
‘พิพัฒน์’ เพิ่มโจทย์ไฮสปีด 3 สนามบิน ชงซี.พี.ก่อสร้างให้ถึง ‘ตราด’ ชี้เป็นออปชั่นเสริม ยังไม่ชัดสัญญาใหม่หรือสัญญาต่อเนื่อง รอนัดหารือ EEC ต้นเดือน พ.ย.นี้
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 22 ตุลาคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท เบื้องต้น ได้คุยกับทีมงานของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) แล้ว ถ้าหากทางผู้ประกอบการคือ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (ซี.พี.) ต้องการอะไรก็ให้นำเสนอมา แต่ที่สำคัญได้ให้นโยบายไปว่า เส้นทางที่เชื่อมโยงแค่ 3 สนามบิน ความคุ้มค่าอาจจะไม่พอ แต่ถ้าต่อไปถึงจ.ตราด ซึ่งจะพาดผ่านจ.ระยอง จันทบุรี และตราด แถมเป็นแหล่งท่องเที่ยวในภาคตะวันออกด้วย ถ้าไปถึงตรงนั้น จะช่วยดึงแรงจูงใจในการใช้บริการมากขึ้น ถ้าผู้ประกอบการรับทราบ ก็จะหารือกันว่าเป็นไปได้ไหม? ถ้าคุณ (ซี.พี.) รับทราบ ก็จะหารือว่า ถ้าก่อสร้างตรงนี้เพิ่ม พอจะเป็นออปชั่นที่จะหารือกันอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะต้องเพิ่มเติมอะไร ก็ขอให้ได้ข้อสรุปในวงประชุมก่อน
เมื่อถามว่า การเสนอให้ทำต่อขยายไปถึงจ.ตราด จะถือเป็นการทบทวนหลักการแก้ไขสัญญาที่เคยอนุมัติ 5 ข้อก่อนหน้านี้หรือไม่ นายพิพัฒน์กล่าวว่า การแก้สัญญายังทำไม่ได้ เพราะสัญญาเดิมมีอยู่ การทำส่วนต่อขยายนี้เป็นเพียงออปชั่นที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ถ้ามีออปชั่นใหม่ ซี.พี.จะรับไหม แล้วถ้ามีออปชั่นใหม่นี้ ซี.พี.ต้องเพิ่มผลตอบแทนให้รัฐอย่างไร และทางรัฐโดยกระทรวงคมนาคมจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ก็คงต้องอยู่ในการเจรจา
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.หรือบอร์ด EEC) เคยเห็นชอบหลักการแก้สัญญา 5 ข้อไปแล้ว การที่กระทรวงคมนาคมเสนอให้ก่อสร้างส่วนต่อขยายไปถึง จ.ตราด จะต้องทบทวนหลักการเดิมที่บอร์ด EEC เคยเห็นชอบไว้หรือไม่ นายพิพัฒน์กล่าว อย่างไรก็ต้องหารือสำนักงานอัยการสูงสุดก่อน เพราะถ้าอัยการสูงสุดไม่เห็นชอบด้วย ก็ต้องเดินตามสิ่งที่สำนักงานอัยการสูงสุดวินิจฉัย
เมื่อถามว่า เดิมมีการศึกษาและเป็นอีกโครงการหนึ่งไปแล้ว แสดงว่าจะยกให้ซี.พี.ก่อสร้างใช่หรือไม่ นายพิพัฒน์กล่าวว่า อย่างที่กล่าวว่า ตรงนี้จะเรียกว่าส่วนเสริม เพื่อเป็นองค์ประกอบว่า ถ้าต่อขยายไป จะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ กี่เปอร์เซ็นต์ และจะเสนอผลประโยชน์ให้รัฐเพิ่มได้เท่าไหร่ แต่เพียงเป็นแนวทางสร้างแรงจูงใจให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น
ส่วนจะนัดหมาย EEC เมื่อไหร่ นายพิพัฒน์กล่าวว่า คาดว่าไม่เกินต้นเดือน พ.ย.นี้ ยืนยันว่า เงื่อนไขคงเดิม แต่ประเด็นนี้จะเป็นออปชั่นเสริมและมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ปัจจุบันอาจจะไม่คุ้มค่า แต่ถ้าไปจนสุดก็อาจจะเกิดความคุ้มค่าได้ ส่วนจะเป็นสัญญาใหม่หรือไม่ ก็อาจจะใช่ หรือจะเป็นสัญญาต่อเนื่องก็ได้ แต่ขอหารือกันก่อน และให้รฟท.ศึกษาความเป็นไปได้ก่อน ในยุคผมต้องได้ข้อสรุป และยืนยันว่าไม่ได้เอื้อเอกชน เป็นการเพิ่มออปชั่นให้เท่านั้น
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )