
รัฐบาลขอประชาชนร่วมไว้ทุกข์ 90 วัน และขอความร่วมมืองดหรือลดงานรื่นเริง 30 วัน
ที่มาของภาพ : THAI NEWS PIX
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.กระทรวงมหาดไทย เผยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ข้าราชการ-เจ้าหน้าที่รัฐ ไว้ทุกข์ 1 ปี ส่วนประชาชนขอให้ร่วมไว้อาลัย 90 วัน ขณะที่รองโฆษกรัฐบาลบอกว่า ขอความร่วมมือจากภาคธุรกิจบันเทิง สถานบันเทิง และสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรมเพื่อความบันเทิงเป็นระยะเวลา 30 วัน
วันนี้ (25 ต.ค.) มีการประชุม ครม. นัดพิเศษ เพื่อหารือกรอบงานพระราชพิธีหลังสำนักพระราชวังประกาศว่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต เมื่อคืนวานนี้
นายอนุทิน เปิดเผยก่อนเข้าประชุม ครม. ว่า “เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศ” และวันนี้คณะรัฐมนตรีจะประชุมเพื่อเตรียมงานพระราชพิธีอย่างสมพระเกียรติ โดยจะเตรียมการทุกอย่างให้เรียบร้อย
หลังการประชุมเสร็จสิ้น นายอนุทินเปิดเผยว่า ครม. มีมติเห็นชอบให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ และสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. เป็นต้นไป
ส่วนข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ไว้ทุกข์เป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. เป็นต้นไปเช่นกัน
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด
of ได้รับความนิยมสูงสุด
สำหรับประชาชนทั่วไป ขอให้ร่วมไว้อาลัย 90 วัน พร้อมขอความร่วมมือเกี่ยวกับการแต่งกายในช่วงระยะเวลาการไว้อาลัย
“ส่วนพี่น้องประชาชนขอให้ร่วมมือแต่งกาย ถ้าแต่งสีดำไม่ได้ก็ขอให้เป็นโทนสีไม่ฉูดฉาด ถ้าแต่งได้ก็ขอให้ทำถวายท่านเป็นระยะเวลา 90 วัน อันนี้คือคำขอของนายกฯ ต่อพี่น้องประชาชน” นายอนุทิน กล่าว
ส่วนการจัดงานรื่นเริงนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงต้องขอความร่วมมือจากงานคอนเสิร์ตต่าง ๆ แต่จะพยายามหาทางออกให้เหมาะสมโดยไม่มีผลกระทบ “ซึ่งต้องอิงวัฒนธรรมประเพณีของเราด้วย”
ที่มาของภาพ : ราชกิจจานุเบกษา
ในเวลาเดียวกัน น.ส.ลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รัฐบาลขอความร่วมมือจากภาคธุรกิจบันเทิง สถานบันเทิง และสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรมเพื่อความบันเทิงเป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาแห่งความอาลัยของปวงชนชาวไทย
ทั้งนี้ สำหรับกิจกรรมที่ได้ดำเนินการเตรียมการไปแล้ว ขอให้ผู้จัดพิจารณาปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับกาลเทศะ ส่วนกิจกรรมที่ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ ขอให้พิจารณาเลื่อนการจัดออกไปก่อน จนกว่าช่วงเวลาแห่งความอาลัยจะสิ้นสุดลง โดยให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงความเหมาะสม ความสำรวม และความเคารพต่อพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุด
รองโฆษกรัฐบาล ระบุว่าข้าราชการและหน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการตามมาตรการไว้ทุกข์อย่างเป็นทางการแล้ว ส่วนประชาชนและภาคเอกชนสามารถร่วมแสดงความอาลัยได้ตามความเหมาะสม
“รัฐบาลขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกันรักษาบรรยากาศแห่งความสงบเรียบร้อย เพื่อแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระพันปีหลวง” นางสาวลลิดา กล่าว
ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เผยกำหนดการพระราชพิธีพระศw
ด้าน น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าตามที่ได้มีประกาศสํานักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ลงวันที่ 24 ต.ค. 2568 นั้น รัฐบาลได้รับทราบด้วยความโทมนัสอย่างยิ่ง จึงเห็นสมควรประกาศ ดังต่อไปนี้
1. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป
2. ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสถานบันเทิงและสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรม เพื่อความบันเทิง ตามความเหมาะสม เป็นระยะเวลา 30 วัน
เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระศw สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้
- (1) เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศwสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค. 2568 เวลา 08.00 น. ถึง เวลา 12.00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง
- (2) มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการแต่งตั้ง คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระศwสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการและกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นองค์ที่ปรึกษา รวมทั้งให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เช่น ฝ่ายอำนวยการจัดงานพระราชพิธี ฝ่ายจัดการพระราชพิธี ฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้าง ราชรถ พระยานมาศ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายรักษา ความปลอดภัย และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้าฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 100 วัน เป็นประจำทุกวัน
- (3) มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบ พิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ (2)
- (4) มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดผลัดเวรเฝ้า ฯ ของคณะรัฐมนตรี ไปเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี
- (5) มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครจัดกิจกรรม ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อให้ประชาชนร่วมในการถวายสักการะแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง
- (6) มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์รับไปดำเนินการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่อง และประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย
นายกฯ ขอมาเลเซียขยับเวลาลงลงนามประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา พรุ่งนี้
นายอนุทินยังกล่าวถึงกำหนดการเดินทางไปยังมาเลเซียเพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (Asean Summit) ซึ่งมีกำหนดเดินทางวันนี้ (25 ต.ค.) ว่าได้ยกเลิกไปแล้ว แต่กำหนดการในวันอาทิตย์ (26 ต.ค.) ซึ่งจะมีพิธีลงนามในประกาศความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา เพื่อกำหนดแนวทางไปสู่สันติภาพ โดยมี ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และผู้นำมาเลเซีย เป็นสักขีพยานนั้น
นายอนุทินกล่าวว่า ได้ขอให้ทางมาเลเซียเลื่อนเวลาของการลงนามในช่วงเช้า จากเดิมกำหนดไว้ที่เวลา 16.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นมาเลเซีย ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชม. หากขยับเวลาได้จะเดินทางไปและจะกลับมาให้ทันพระราชพิธีเคลื่อนพระศwในช่วงเย็นที่ประเทศไทย
ส่วนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่เมืองคย็องจู ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 28 ต.ค. ถึงวันที่ 1 พ.ย. นี้ นายกฯ กล่าวว่า หากไม่มีประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งยวดที่ผู้นำต้องไปหารือ ได้ขอมติจากที่ประชุม ครม. ให้นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.กระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเข้าร่วมประชุมแทน
ตำรวจเผยกำหนดการเคลื่อนพระศw 16.00 น. พรุ่งนี้
ที่มาของภาพ : ROYAL THAI POLICE
ในวันเดียวกันนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้แจ้งเส้นทางขบวนเคลื่อนพระศwสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปยังพระบรมมหาราชวัง ซึ่งมีกำหนดการวันพรุ่งนี้ (26 ต.ค.) ในเวลา 16.00 น.
กำหนดการระบุว่าจะใช้เส้นทาง ออกจาก รพ. จุฬาลงกรณ์ เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.อังรีดูนังต์ จากนั้นเลี้ยวขวาออกเส้น ถ.พระราม 4 พอถึงแยกสามย่าน เลี้ยวขวาเข้า ถ.พญาไท
ต่อจากนั้น แยกพญาไทเลี้ยวซ้ายเข้า ถ.ศรีอยุธยา ผ่าน 901 แลนด์ (901 Land) ผ่าน วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้า ถ.ราชดำเนิน ระยะทางประมาณ 10 กม. คาดว่าใช้เวลาประมาณ 20 นาที
นานาประเทศร่วมแสดงความไว้อาลัย
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงมีพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยอย่างสุดซึ้ง ต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระราชสาส์นระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ และประชาชนแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ร่วมไว้อาลัยกับราชอาณาจักรไทยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง
“สมเด็จพระราชชนนีฯ ทรงเป็นพระราชินีที่เป็นที่รักยิ่ง ผู้ทรงอุทิศwระชนมชีพเพื่อการรับใช้และความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกร พระเมตตา ความเสียสละ และพระราชกรณียกิจอันไม่รู้เหน็ดเหนื่อยในการยกระดับชุมชนและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ทำให้พระองค์ทรงเป็นดั่งแสงนำทางของชาติ และเป็นสัญลักษณ์อันเป็นที่รักของจิตวิญญาณแห่งแผ่นดิน”
พระราชสาส์น ยังระบุด้วยว่า สมเด็จพระราชชนนีฯ จะทรงเป็นที่ระลึกด้วยความเคารพและความรักอย่างสุดซึ้ง และพระราชกรณียกิจของพระองค์จะยังคงดำรงอยู่ในความงดงามของประเพณีไทย และในหัวใจของประชาชนชาวไทย รวมถึงผู้คนทั้งหลายที่เคยได้รับสัมผัสจากพระองค์
ที่มาของภาพ : THAI NEWS PIX
ด้านสมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ส่งหนังสือแสดงความอาลัย ถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ต่อการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ระบุว่า ในนามของรัฐบาลและประชาชนในนามของรัฐบาลและประชาชนแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อรัฐบาลและประชาชนไทย ต่อการสูญเสียอันใหญ่หลวงและไม่อาจทดแทนได้ของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงผู้เป็นที่รักยิ่งของชาติไทย
“ข้าพเจ้าและประชาชนชาวกัมพูชาขอส่งความระลึกถึงและคำอธิษฐานไปยังพระบรมวงศานุวงศ์ในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าอันยิ่งใหญ่นี้”
หนังสือแสดงความอาลัยของผู้นำกัมพูชา ระบุต่อว่า สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงจะทรงเป็นที่ระลึกด้วยความเคารพและความชื่นชมอย่างสูงสุด สำหรับพระราชกรณียกิจตลอดพระชนมชีพที่ทรงอุทิศเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนชาวไทย พระราชดำริในการอนุรักษ์และส่งเสริมงานหัตถกรรมและวัฒนธรรมไทย รวมถึงพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการพัฒนาชนบท ได้สร้างคุณูปการอันล้ำค่าและจะยังคงเป็นแรงบันดาลใจแก่ชนรุ่นหลังต่อไป
ตลอดทั้งวัน พบว่าสถานทูตประเทศต่าง ๆ ในไทยต่างโพสต์ข้อความถวายความอาลัยพระบรมราชชนีพันปีหลวงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นสถานเอกอัครราชทูตของเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ อังกฤษ ยูเครน เป็นต้น
นายมาร์ค กูดดิง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ (X) ว่า ประชาชนชาวอังกฤษต่างรู้สึกเศร้าเสียใจอย่างยิ่งเมื่อได้รับทราบข่าวการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง
“ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ พระบรมวงศานุวงศ์ และประชาชนชาวไทย” เขากล่าวในโพสต์
“สูญเสียแม่ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย” นายกฯ แถลงการณ์ผ่าน ทรท.
นายอนุทิน ยังแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต โดยมีใจความสำคัญว่า วันที่ 24 ตุลาคม 2568 เป็นวันที่ปวงชนชาวไทย ไม่ปรารถนาให้มาถึงเพราะเป็นวันที่สร้างความโทมนัส และความสูญเสียอันยิ่งใหญ่มายังพสกนิกรชาวไทยทุกคน เมื่อได้ทราบจากแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จสวรรคต ด้วยพระอาการสงบ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริพระชนมพรรษา 93 พรรษา
ในเวลานี้ มีแต่เสียงสะอื้นไห้ดังก้องอยู่ในหัวใจของปวงชนชาวไทยทั่วทั้งแผ่นดิน ดวงใจของพสกนิกรถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความโศกเศร้า ความอาดูรที่ไม่อาจหาคำใดมาทดแทนได้ เพราะพระองค์ท่านทรงเป็นทั้งแรงบันดาลใจ ความรัก และความเมตตาอันเป็นนิรันดร์ การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ถือได้ว่าเป็นการสูญเสีย “แม่ผู้ยิ่งใหญ่ของแผ่นดินไทย” ที่ประชาชนทุกคนต่างรักและเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม
“สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเป็นมิ่งขวัญ เป็นที่เทิดทูนสักการะของปวงชนชาวไทย ทั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีของพระมหากษัตริย์ที่สุดแสนประเสิรฐ เป็นหลักชัยของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า สมดั่งพระราชอิสริยยศที่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระปรีชาและพระวิริยอุตสาหะมาตลอดรัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โครงการในพระราชดำริ ทั้งด้านศิลปาชีพ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการสาธารณสุข ล้วนก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีของราชอาณาจักรไทยที่เป็นความภาคภูมิใจของพสกนิกรชาวไทย และเป็นที่ยอมรับ ชื่นชมในพระปรีชาสามารถจากนานาอารยประเทศ”
ที่มาของภาพ : ทำเนียบรัฐบาล
นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินการจัดงานพระบรมศwอย่างสมพระเกียรติ และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ร่วมใจแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกจิตอันเป็นบุญกุศล ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมทั้งใช้พลังความรัก ความสามัคคี และความจงรักภักดีของพวกเราชาวไทย ถวายเป็นกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงค์ทุกพระองค์ ในห้วงเวลาแห่งความโศกเศร้านี้ โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ
“กระผม ในนามรัฐบาล และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ขอน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และขอตั้งจิตอธิษฐาน ขอส่งเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ทรงสถิตสถาพรในทิพยวิมาน และขอให้ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณปกเกล้าปกกระหม่อมให้ราชอาณาจักรไทย และปวงชนชาวไทย ผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ท่านให้มีความผาสุขร่มเย็นภายใต้ร่มพระบารมีแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ดังที่เคยเป็นตลอดมา”
นายอนุทินกล่าวต่อไปว่า “ท้ายที่สุดนี้ ในนามของพสกนิกรชาวไทย ขอถวายพระพรชัยมงคลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี และพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ให้ทรงมีพระราชหฤทัยที่เข้มแข็ง สถิตย์เป็นมิ่งขวัญ ปกเกล้าปกกระหม่อมอาณาประชาราษฎร์ และราชอาณาจักรไทย ให้มีความสุขสวัสดิ์สถาพรตลอดกาลนาน”
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทินพร้อมคณะ เตรียมออกเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในเย็นวันนี้ เพื่อร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องในวันพรุ่งนี้ (26 ต.ค.)
นายสิริพงศ์ กล่าวด้วยว่านายอนุทินมีกำหนดพบหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ก่อนเข้าร่วมพิธีลงนามในประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ว่าด้วยแนวทางการบริหารจัดการชายแดนเพื่อนำไปสู่ความสงบเรียบร้อยของสองประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน
แนวปฏิบัติการออกอากาศจาก กสทช.
ขณะเดียวกัน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าววันนี้ (25 ต.ค.) ว่า เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและความไว้อาลัยต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงขอให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ ดำเนินการตามแนวปฏิบัติ ดังนี้
1. การเชื่อมโยงสัญญาณ
- 1.1 กรณีที่มีการถ่ายทอดสดพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล และพระราชพิธีต่าง ๆ จากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ให้ทุกสถานีเชื่อมโยงสัญญาณในทันที
- 1.2 กรณีที่มีการถ่ายทอดสดการเสด็จของพระบรมวงศานุวงศ์หรือกษัตริย์ต่างประเทศมาร่วมในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลจากสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ให้สถานีโทรทัศน์ในระบบภาคพื้นดิน สลับสับเปลี่ยนกันเชื่อมโยงสัญญาณ
2. การออกอากาศรายการของสถานีให้นำเอารายการปกติมาออกอากาศได้ โดยให้คำนึงถึงความเหมาะสมของรายการ และเพื่อเป็นการร่วมแสดงความอาลัย ตลอดจนปรับบรรยากาศและความรู้สึกของประชาชนให้เป็นไปตามลำดับ จึงเห็นควรกำหนดระดับความเหมาะสมของรายการที่จะนำมาออกอากาศในแต่ละห้วงเวลา ดังนี้
- 2.1 ระหว่างวันที่ 25-30 พ.ย. 2568 สามารถนำเอารายการที่มีระดับความเหมาะสำหรับปฐมวัย (ป) สำหรับเด็ก (ด) รายการทั่วไป (ท) และสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป (น13) มาออกอากาศได้ ทั้งนี้ ไม่ควรมีเนื้อหาลักษณะตลก เฮฮา ความรุนแรง เรื่องทางเพศ การใช้ถ้อยคำหยาบคาย
- 2.2 ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 2568 ถึงวันที่ 25 ก.พ. 2569 สามารถนำเอารายการที่มีระดับความเหมาะสมสำหรับปฐมวัย (ป) สำหรับเด็ก (ด) รายการทั่วไป (ท) และสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป (น13) สำหรับผู้ชมที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป (น18) มาออกอากาศได้ ทั้งนี้ ขอให้พิจารณาเนื้อหาที่มีความเหมาะสม โดยหลีกเลี่ยงเนื้อหา รายการที่มีความรื่นเริง เฮฮา ความรุนแรง เรื่องทางเพศ การใช้ถ้อยคำหยาบคาย
- รายการเฉพาะไม่เหมาะสมสำหรับเด็กและเยาวชน (ฉ) ขอให้ออกอากาศหลังจากวันที่ 25 ก.พ. 2569
3. กรณีข่าวในพระราชสำนัก ให้ผู้ประกาศข่าวแต่งกาย โทนสีดำ ขาว (เน้นสีดำ) สุภาพ ทรงผมสุภาพเรียบร้อย ตลอดจนปรับโทนสีของรายการ และองค์ประกอบให้เป็นโทนสีดำ ขาว เป็นระยะเวลา 1 ปี ตามประกาศสำนักพระราชวัง
4. การแต่งกายของพิธีกร ผู้ดำเนินรายการ ผู้ประกาศ ให้อยู่ในโทนสีดำ ขาว (เน้นสีดำ) สุภาพ ทรงผมควรเรียบร้อย สีหน้า ท่าทาง กิริยา วาจา น้ำเสียงขอให้สำรวม ส่วนในกรณีผู้ร่วมรายการ ขอให้งดสีฉูดฉาด และมีลวดลาย โดยพิจารณาตามความเหมาะสม
5. การปรับโทนสีของของรายการ และองค์ประกอบฉาก ลดโทนสีเพื่อแสดงถึงการถวายความอาลัย ทั้งนี้ รวมถึงเนื้อหา และรายการที่นำมาจากต่างประเทศ
6. การปรับโทนสีของตราสัญลักษณ์ของสถานี หรือ โลโก้ (LOGO) ควรปรับโทนสีเป็นขาวดำ ทั้งนี้ เมื่อมีการกำหนดตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีกำหนด ให้ตราสัญลักษณ์งานพระราชพิธีอยู่มุมบนขวาของจอ และให้ปรับตราสัญลักษณ์ของสถานีหรือโลโก้อยู่มุมล่างขวาของจอ
7. การออกอากาศโฆษณาให้เป็นไปตามแนวทางการออกอากาศเนื้อหารายการตามข้อ 2-5
8. ในระยะเริ่มแรก หากมีความจำเป็น และไม่อาจปฏิบัติตามข้อ 2-4 ให้ออกอากาศโดยมีองค์ประกอบฉากและเนื้อหารายการตามปกติ โดยให้ขึ้นถ้อยคำว่า “บันทึกเทปก่อนวันที่ 25 ต.ค. 2568
ทาง กสทช. ระบุว่า ให้ถือปฏิบัติทันทีจนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลง และหากมีแนวปฏิบัติอื่น ๆ ทางหน่วยงานจะแจ้งให้ทราบโดยทันที
ที่มา BBC.co.uk












