มารู้จัก “รามา ดูวาจี” ว่าที่สตรีหมายเลขหนึ่งของนครนิวยอร์กคนแรกที่เป็น Gen Z

ที่มาของภาพ : Reuters

Article Knowledge

    • Author, แม็กซ์ มัตซา
    • Role, บีบีซี นิวส์

ด้วยวัยเพียง 28 ปี รามา ดูวาจี จะกลายเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของนครนิยอร์กที่อายุน้อยที่สุดที่เคยมีมา ท่ามกลางความสนใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อ โซห์ราน มัมดานี สามีของเธอ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีของมหานครแห่งนี้เมื่อคืนวันอังคาร (4 พ.ย.)

ในการกล่าวสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะของเขา นายกเทศมนตรีที่เพิ่งได้รับเลือกจากประชาชน ส่งเสียงชื่นชมเป็นพิเศษให้กับภรรยาผู้ยืนอยู่เคียงข้างเขา

“และแด่ภรรยาผู้แสนวิเศษของผม รามา ดูวาจี” เขากล่าวโดยใช้คำภาษาอาหรับที่แปลว่า “ชีวิตของผม ไม่มีใครที่ผมอยากให้อยู่เคียงข้างผมในช่วงเวลานี้และในทุกช่วงเวลา”

ดูวาจีเป็นศิลปินชาวซีเรียที่อาศัยอยู่ในนครนิวยอร์ก ผลงานของเธอมักจะเป็นในแนวทางการนำเสนอในธีมตะวันออกกลาง ผลงานของเธอปรากฏอยู่ในสำนักข่าวบีบีซี, เดอะนิวยอร์กไทมส์, เดอะวอชิงตันโพสต์, ไวซ์ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่และศิลปะร่วมสมัย หรือเทต โมเดิร์น (Tate Trendy) ในกรุงลอนดอน

“รามาไม่ใช่แค่ภรรยาของผมเท่านั้น เธอยังถือเป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยมที่สมควรได้รับการรู้จักในแบบฉบับของเธอเอง” มัมดานีโพสต์เมื่อ 12 พ.ค. โดยประกาศว่าทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกันได้ 3 เดือนก่อนหน้านี้

“โอ้พระเจ้า เธอตัวจริง” ดูวาจีคอมเมนต์ติดตลกต่อในโพสต์นั้น

ทั้งคู่พบกันทางแอปพลิเคชันหาคู่ฮินจ์ (Hinge) “ดังนั้นก็ยังมีความหวังได้ในแอปหาคู่เหล่านี้” มัมดานีกล่าวในการสัมภาษณ์กับเดอะบูลวาร์ก (The Bulwark)

ที่มาของภาพ : Getty Photography

เธอแทบไม่เคยปรากฏตัวเลยในช่วงเริ่มต้นการรณรงค์หาเสียงของสามี ซึ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามกล่าวอ้างว่า สมาชิกรัฐสภาวัย 34 ปีรายนี้กำลัง “ซ่อน” ภรรยาตัวเอง

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed readingได้รับความนิยมสูงสุด

Discontinue of ได้รับความนิยมสูงสุด

การหายหน้าหายตาไปของเธอถือเป็นจุดที่น่าสังเกต เนื่องจากผู้สมัครรับเลือกตั้งของสหรัฐฯ มักปรากฏตัวพร้อมกับคู่สมรสเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อค่านิยมของสถาบันครอบครัว

ในโพสต์ของมัมดานีเมื่อเดือน พ.ค. พูดถึงเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับการหายหน้าไปของภรรยาของเขา ซึ่งรวมถึงภาพถ่ายการสมรสของพวกเขาที่สำนักงานปลัดเทศบาลนครนิวยอร์กด้วย

“หากคุณลองดูทวิตเตอร์ในวันนี้หรือวันไหนก็ตาม คุณจะรู้ว่าการเมืองนั้นโหดร้ายเพียงใด” เขาเขียนไว้

“ผมมักจะเพิกเฉยต่อมัน ไม่ว่าจะคำขู่ฆ่-าหรือเรียกร้องให้เนรเทศผม แต่มันต่างออกไปเมื่อเป็นเรื่องของคนที่คุณรัก… คุณสามารถวิจารณ์ความคิดเห็นของผมได้ แต่อย่าทำกับครอบครัวของผม”

ดูวาจีเลือกที่จะอยู่ห่างจากสปอตไลท์ ถึงแม้สามีจะมีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นก็ตาม โดยว่ากันว่าเธอคือนั่นแหละก็คือแรงผลักดันเบื้องหลังสิ่งนี้ ตามรายงานของซีเอ็นเอ็น

เธอเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเคาะเอกลักษณ์ภาพลักษณ์ของมัมดานี รวมถึงไอคอนและรูปแบบตัวอักษรโดดเด่นที่ใช้ในสื่อรณรงค์สีเหลือง ส้ม และน้ำเงิน

ดูวาจีเกิดที่เมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐฯ และย้ายมาอยู่ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่ออายุได้ 9 ขวบ ก่อนย้ายไปเรียนหนังสือที่ประเทศกาตาร์ในช่วงสั้น ๆ สื่ออาหรับรายงานว่าพ่อแม่ของเธอเป็นชาวมุสลิมซีเรีย ที่โยกย้ายถิ่นฐานไปจากกรุงดามัสกัส

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยปรากฏตัวหน้ากล้องมากนัก แต่เพื่อนหลายคนของดูวาจีพูดถึงเธออย่างออกรสออกชาติในระหว่างการสัมภาษณ์ ท่ามกลางการคาดเดาเกี่ยวกับบทบาทของเธอในการบริหารเมืองของมัมดานี

“เธอคือเจ้าหญิงไดอานาแห่งยุคปัจจุบันของเรา” ฮัสเนน บัตตี เพื่อนคนหนึ่งกล่าวกับนิวยอร์กไทมส์เมื่อเดือนที่แล้ว

นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า เพื่อนคนอื่น ๆ บรรยายว่า ดูวาจีรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็รู้สึกถึงความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเหลือล้น

ที่มาของภาพ : Getty Photography

ทั้งคู่พบกันผ่านแอปฯ หาคู่ฮินจ์ (Hinge)

ดูวาจีสำเร็จการศึกษาจาก Virginia Commonwealth University ก่อนคว้าปริญญาโทสาขาภาพประกอบจาก College of Visible Arts ในนครนิวยอร์ก

“ด้วยการใช้ภาพวาดและการเคลื่อนไหว รามาได้สำรวจความแตกต่างอย่างละเอียดอ่อนของความเป็นพี่น้องและประสบการณ์ร่วมกัน” เว็บไซต์ทางการของดูวาจีระบุ

ผลงานของเธอส่วนใหญ่เป็นภาพขาวดำ และถ่ายทอดฉากต่าง ๆ จากโลกอาหรับ โฆษกของแคมเปญนี้บอกกับนิวยอร์กไทมส์ว่า นางดูวาจีเองก็เกิดในรัฐเท็กซัสและมีเชื้อสายซีเรีย

ในปี 2022 ผลงานของเธอปรากฏในสารคดีของบีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส เรื่อง “Who waste my grandfather” (ใครฆ่-าปู่ของฉัน) ซึ่งเป็นการสืบสวนการลอบสังหารนักการเมืองเยเมนในปี 1974

ผลงานบางชิ้นของเธอที่โพสต์บนอินสตาแกรมวิพากษ์วิจารณ์ “ลัทธิจักรวรรดินิยมอเมริกัน” ซึ่งเธอเรียกว่าอาชญากรรมสงครามของอิสราเอล และประณาม “กวาดล้างชาติพันธุ์” ของชาวปาเลสไตน์ ซึ่งสะท้อนจุดยืนทางนโยบายบางประการของสามีเธอ อิสราเอลปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการฆ่-าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซาอย่างชัดเจน

ผลงานของเธอยังแสดงถึงการสนับสนุน มะห์มูด คาลิล บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่รัฐบาลทรัมป์กำลังพยายามเนรเทศ โดยอ้างว่างานของเขาที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ถือเป็น “การต่อต้านชาวยิว”

ศิลปินจากบรูคลินใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนาอยู่ที่นครดูไบ ซึ่งเป็นที่ที่ครอบครัวของเธออาศัยอยู่ เธอกล่าวในการสัมภาษณ์กับเว็บไซต์ยัง (YUNG) เมื่อเดือน เม.ย.

ในการสัมภาษณ์ครั้งนั้น เธอถูกถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุดในตะวันออกกลาง การกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ และการโจมตีผู้อพยพที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ฉันจะไม่โกหกนะ ตอนนี้ที่นครนิวยอร์กมืดมนมาก” เธอกล่าวและว่า “ฉันเป็นห่วงเพื่อนและครอบครัว และทุกอย่างดูเหมือนจะเหลือบ่ากว่าแรงฉันไปหมด”

“ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากถูกผลักไสและปิดปากด้วยความหวาดกลัว สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือใช้เสียงของฉันเพื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ปาเลสไตน์ และซีเรียให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” เธอกล่าวเสริม

เธอยังถูกถามถึงความรับผิดชอบของศิลปินในการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาระดับโลกอีกด้วย

“หน้าที่ของศิลปินสำหรับฉันคือ การสะท้อนยุคสมัย” เธอกล่าวโดยอ้างคำพูดของนักดนตรี นีนา ซิโมน

“ฉันเชื่อว่าทุกคนมีความรับผิดชอบในการพูดออกมาต่อต้านความอยุติธรรม และศิลปะมีศักยภาพในการเผยแพร่ความอยุติธรรม” เธอกล่าว

“ฉันไม่คิดว่าทุกคนต้องทำงานการเมือง แต่ศิลปะนั้นโดยเนื้อแท้แล้วเกี่ยวข้องกับการเมือง ทั้งในแง่ของวิธีสร้าง การหาเงินทุน และการแบ่งปัน แม้แต่การสร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อหลีกหนีจากความเลวร้ายที่เราเห็น ก็ถือเป็นเรื่องการเมืองสำหรับฉันเช่นกัน มันเป็นปฏิกิริยาต่อโลกรอบตัวเรา” คู่ชีวิตของนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กคนใหม่กล่าว