ข้อสงสัย อมงบ-เลี่ยงระบบจัดซื้อ-ล็อกสเปกของ: คำชี้แจงของ ‘กันจอมพลัง' ทำให้เกิดคำถามอะไรบ้างต่อกองทัพบก

ที่มาของภาพ : FACEBOOK/กันจอมพลังช่วยสู้,ทีมโฆษกกองทัพบก

จากซ้ายไปขวา: นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กันจอมพลัง และ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.)

Article Data

    • Author, จิราภรณ์ ศรีแจ่ม
    • Role, ผู้สื่อข่าว.

ยิ่งฟังชี้แจงยิ่งเกิดคำถามกลับไปที่กองทัพบก อาจเป็นการสรุปภาพรวมสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (30 ต.ค.) ได้ดีที่สุด

วันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา กมธ.การทหารฯ ซึ่งมีนายเอกราช อุดมอำนวย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน เป็นประธาน เชิญนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กันจอมพลัง และ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) เข้าชี้แจงในการประชุมพิจารณาวาระการบริหารทรัพยากรกองทัพในเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยทั้งคู่เข้าชี้แจงต่อ กมธ.การทหารฯ ผ่านระบบการประชุมแบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

ประเด็นหลัก ๆ ที่ทาง กมธ.การทหารฯ ต้องการคำชี้แจงจากกันจอมพลังและกองทัพบก คือ กิจกรรมของพลเรือนในพื้นที่ข้อพิพาทและพื้นที่ความมั่นคง โดยต้องการทราบว่าการปล่อยให้มีบุคคลภายนอกซึ่งเป็นพลเรือนเข้าไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาทนั้น เป็นมาตรการในส่วนใดของฝ่ายความมั่นคง และจริง ๆ แล้วสามารถปล่อยให้บุคคลภายนอกทำกิจกรรมเช่นนี้ได้หรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข้อกังวลเรื่องการใช้สื่อและการสร้างภาพลักษณ์โดยบุคคลภายนอก ที่อาจกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ รวมถึงทำให้สาธารณะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือไม่

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ คือการสอบถามเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลนสิ่งของในหลายด้าน เช่น ยุทโธปกรณ์ ยุทธภัณฑ์ บังเกอร์ อาหาร ฯลฯ ซึ่งทาง กมธ.การทหารฯ เห็นทางกันจอมพลังโพสต์ขอบริจาคผ่านหน้าเฟซบุ๊กเป็นระยะ ๆ ทั้งที่กองทัพบกชี้แจงมาโดยตลอดว่างบประมาณความมั่นคงมีมากพอ และสามารถนำมาบริหารจัดการได้อย่างทันท่วงที

ทาง กมธ.การทหารฯ บอกว่าการเชิญบุคคลทั้งสองมาเข้าร่วมประชุม เป็นเพราะต้องการตรวจสอบและทำความเข้าใจปัญหาเชิงระบบ โดยเฉพาะเรื่องการจัดการงบประมาณด้านความมั่นคง ความโปร่งใสในการรับบริจาคยุทธภัณฑ์ และความเหมาะสมในการให้พลเรือนเข้าทำกิจกรรมในพื้นที่ทางยุทธวิธี

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed readingได้รับความนิยมสูงสุด

Stop of ได้รับความนิยมสูงสุด

กันจอมพลังระบุ บริจาคยุทโธปกรณ์ตามที่หน่วยงานรัฐขอมา มูลนิธิมีความคล่องตัวด้านการเบิกจ่ายเงินกว่ากองทัพ

กันจอมพลังแสดงเอกสารขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่ส่งไปยังเขา แต่เนื่องจากเป็นการประชุมออนไลน์ทำให้ภาพเอกสารที่เขาแสดงมองเห็นได้ไม่ชัด เขาจึงอ่านเนื้อหาในเอกสารให้ กมธ.การทหารฯ ฟัง โดยขออนุญาตไม่ระบุชื่อหน่วยงานที่อยู่ในเอกสาร แต่บอกว่าหน่วยงานที่ติดต่อขอความอนุเคราะห์เข้ามานั้นมีทั้ง “ทหารและตำรวจ”

ต่อมาเขาโพสต์ภาพเอกสารดังกล่าวลงบนเฟซบุ๊ก แต่ยังเบลอชื่อหน่วยงานและบุคคลในเอกสารดังกล่าว

เอกสารฉบับนี้ระบุว่า “ขอรับการสนับสนุนแผ่นเกราะแข็งป้องกันกระสุนระดับ IV” จำนวน 250 แผ่น โดยในเอกสารระบุ “เรียน กรรมการผู้จัดการมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ผ่าน บริษัท (เบลอชื่อ) จำกัด”

แม้เนื้อหาในเอกสารถูกเบลอข้อความต่าง ๆ แต่จากการเปิดเผยของกันจอมพลังในที่ประชุม กมธ.การทหารฯ ก็พอทำให้ทราบได้ว่าเป็นหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ต่อเนื่องจนถึงช่องบก จ.อุบลราชธานี โดยในเอกสารระบุว่า วัตถุประสงค์คือเพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพลและอุปกรณ์ ให้พร้อมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งเพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจและความเชื่อมั่นแก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่

เขาชี้แจงว่าเป็นการขอรับการสนับสนุนจากมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ผ่านมาทางบริษัทเอกชน แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อบริษัทดังกล่าวในระหว่างการร่วมประชุมกับ กมธ.การทหารฯ

ที่มาของภาพ : Facebook กันจอมพลัง ช่วยสู้

เอกสารขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานหนึ่ง โดยกันจอมพลังโพสต์ภาพนี้ลงในเฟซบุ๊กของเขา หลังชี้แจงต่อ กมธ.การทหารฯ

จากนั้น เขาแสดงเอกสารอีกฉบับหนึ่งที่มีเนื้อหาคล้ายกัน ระบุหัวเอกสารว่า “ด่วนที่สุด” ซึ่งขอความอนุเคราะห์สนับสนุนแผ่นเกราะระดับสี่ จำนวน 120 แผ่น แต่ไม่เปิดเผยชื่อหน่วยงานและบริษัทที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าว

เมื่อนายเอกราชท้วงว่า กันจอมพลังทราบหรือไม่ว่าพลเรือนไม่สามารถซื้อยุทธภัณฑ์หรือยุทโธปกรณ์เองได้ ทางกันจอมพลังชี้แจงว่า ผู้ทำเอกสารขอการสนับสนุนมายังมูลนิธิฯ คือหน่วยงานของรัฐ ตนเองไม่ได้ดำเนินการในส่วนของการทำเอกสารเพื่อดำเนินการจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ แต่อย่างใด

ทางมูลนิธิฯ เพียงแค่จ่ายเงินให้กับบริษัทที่หน่วยงานของรัฐประสานมาเท่านั้น จากนั้นทางบริษัทจะเป็นผู้ดำเนินการส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ต่อไป ส่วนตัวเขาเองแค่ไปถ่ายรูปร่วมเฟรม และการสกรีนชื่อ “กันจอมพลังช่วยสู้” บนเสื้อเกราะ ทางบริษัทก็เป็นผู้ดำเนินการเอง

ส่วนประเด็นการเข้าไปในพื้นที่กฎอัยการศึกนั้น ทางกันจอมพลังชี้แจงว่าไม่ได้มีแค่เขาเท่านั้น แต่มีพระสงฆ์และชาวบ้านเข้าไปในพื้นที่ด้วย และเขามองว่าไม่ได้เข้าไปสร้างความเดือดร้อน เพราะ “ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน” รวมถึงมีการพูดคุยและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตลอด

นอกจากนี้ การที่ตนเองให้การสนับสนุนอุปกรณ์ต่าง ๆ กับเจ้าหน้าที่ ก็เพราะว่ามีข้อความทักเข้ามาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เพื่อขอความอนุเคราะห์ เช่น คอมพิวเตอร์พกพาหรือโน้ตบุ๊คนั้น ถูกขอเพื่อนำไปใช้ในการคำนวณเพื่อ “กดกระสุนใหญ่” เนื่องจากของเดิมมีสภาพเก่า เป็นความจำเป็นเร่งด่วนของทหารชั้นผู้น้อย เพราะคอมพิวเตอร์ตัวเดิมอาจเปิดไม่ได้ ทางมูลนิธิฯ จึงเร่งดำเนินการให้

“ผมมั่นใจว่าทางกองทัพมีเงินอยู่แล้ว แต่ในเรื่องความรวดเร็วนั้นไม่แน่ใจว่าขนาดไหน” กันจอมพลัง กล่าว

ที่มาของภาพ : Facebook กันจอมพลัง ช่วยสู้

19 ก.ย. 68 เพจเฟซบุ๊กกันจอมพลัง ช่วยสู้ โพสต์ภาพว่าได้สร้างบังเกอร์ป้องกันผู้รุกรานให้ทหารตำรวจตรงบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ใกล้เสร็จแล้ว

สำหรับการสร้างถนนและเส้นทางลำเลียงเข้าไปในพื้นที่ กันจอมพลังบอกว่าเข้าใจดีว่ากองทัพมีศักยภาพทำ แต่คงต้องใช้เวลาเพื่อรอขั้นตอนต่าง ๆ ขณะที่ตัวมูลนิธิฯ เองสามารถทำได้ในอีกสองวันถัดมา

“ถนน ถ้าไม่รีบทำ คนติดอยู่ข้างในเข้าไปช่วยก็ลำบาก หรือเวลาจะหนีออกมา หรือมีคนเจ็บ ก็ออกมาลำบาก” เขาชี้แจง

เขายังขอร้องกับทาง กมธ.การทหารฯ ว่าอย่าให้การให้ข้อมูลของตนเองกระทบกับทหารชั้นผู้น้อย และถ้ามีโอกาสขอเชิญคณะกรรมาธิการไปดูพื้นที่หน้างานจริง บางฐานตั้งมา 10 ปี ขาดแคลนห้องน้ำ บางที่มีทหารอยู่ถึง 50-60 นาย แต่มีห้องน้ำใช้เพียงห้องเดียวเท่านั้น ซึ่งทางมูลนิธิฯ ได้เข้าไปช่วยสร้างห้องน้ำและปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของทหารชั้นผู้น้อยด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามถึงจำนวนเอกสารขอความอนุเคราะห์ทั้งหมดที่ได้รับ กันจอมพลังบอกว่ายังไม่สามารถนับจำนวนให้ได้ในทันที เนื่องจากทราบว่าต้องเข้ามาชี้แจงกับ กมธ.การทหาร ไม่ถึงวัน แต่ยินดีส่งเอกสารเพิ่มเติมให้กับ กมธ.

โฆษก ทบ. แจง กองทัพบกไม่มีนโยบายขอรับบริจาค แต่อาจมีบ้างที่หน่วยย่อยขอความอนุเคราะห์ไป

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. ชี้แจงว่า ตามจริงแล้วสิ่งของที่ได้รับการสนับสนุนเมื่อมีวิกฤต มีทั้งหมด 2 ลักษณะด้วยกัน คือ การช่วยเหลือกำลังพล และการช่วยเหลือชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ปฏิบัติงานบริเวณแนวหน้า

เขาบอกว่า ทั้งสองส่วนนี้มีนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่จะไม่รับเป็นเงิน เพราะบริหารจัดการยุ่งยาก รวมถึงอาจมีปัญหาในแง่กฎหมาย ดังนั้นจึงมีวิธีการที่ระบุว่าขอเป็นสิ่งของแทน หากต้องการแสดงน้ำใจ แต่ถ้าหากยืนยันจะให้เป็นเงินเพื่อส่งต่อให้กำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต หรือครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ ทางกองทัพจะเป็นสะพานเชื่อมให้

“ในส่วนของกองทัพบก ยอมรับว่ามีผู้ประสานเข้ามาเยอะ แต่ก็ยืนยันว่าอยากให้เป็นสิ่งของมากกว่า และไม่อยากเสียมารยาทว่าจะไปเจาะจงเป็นอะไร ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจุนเจือความเป็นอยู่ และมีการแสดงเจตจำนงมาในลักษณะที่รับของ” โฆษก ทบ. กล่าว

ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนพบโพสต์บนเฟซบุ๊กของร้านเหล็กและร้านโลหะภัณฑ์ที่รับตัดเหล็กและเย็บเป็นเสื้อเกราะ จึงสอบถามว่าทำได้หรือไม่ เขาจึงชี้แจงว่าเรื่องนี้ต้องมีมาตรฐาน เพราะผู้บังคับบัญชาต้องรักษาชีวิตลูกน้อง ดังนั้นไม่น่าจะอนุญาตให้ใช้เสื้อเกราะที่ตัดเย็บเอง

พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขอยืนยันว่าหากไปดูคำชี้แจงของเขาทั้งหมด ตนเองไม่เคยห้าม เพราะมองว่าหากเกิดวิกฤต “สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่สิ่งของ แต่มันแสดงให้เห็นว่าเราไม่เคยถูกทอดทิ้ง มันเลยทำให้การบริหารมันไม่เหมือนช่วงปกติ” โฆษก ทบ. กล่าว และยืนยันด้วยว่ากองทัพบกไม่ได้ขาดแคลนยุทโธปกรณ์ และได้รับความเกื้อกูลด้านงบประมาณจากฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติมาโดยตลอด

ที่มาของภาพ : Facebook กันจอมพลัง ช่วยสู้

วันที่ 6 ส.ค. 68 กันจอมพลังโพสต์ภาพว่าเริ่มทดสอบเกราะระดับ 4 ที่ทางมูลนิธิฯ และแฟนคลับช่วยกันจัดให้กับทหารและตรวจด้วยใจ โดยชุดเกราะที่เขาถือนี้เป็นล็อตที่เตรียมส่งให้ ตชด.

กรณีของเสื้อเกราะนั้น ทางกองทัพบกมีการจัดหายุทโธปกรณ์ตามมาตรฐานสากลที่ใช้ เช่น มาตรฐาน NIJ (กองทัพสหรัฐฯ) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระดับเลเวล 3+ ซึ่งสามารถป้องกันปืนเล็กยาวได้ โดยปัจจุบัน กองทัพบกมีชุดเกราะอยู่ประมาณ 70,000 ชุด และหมุนเวียนใช้อยู่ในสนามรบ แต่บางครั้งอาจไม่เห็นกำลังพลใส่ชุดเกราะ เนื่องจากภาระงานและตำแหน่งที่ตั้ง แต่ยืนยันว่าแนวหน้าทุกคนมีชุดเกราะใช้งาน

พล.ต.วินธัย กล่าวว่า เพิ่งทราบจากการประชุม กมธ. ในครั้งนี้ว่ากันจอมพลังจัดหาเกราะระดับ 4 ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานที่กองทัพบกทั่วไปใช้ และยังไม่ทราบถึงระบบการทดสอบ (testing) ของเกราะชุดนี้ จึงเห็นว่าการที่พลเรือนเข้ามาบริจาคชุดเกราะ เป็นเรื่องที่กองทัพไม่เคยคาดคิดมาก่อน เพราะเป็นเรื่องทางเทคนิคและมีราคาสูง หากมีการรับมอบเกราะที่มีสเปกดีกว่าที่กองทัพใช้จริง ทหารที่ได้รับก็จะเหมือนมีเสื้อเกราะ 2 ตัว

เมื่อทาง กมธ.การทหารฯ ซักถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่ากองทัพขอรับการอนุเคราะห์ยุทธภัณฑ์จากมูลนิธิฯ ทาง โฆษก ทบ. บอกว่า ในส่วนของกองทัพบกไม่มีการขอความอนุเคราะห์ แต่พบว่าในระดับหน่วยงานย่อยอาจมีการร้องขอ เช่น ขอรับการสนับสนุนยางรถยนต์ ยาฆ่-าแมลง ยาเส้น หรือผ้าใบกันฝน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ชัดเจนว่าไม่ได้อยู่ในบัญชีสิ่งอุปกรณ์ทางทหาร 1-5

ทาง กมธ.การทหารฯ ถามต่อว่า ทางกองทัพบกทราบหรือไม่ว่าระเบียบกลาโหมว่าด้วยการเงิน รวมถึงระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเรี่ยไรและบริจาค หน่วยงานที่จะรับของบริจาคได้จะต้องเป็นหน่วยงานราชการ

พล.ต.วินธัย กล่าวว่า เรื่องนี้เขาไม่มั่นใจ แต่จะขอไปสอบถาม และจะไปหารายละเอียดที่ตรงกับที่ถามมา แต่มีความเห็นว่าลักษณะของการรับมอบของเช่นนี้ สามารถมองได้หลายมุม เช่น เรื่องห้องน้ำ หากมีคนปรารถนาดี อยากให้ทหารได้เข้าห้องน้ำที่ดีกว่านั้น และไม่ได้อยู่ในระบบของ ทบ. ตามปกติ เขาก็มองว่าเป็นเรื่องสร้างสรรค์ แต่ขอไปตรวจสอบก่อนว่ามีหน่วยงานอื่น ๆ ในสังกัดทำใบขอความอนุเคราะห์ไปยังมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้หรือไม่ เพราะเท่าที่เขาทราบคือ “ไม่มี”

พร้อมกันนี้ โฆษก ทบ. บอกว่าไม่มีนโยบายขอรับบริจาค แต่มีนโยบายชัดเจนว่าต้องอยู่รอดด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า มีประชาชนต้องการแสดงน้ำใจเข้ามาเป็นจำนวนมาก

พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า กรณีที่พลเรือนเข้าไปทำกิจกรรมในพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึกนั้น กองทัพไม่ได้ออกข้อกำหนดห้ามเข้า เพราะถือเป็นเสรีภาพของประชาชน และมีการใช้คำว่า “อำนวยความสะดวก”

อย่างไรก็ตาม บางพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ทางยุทธวิธีจริง ๆ เช่น พื้นที่หนึ่งใน จ.สุรินทร์ พลเรือนจะถูกจำกัดการเข้าถึงโดยใช้คำว่า “ขอความร่วมมือ”

ที่มาของภาพ : Facebook กันจอมพลัง ช่วยสู้

วันที่ 12 ส.ค. กันจอมพลังโพสต์ภาพว่ามีหลายหน่วยงานประสานมาที่มูลนิธิฯ เพราะต้องการกล้องใช้สู้ในเวลากลางคืน พวกเขาจึงจัดให้ตามคำขอ โดยบอกว่า “ได้ร่วมทดสอบกับผู้บังคับบัญชาหลายหน่วย ยืนยันว่าใช้ได้จริงและใช้ดีมาก ไม่เปิดเผยตัวผู้ใช้ ไม่สะท้อน ไม่สามารถใช้กล้องอินฟาเรดตรวจจับได้”

ส่วนการที่กันจอมพลังใช้สื่อสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นฮีโร่ เขาคิดว่าเป็นเรื่องที่แล้วแต่คนจะมอง

ทั้งนี้ พล.ต.วินธัย รับปากว่าจะไปรวบรวมรายละเอียดและบัญชีรายการสิ่งของบริจาคทั้งหมดที่หน่วยงานย่อยได้รับมา เพื่อตอบคำถามของ กมธ.การทหารฯ อย่างละเอียดอีกครั้ง หากทาง กมธ. ทำหนังสือมาอย่างเป็นทางการ

พร้อมกันนี้ เขายังแสดงความกังวลว่าบรรยากาศวงประชุมครั้งนี้ไม่เป็นมิตรกับทหาร โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้คำว่า “มั่วซั่ว” ซึ่งอาจกระทบต่อขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน และยืนยันว่าการทำงานของทหารนั้น ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน

ที่ปรึกษา กมธ.การทหารฯ ระบุ การบริจาคเสื้อเกราะของกันจอมพลังไม่น่าผิด กม. ควบคุมยุทธภัณฑ์ แต่โกงไหม “ไม่รู้”

นายอนาลโย กอสกุล ที่ปรึกษา กมธ. การทหารฯ ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กของเขาว่า การบริจาคเสื้อเกราะของกันจอมพลัง ที่ให้หน่วยงานไปติดต่อซื้อกับบริษัทแล้วทางมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้เป็นผู้จ่ายเงินนั้น ในทางทฤษฎีไม่ถือว่ากันจอมพลังเป็น “ผู้ครอบครอง” ถือว่า “เลี่ยง” ข้อกำหนดในทางกฎหมายได้

“ดังนั้นผมว่าไม่น่าผิดกฎหมายควบคุมยุทธภัณฑ์ แต่โกงไม่โกง ซื้อแพงไม่แพง ไม่รู้” เขาระบุ

ทว่า นายอนาลโยก็เห็นว่าการที่กันจอมพลังกับหน่วยงานระบุเฉพาะเจาะจงว่าต้องการซื้อเกราะจากบริษัทไหนนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกัน

เขาอธิบายว่าเกราะเป็นสินค้าที่มีผู้ผลิตน้อยราย แต่โชคดีว่าในประเทศมีบริษัทแห่งหนึ่งที่ผลิตเกราะได้ และมีความสามารถส่งออกขายทั้งในและต่างประเทศ โดยไม่มีปัญหาอะไร

“ถ้าสมมุติว่าหน่วยอยากได้เกราะด่วน หน่วยทำหนังสือไปหากันจอมพลัง แล้ววิ่งไปบริษัทขอซื้อ ให้กันโอนเงินเข้าบริษัทตรง ผมว่า job (กระบวนการ) นี้ มันก็ไม่แปลก นี่พูดตรง ๆ ไม่ได้โลกสวย”

“ทำไมเฉพาะเจาะจง อย่างที่บอกผู้ผลิตเกราะในประเทศไทยมันมีแค่นี้แหละ แล้วบริษัทนี้ก็น่าเชื่อถือที่สุดด้วย จะเจาะจงบริษัทนี้ก็ไม่แปลก” นายอนาลโย ระบุ

ที่ปรึกษา กมธ.การทหารฯ เห็นว่าสิ่งที่อยากให้สังคมสนใจมากกว่าคือ เหตุใดแต่ก่อนกองทัพบอกว่าไม่เคยขอรับบริจาค “แต่ตอนนี้มีหนังสือตราครุฑมาขอรับบริจาคเสียอย่างงั้น” ต่างจากกรณีของตำรวจที่ “มีดราม่าน้อยหน่อย” เพราะไม่เคยประกาศว่าไม่ขอรับบริจาค

อย่างไรก็ดี นายชยพล สท้อนดี สส.กรุงเทพมหานคร เขต 8 พรรคประชาชน ในฐานะรองประธาน กมธ.การทหารฯ ให้ความเห็นกับ.ว่า กรณีนี้ยิ่งทำให้เกิดคำถามว่าหน่วยงานต่าง ๆ สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเช่นนี้ก็ได้หรือ ซึ่งเขามองว่าเป็นการจัดซื้อโดยไม่ผ่านระบบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ

“แต่ละหน่วยสามารถหา supporter หรือผู้บริจาคของตัวเอง เสร็จแล้วก็จิ้มเลือกให้เขาไปซื้อของให้ตัวเองก็ได้เหรอ แล้วมันจะไม่ซ้ำซ้อนกับยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ที่เราอนุมัติงบประมาณซื้อไปก่อนหน้านี้เหรอครับ เราจะได้รู้ได้อย่างไรว่าไม่มีการอมเงินระหว่างทาง เพราะมันไม่ได้ผ่านระบบอะไรของส่วนกลางเลย” เขากล่าว

เหตุใดยิ่งฟังคำชี้แจง กองทัพยิ่งงานเข้า ?

นายชยพลมองว่าหากฟังคำชี้แจงวานนี้ในที่ประชุม กมธ.การทหารฯ เขาเห็นว่าทั้งกันจอมพลังและ พล.ต.วินธัย ไม่ได้ตอบคำถามหลัก ๆ ของ กมธ. มากนัก หรือเรียกได้ว่า “แทบจะไม่ได้คำตอบ” โดยเฉพาะกรณีการบริจาคยุทธภัณฑ์หรือยุทโธปกรณ์ แต่เนื่องจากเป็นชุด กมธ.การทหารฯ การตรวจสอบจึงโฟกัสไปที่กองทัพมากกว่า โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณล่าสุด 2 แสนล้านบาท

เขาบอกว่าเมื่อพิจารณาคำชี้แจงของโฆษก ทบ. ที่บอกว่าหน่วยย่อยขอรับบริจาคมา คือพวกยางรถยนต์ ยาเส้น ยากันยุง นั้น เป็นการเบี่ยงเบนประเด็น เพราะจริง ๆ แล้วสิ่งที่ทาง กมธ. พยายามจี้ถามไม่ใช่ของเล็กน้อยเหล่านั้น แต่เป็นพวกชุดเกราะ บังเกอร์ รวมถึงยุทธภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคุณภาพและความปลอดภัยของชีวิตกำลังพล

“แม้แต่การที่มีประชาชนเอาโดรนไปบริจาคให้ มันก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์การรบ ถ้าหากไม่มีมาตรฐานขึ้นมา มันก็เป็นอันตรายต่อกำลังพล”

“แม้แต่รถกระบะหรือเสื้อเกราะที่มีการสกรีนชื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ตัวรถกระบะที่บริจาคมา ผมเช็คเจอว่าทะเบียนรถยังเป็นของเต็นท์รถอยู่เลย ตรงนี้มันเสี่ยงว่าหน่วยงานอาจถูกฟ้องในการเอาทรัพย์สินคืนได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนที่กองทัพไม่ได้ปิด” เขากล่าว

ส่วนอาหารต่าง ๆ นายชยพลเห็นว่า กองทัพควรจัดหาให้กำลังพลอย่างเพียงพอโดยไม่เปิดขอรับบริจาค กำลังพลไม่ควรต้องคอยพึ่งพาข้าวจากวัด หรือรอให้ประชาชนมาบริจาค เนื่องจากกำลังพลถูกหักค่าประกอบเลี้ยงไปแล้ว และกองทัพก็มีงบประมาณในการจัดหาอาหาร

ล่าสุด สื่อต่าง ๆ ของไทยรายงานว่า พล.ต.วินธัย ออกมายอมรับวันนี้ (31 ต.ค.) ว่าจากการตรวจสอบพบว่า กันจอมพลังสนับสนุนแผ่นเกราะแข็งระดับ 4 จำนวน 250 แผ่นให้กับตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และทหารพราน ดังข่าวที่ปรากฏออกมาก่อนหน้านี้จริง

นายชยพล บอกว่า นี่ยิ่งทำให้เห็นความย้อนแย้งในคำชี้แจงของกองทัพหลายต่อหลายครั้ง

“ถ้าเกิดเขาพูดเช่นนี้ ก็ต้องตอบคำถามแล้วครับว่านายพลห้องแอร์ทั้งหลายรู้จริงหรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นที่ชายแดน นี่แสดงว่ามันเกิดปัญหาเรื่องการบังคับบัญชา เรื่องการรายงานตามสายบังคับงานต่าง ๆ นี่แสดงว่าพวกคุณไม่รู้เลยใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่ชายแดน สภาพการรบจริง ๆ เป็นอย่างไร คุณกำลังยอมรับใช่ไหมว่าคุณบริหารราชการงบประมาณ 2 แสนล้านบาทได้ไม่มีประสิทธิภาพ”

ที่มาของภาพ : Facebook กันจอมพลัง ช่วยสู้

วันที่ 31 ต.ค. กันจอมพลังบอกว่ามอบเสื้อเกราะให้ TMAC และลงความเห็นในช่องคอมเมนท์ว่าหยุดรับการบริจาคแล้ว เพราะ “เหนื่อย”

ขณะเดียวกัน กันจอมพลังโพสต์คลิปวิดีโอระบุว่าตนเองได้บริจาคชุดเกราะป้องกันsะเบิดที่ทันสมัยและมีน้ำหนักเบากว่าเดิมจำนวน 15 ตัว ให้กับหน่วยทหารหน่วย TMAC หรือ ศูนย์ปฏฺิบัติการทุ่นsะเบิดแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย

เขาบอกว่าเจอทหารชุดนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน และเห็นว่าสวมใส่ชุดอุปกรณ์ที่ค่อนข้างเก่า ทางมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้จึงร่วมกับกรมกิจการพลเรือน กองทัพไทย “ช่วยกันจัดซื้อ งบประมาณ 4 แสนกว่า ๆ อายุการใช้งานยาวนาน 10 ปี”

เขาบอกว่าหากจัดซื้อตามระบบ ต้องใช้เวลาราว 6 เดือน ถึง 1 ปี ขณะที่ “พวกเราใช้เวลาเพียงแค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น นี่คือความพิเศษของพวกเรา”

กันจอมพลังยืนยันว่าเป็นของดี ไม่แพง ไม่ติดระบบ ตรงตามความต้องการ และได้ใช้งานจริง

ด้านนายชยพลเน้นย้ำว่า กองทัพต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ว่าเหตุใดจึงปล่อยให้หน่วยย่อยไปขอความอนุเคราะห์ได้ตามอัธยาศัยโดยที่หน่วยกลางไม่รับรู้ และเมื่อกองทัพยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ขาดแคลน แต่เหตุใดหน่วยย่อยต่าง ๆ จึงเปิดรับบริจาค

“สรุปแล้วเกิดการขาดแคลนจริงหรือไม่ แบบนี้แปลว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง” เขากล่าว

ขณะเดียวกัน นายเอกราช ประธาน กมธ.การทหารฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่รัฐสภาวันนี้ว่า ทาง กมธ. ไม่เชิญกันจอมพลังมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว แต่จะขอความร่วมมือให้ส่งเอกสารที่หน่วยงานต่าง ๆ ขอความอนุเคราะห์ไปยังมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ทั้งหมดแทน

กมธ. ยังขอเอกสารกับ พล.ท.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถให้คำตอบกับคำถามของ กมธ.ได้ และตอบรับว่าจะรวบรวมเอกสารส่งมาให้ กมธ. ซึ่งแสดงว่าทหารแนวหน้าขาดแคลนในสิ่งที่กองทัพปฏิเสธข้อเท็จจริงในเรื่องนี้มาตลอด รวมถึงรอเอกสารการชี้แจงต่าง ๆ จากทางกองทัพด้วย

ทั้งนี้ หากกองทัพส่งเอกสารมาไม่ครบถ้วน ทาง กมธ. จะรวบรวมข้อมูลเอง เพื่อปรับปรุงในเชิงนโยบาย และเพื่อเสนอแนะการปฏิรูปกระบวนการจัดงบประมาณของกองทัพ