
‘อนุทิน’เผยยังคุย ‘เอกนิติ-ศุภจี’ ทาบลงแคนดิเดตนายกฯภูมิใจไทย ประเมินรอบหน้าพรรคใหญ่ขึ้น โยนกกต.พิจารณาวันเลือกตั้งสำรองหลังสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา ยังเดือด
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 16 ธันวาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ว่า การเปิดเผยรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ยังมีเวลาอยู่ ส่วนการทาบทามนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น ยังคุยกันอยู่ ตอนนี้มีคนตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยคนเดียวคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล
เมื่อถามถึงการรายงานข่าวว่า พรรคภูมิใจไทยประเมินจะได้คะแนนเสียงราวๆ 200 เสียงนั้น นายอนุทินหัวเราะก่อนกล่าวว่า ใครประเมิน? ไม่ใช่ผม ส่วนตัวจะทำดีที่สุด เท่าไหร่เท่านั้น ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน พรรคมีหน้าที่เลือกคนที่ดีที่สุด คนที่เหมาะสม คนที่มีความสามารถ พวกคุณ (สื่อ) ถามมา 6 ปี คำตอบก็ยังเหมือนเดิม ส่วน สส.แบบบัญชีรายชื่อ จริงๆก็คาดหวัง 500 ที่นั่ง แต่ทำได้เท่าไหร่อยู่ที่ประชาชน ความอยากก็อยากได้เยอะ แต่ความเป็นจริง ต้องทำการบ้านให้ดี เลือกคนให้ดี ทำนโยบายให้ดี สร้างความเชื่อมั่นให้ดี แล้วประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ ส่วนตัวมีสไตล์แบบนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจใช่ไหมว่าพรรคจะใหญ่ขึ้นในการเลือกตั้งรอบหน้า นายอนุทินกล่าวว่า ดูแล้วการเลือกตั้งครั้งหน้าและองค์ประกอบต่างๆก็มีแนวโน้มใหญ่ขึ้น แต่อยู่ที่ประชาชนจะเลือกหรือไม่เลือก ส่วนจุดขายของพรรคตอนนี้คือ ทำงาน ตอบสนองคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น เน้นเรื่องความมั่นคงและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เปิดกว้างให้มีที่ยืนในนานาชาติ สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่คิดว่าประเทศไทยเหมาะกับการลงทุน มาสร้างรายได้ มาเที่ยว เอาเงินมาทำให้ประเทศมีโอกาสหลายๆด้าน
ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ คาดหวังแค่ไหน นายอนุทินกล่าวว่า ส่งคนลงพื้นที่ครบ ในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมันก็ต้องส่งให้ครบทุกเขต ถ้าแพ้ก็ยังหวังว่าจะได้พัก
ขณะที่ความคืบหน้าการทำนโยบายคนละครึ่งเฟส 2 นายอนุทินกล่าวว่า ก็ทำตามกติกา ถือว่ายุบสภาไปแล้ว นำงบกลางมาใช้ไม่ได้ ต้องรอสภาพให้มาเป็นรัฐบาลปกติก่อน
เมื่อถามถึงการชิงจัดตั้งรัฐบาลในรอบหน้า ถ้าพรรคภูมิใจไทยอยู่อันดับ 2 นายอนุทินกล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดยาว ยังไม่สมัคร สส.เลย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หลายๆสำนักข่าววิเคราะห์ให้พรรคภูมิใจไทยน่าจะได้เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พอบอกได้หรือไม่ว่า ทำไมประชาชนต้องเลือกให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีคำว่าประชาชนต้องเลือกหรอก ก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้มั่นใจ ทำงานให้ประชาชนได้ ถ้ามั่นใจว่าทำงานให้ได้ภายใต้สถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้ การได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ก็ภูมิใจเงียบๆว่า ทุกคนรู้วันมาวันไปชัดเจน แล้วทุกฝ่ายทั้งข้าราชการ กองทัพ ฝ่ายเอกชน องค์กรอิสระ ก็ให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่ได้รู้สึกเลยว่า ไม่ได้รับความร่วมมือจากใคร การขับเคลื่อนประเทศแม้จะมีระยะเวลาสั้นๆเพียง 3-4 เดือน ก็สามารถขับเคลื่อนประเทศไปได้พอสมควร ทั้งเรื่องระยะยาว การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เรื่องการปกป้องอธิปไตยประเทศ
ส่วนที่มีการวิเคราะห์ว่า พรรคภูมิใจไทยชิงจังหวะโหนกระแสชาตินิยม มาสร้างคะแนนิยมให้ตัวเอง นายอนุทินหัวเราะหึๆก่อนตอบว่า อย่ามองโลกในแง่ร้ายแบบนั้น ไม่มีใครเขาใจถึงเอาอธิปไตยของบ้านเมือง เอาชีวิตของทหาร ของประชาชน มาแลกเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์ ได้คะแนนเสียง คิดแบบนี้ก็ไม่ถูก

@โยนกกต.ดูวันเลือกตั้งสำรอง
เมื่อถามว่า จากที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีเข้าพบ กกต.วานนี้ (15 ธ.ค. 68) มีการคิดเผื่อถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชาที่ยืดเยื้อและอาจจะต้องหาวันเลือกตั้งสำรองหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยืนยันว่าที่เสนอไป ทางครม.ขอให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนการตัดสินใจเป็นเรื่องของกกต. ถ้ากกต.ประสานมาให้ทำอะไร ก็พร้อมทำทุกเรื่อง
กับคำถามว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยกลับมา ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จะจบลงอย่างสิ้นเชิงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พยายามทำให้จบเร็วที่สุด ส่วนการที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าบอกว่าถ้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลมาเป็นนายกฯปัญหานี้จะไม่เกิดนั้น นายอนุทินหัวเราะในลำคอก่อนตอบว่า ไปอ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์ดู
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กังวลอะไรกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง นายอนุทินกล่าวว่า กังวลเรื่องชายแดนมากที่สุด ทำอย่างไรให้พื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลากลับมาฟื้นฟู ตอนนี้สะอาดแล้ว แต่ภาคธุรกิจต้องฟื้นฟูกลับมา มีการคุยกับนายเอกนิติ นิติทัณฑประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว ถึงสินเชื่อในการฟื้นฟูกิจการ อย่างน้อยเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยหลังละ 100,000 บาท ค่าฟื้นฟูกับค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายก็ต้องเร่งรัด ไม่ใช่มีแต่เงินเยียวยา 9,000 บาทมันไม่พอ
ผู้สื่อข่าวยังได้ถามถึงปัญหาค่าเงินบาทแข็งมากที่สุดในรอบ 4 ปี นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้บอกนางศุภจีและนายเอกนิติหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว
เมื่อถามว่า การประชุมครม.ครั้งนี้เป็นครั้งแรกหลังการประกาศยุบสภา ได้กำชับอะไรหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ต้องขยันทำงาน เรื่องหาเสียงก็ทำไป แต่ต้องไม่ใช้เวลาราชการ สถานภาพการเป็นรัฐมนตรียังมีอยู่จนกว่าครม.ชุดใหม่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ ยังอยู่บริหารประเทศอีกหลายสัปดาห์ ดังนั้น การทำงานบริหารราชการแผ่นดินต้องไม่หยุดชะงัก และต้องทำเต็มที่ อย่าคิดแต่เรื่องหาเสียง คิดเรื่องบ้านเมืองและภาพรวมเป็นหลักไว้ก่อน












