของทางการกัมพูชา เร่งนำชาวเกาหลีใต้ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งสแกมเมอร์กลับประเทศ รวมถึงกำหนดบางพื้นที่ในประเทศกัมพูชาให้เป็น “เขตห้ามเดินทาง” สำหรับชาวเกาหลีใต้ ทางการกัมพูชาประกาศเตรียมตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกชุดเพื่อร่วมมือกับเกาหลีใต้ในการปราบปรามสแกมเมอร์
จากการเปิดเผยของนายซาร์ สุขะ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยของกัมพูชา ผ่านทางเฟซบุ๊กของเขาเมื่อ 17 ต.ค. นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงหลังการพบกันระหว่างเขากับ คิม จีนา รองรัฐมนตรีต่างประเทศลำดับที่สองของเกาหลีใต้ โดยกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาร่วมกับทางการเกาหลีใต้ จะก่อตั้ง “คณะทำงานเฉพาะกิจ” เช่นเดียวกับที่กัมพูชาเคยตั้งร่วมกับประเทศอื่น ๆ มาแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อ “เร่งรัดการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามกลุ่มลวงลวงออนไลน์”
โดยข้อตกลงกับเกาหลีใต้ยังรวมถึงการที่ทางการเกาหลีจะส่งรายชื่อเป้าหมายอาชญากร รวมถึงชาวต่างชาติที่เป็นผู้บงการปฏิบัติการลวงลวงออนไลน์ต่าง ๆ ให้กับกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาเพื่อตรวจสอบทางกฎหมายและขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์ห้ามเข้าประเทศด้วย จากการเปิดเผยของ รมว.มหาดไทยกัมพูชา

ที่มาของภาพ : Sar Sokha/Fb
ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสแห่งโครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ มองการเข้ามามีส่วนร่วมของเกาหลีใต้ในการกดดันกัมพูชา ว่าเป็นท่าทีที่น่าจะทำให้การปราบปรามสแกมเมอร์เกิดผลมากขึ้น เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่ามีหลายประเทศที่เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นในการพยายามจัดการกับอันตรายจากสแกมเมอร์ ซึ่งหากปล่อยให้รัฐบาลกัมพูชาดำเนินการต่าง ๆ โดยลำพัง เขาคิดว่า “คุณจะไม่ได้เห็นกัมพูชาดำเนินการใด ๆ หรอก”
“ผมคิดว่า เกาหลีใต้ ก็มีบทบาทสำคัญ ผมว่ามันน่าสนใจที่จะติดตามต่อว่าสหรัฐฯ กับสหราชอาณาจักรอาจร่วมมือกับเกาหลีอย่างไร เมื่อทั้งสามประเทศต่างก็ได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ และสิ่งที่ผมเห็นแล้วก็คือ เกาหลีเริ่มแช่แข็งเงินทุนบางส่วนที่อาจเข้าสู่ธนาคารที่ถูกคว่ำบาตรอย่างธนาคารปรินซ์ (Prince Monetary institution) เกาหลีได้ระงับทรัพย์สินเหล่านี้บางส่วน มันจึงดูเหมือนว่าอาจไปเพิ่มความร่วมมือลักษณะนี้ได้ขึ้นอีกเล็กน้อย ซึ่งผมคิดว่าจะเป็นวิธีการหนึ่งในการร่วมมือกันปราบปรามและส่งสัญญาณไปยังประเทศศูนย์กลางเหล่านี้”
“ผมคิดว่ามีแนวโน้มที่เราจะได้เห็นความพยายามที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น ในการเริ่มรื้อโครงสร้างพื้นฐานของกลุ่มสแกมเมอร์เหล่านี้” นายทาวเวอร์กล่าว
เขายังเสริมด้วยว่า หากความพยายามของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ ได้รับการส่งเสริมด้วยการดำเนินการที่คล้ายกันจากกลุ่มประเทศอาเซียนในวงกว้าง ก็จะยิ่งมีส่วนช่วยด้วย เพราะกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ไม่ได้ผูกติดอยู่กับประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่พวกเขาทำงานอยู่ทั่วภูมิภาค ซึ่งนอกจากในประเทศศูนย์กลางสแกมเมอร์ทั้งสามประเทศแล้ว พวกเขาก็กำลังสร้างสายสัมพันธ์ไปทั่วโลก และพยายามหาที่ใหม่ ๆ เช่นในศรีลังกา ติมอร์-เลสเต หรือเนปาล
“กลุ่มอาชญากรเหล่านี้กำลังสำรวจไปทั่วโลกเพื่อหาสถานที่ใหม่ ๆ ที่พวกเขาสามารถขยายฐานไปได้ สถานที่ที่พวกเขาสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการลวงลวงออนไลน์ซึ่งสร้างผลกำไรได้มากมายต่อไป ตลอดจนพัฒนารูปแบบของการลวงลวงแบบใหม่ที่อันตรายยิ่งขึ้นและสามารถขโมยเงินจากผู้คนได้รวดเร็วขึ้น” นายทาวเวอร์กล่าว
ที่มา BBC.co.uk