แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/8rtd | ดู : 10 ครั้ง
เปิดหน้าดินพื้นที่พิพาท-ไทย-กัมพูชา-พบทุ่นsะเบิดตกค้างจากสงค

เปิดหน้าดินพื้นที่พิพาท ไทย-กัมพูชา พบทุ่นsะเบิดตกค้างจากสงครามเก่ากว่า 17 ล้านตารางเมตร ยังไร้วี่แววกู้สำเร็จ โดยเฉพาะในช่วงพิพาทกันหนักนี้ ไทยเหลือเวลาแค่ 1 ปีตามกรอบของสนธิสัญญาออตตาวา หากยังมีทุ่นsะเบิดก็ยิ่งทำให้ปักปันเขตแดนยิ่งเป็นไปไม่ได้ กลายเป็นปัญหางูกินหาง นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพยายามเสนอทางออกเบื้องต้น 1. รัฐบาลสองประเทศต้องใช้กลไก GBC ผลักดันประเด็นการสำรวจและเก็บกู้ทุ่นsะเบิดร่วมกันเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อนำไปสู่การสำรวจและปักปันเขตแดนร่วมกันในอนาคต 2.ผลักดันให้ภารกิจการเก็บกู้ทุ่นsะเบิดเป็นหน้าที่ของพลเรือนโดยมีกฎหมายจัดตั้งรองรับ 3.สร้างการรับรู้ร่วมกันต่อสังคมในวงกว้าง

ปัญหาเรื่องทุ่นsะเบิดถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้งหลังทหารลาดตระเวนพลาดเหยียบทุ่นsะเบิดบริเวณเนิน 418 ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ในคืนวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ซึ่งก่อนหน้านั้นเกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ชนวนเหตุมาจากต่างฝ่ายต่างอ้างว่ารุกล้ำอธิปไตยของฝั่งตน ซ้ำร้ายเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ยังเกิดเหตุซ้ำ พลลาดตระเวนเหยียบทุ่นรsะเบิดขาขาด ฝั่งไทยมั่นใจว่าทุ่นsะเบิดที่พบนั้นเป็นsะเบิดที่ถูกนำมาวางใหม่จากโดยฝั่งกัมพูชา เนื่องจากพื้นเหล่านั้นได้ทำการเก็บกู้ทุ่นsะเบิดและส่งมอบพื้นที่ไปแล้วจึงเป็นไปไม่ได้ที่ชุดลาดตระเวนจะพลาดเหยียบซ้ำ ในขณะที่ฝั่งกัมพูชาเองก็ชี้แจงว่า เป็นsะเบิดตกค้างเดิม ไม่ใช่sะเบิดวางใหม่จากกัมพูชาแต่อย่างใด

แผนที่เปรียบเทียบ 16 ก.ค. 68 ชุดลาดตระเวนเหยียทุ่นsะเบิด PMN-2 กองทัพระบุว่าเป็นที่ที่เก็บกู้และส่งมอบเป็นพื้นที่ปลอดภัยไปแล้ว ส่วน 23 ก.ค. 68 ชุดลาดตระเวนเหยียทุ่นsะเบิดไม่ระบุชนิด เมื่อนำพิกัดไปเช็คกับฐานข้อมูล พบว่าเป็นจุดที่ยังไม่ได้เก็บกู้ ตามรายงานปี ณ สิ้นปี 2567 เลขแปลง CHA 457-01 ซึ่งภายหลังกลายมาเป็นชนวนหลักของความขัดแย้งไทย กัมพูชา

เรื่องทุ่นตกค้างsะเบิดที่เคยเงียบงันถูกนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองระหว่างประเทศ ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมลงให้ใคร จดบดบังอีกหนึ่งปัญหาที่แท้จริงที่ว่า ยังมีทุ่นsะเบิดสังหารบุคคลจำนวนมากในพื้นที่หลายสิบล้านตารางเมตรบริเวณชายแดนไทย- กัมพูชาที่ยังไม่ได้เก็บกู้ และที่สำคัญจุดที่เกิดเหตุ บริเวณ ‘ช่องอานม้า’ คือ จุดที่ยังไม่ได้ทำการเก็บกู้ทุ่นsะเบิดและจำเป็นจะต้องเก็บกู้ให้หมดหาต้องการปักปันเขตแดนทางบก ซึ่งเรื่องนี้ทางกองทัพไม่ได้ออกมาชี้แจ้งแต่อย่างใด

เหตุเหยียบsะเบิดของชุดลานตระเวนเป็นเพียงแค่หนึ่งในตัวอย่างความสูญเสียที่เกิดจากทุ่นsะเบิดใต้ดิน ในความเป็นจริง ยังมีชาวบ้านอีกนับร้อยชีวิตในชายแดนที่ใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง เพราะไม่รู้ว่าใต้พื้นดินที่ตัวเองใช้ทำมาหากินนั้น มีทุ่นsะเบิดฝังอยู่ตรงไหน แต่เรื่องเหล่านี้กลับไม่เป็นที่ปรากฏในหน้าสื่อ แต่ละปีมีประชาชนตามแนวชายแดนเหยียบทุ่นsะเบิดบาดเจ็บและเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 55 คน คน แต่เรื่องเหล่านี้กลับไม่เป็นที่ปรากฏในหน้าสื่อ

ฐานข้อมูลของ Put of enterprise for Disarmament Affairs สหประชาชาติ ซึ่งประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญาออตตาวาต้องส่งรายงานประจำปี พบว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555-2567 ประเทศไทยมีตัวเลขผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสะสม  667 คน จังหวัดสระแก้ว คือจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากหารเหยียบทุ่นsะเบิดสังหารบุคคลมากที่สุดคือ 165 คน หากอ้างอิงจากตัวเลขนี้ หมายความว่าทุกๆ 7 วัน จะมีคนเหยียบกับsะเบิด 1 คน ตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตถูกบันทึกอย่างจริงจังในรายงานนั้นเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2555 ก่อนหน้านั้นเป็นเพียงการสำรวจทั่วไป ซึ่งระบุไว้เพียงว่ามีชาวบ้านได้รับผลกระทบรวม 1,160 คน เมื่อลองนำตัวเลขมากางดูรายปีจะพบว่าตัวเลขสะสมในแต่ละปีนั้นขึ้นลงอย่างมีข้อสังเกต เพราะโดยสามัญสำนึกของคนทั่วไป เมื่อมีคนเจ็บคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ตัวเลขสะสมควรจะเพิ่มขึ้นตาม แต่ข้อมูลที่ปรากฏตามรายงานตัวเลขกลับลดลงเล็กน้อย ราวกับผู้บาดเจ็บล้มเสียชีวิตเหล่านั้นอันตธรานหายไป

แม้ฐานข้อมูลจะขาดความชัดเจนในการเก็บรวบรวมข้อมูลช่วงแรกที่มีเพียงยอดสะสมซึ่งไม่ได้แจกแจงรายละเอียด แต่เมื่อพิจารณาสถิติในช่วงปีหลังๆ สามารถสรุปตัวเลขผู้เสียชีวิต-ผู้บาดเจ็บ ทั้งจากประเทศไทยและประเทศกัมพูชาได้ดังตารางด้านล่าง

ชาวบ้านในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุเหยียบทุ่นsะเบิดระหว่างทำการเกษตร (ที่มาภาพ : พลตรี ดร.สุชาต จันทรวงศ์)

sะเบิดเหล่านี้มาจากไหน ทำไมพวกมันยังคงอยู่?

ในอดีตไทยเคยเป็นสนามรบของหลายสงคราม แต่ครั้งสำคัญที่ทิ้งมรดกเป็นทุ่นsะเบิดนับแสนลูกเอาไว้คือ สงครามระหว่างเขมร 3 ฝ่ายและเวียดนามเหนือ ที่รุกเข้ามาในชายแดน ไม่มีใครรู้แน่ชัดถึงจำนวนsะเบิดที่ถูกวางเอาไว้ รวมถึงพิกัดของsะเบิด ซึ่งแนวการวางsะเบิดจะทราบก็ต่อเมื่อเริ่มมีการเก็บกู้และแกะรอยแนวsะเบิดด้วยเทคนิควิธีการเฉพาะ ในการสำรวจครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2542 ประเทศไทยมีพื้นที่ทุ่นsะเบิดตกค้างทั้งหมด 2,556.70 ตารางกิโลเมตร ตลอดแนวชายแดน ไทย เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว และตัวเลขเมื่อสิ้นปี 2567 ระบุว่า ไทยยังมีพื้นที่ทุ่นsะเบิดตกค้างทั้งหมด 17 ล้านตารางเมตร หรือ 17 ตารางกิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด 15 อำเภอ ซึ่งทั้งหมดเป็นพื้นที่พิพาทเขตทางบกระหว่างไทย-กัมพูชา

พื้นที่ยังไม่เก็บกู้sะเบิดตามตำแหน่งพิกัด ตาม ตารางรายงานของประเทศไทย จำนวน 17 ล้านตารางเมตร ข้อมูลถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 (คลิกเพื่อดูแผนที่)

***ข้อมูลเกี่ยวกับทุ่นsะเบิดตกค้างทั้งหมด สามารถเข้าชมในรูปแบบ interactive web living ได้ที่https://landmine.outlandish.works/home

สองทศวรรษแห่งการปลดชนวนใต้ดินที่ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ

3 ธันวาคม 2540 ไทยให้สัตยาบัน และลงนามใน สนธิสัญญาออตตาวา ‘ห้ามใช้ สะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นsะเบิดสังหารบุคคล’ ผลที่ตามมาคือ เราต้องกำจัดทุ่นsะเบิดที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินออกให้หมดภายในกรอบเวลา 10 ปี  คือ ปี พ.ศ.2552 รวมถึงทำลายsะเบิดในคลังที่เก็บสะสมไว้

หลังให้คำมั่น รัฐไทยก่อตั้งหน่วยงานเฉพาะเพื่อดำเนินการกวาดล้างทุ่นsะเบิดในนาม ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นsะเบิดแห่งชาติ (TMAC-Thailand Mine Motion Heart) ขึ้นในปี พ.ศ. 2542 สังกัดกองทัพไทย ทำงานภาคสนาม สำรวจ กวาดล้างและทำลายทุ่นsะเบิด ให้การศึกษาชุมชนในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการเหยียบทุ่นsะเบิด ซึ่งใน 10 ปีแรกของการทำงาน ไทยได้รับความช่วยเหลืออย่างมหาศาลจากองค์กรเอกชนในและระหว่างประเทศและราว 30 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นความช่วยเหลือด้านการเงิน เทคโนโลยีการสำรวจและเข้ามาช่วยเก็บกู้

ทุ่นsะเบิดเก่าตกค้าง โผล่พื้นดิน เนื่องจากฝนตกชุกหน้าดินถูกชำระ

ทุ่นsะเบิดถูกเก่า บางชนิดในหลายพื้นที่ถูกฝังใต้ดินเป็นเวลาจนวัชพีปกลุม ยากต่อการเก็บกู้

ทุ่นsะเบิด POMZ ผลิตโดยรัสเซีย เป็นทุ่นsะเบิดที่พบจำนวนมากในพื้นที่ ชายแดนกัมพูชา เช่น อุบลราชธานี

พื้นที่ที่ได้รับการเก็บกู้ทุ่นsะเบิด จะถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ เพื่อบ่งชี้พิกัดที่เคยมีsะเบิดฝังอยู่

(ที่มาภาพ : พลตรี ดร.สุชาต จันทรวงศ์)

ปี พ.ศ. 2543 ไทยเริ่มสำรวจและกวาดล้างอย่างเป็นทางการ พื้นที่ต้องสงสัยว่ามีทุ่นsะเบิดตกค้างทั้งหมด 2,556.7 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 24 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจังหวัดที่ติดชายแดน กัมพูชา ไทย ลาว และเมียนมาร์ และเมื่อครบกำหนดสัญญารอบแรก ในปี  พ.ศ. 2552 ไทยเหลือพื้นที่เพียง 528 ตารางกิโลเมตร ใน 18 จังหวัด

แม้จะเก็บกู้และคืนพื้นที่ปลอดภัยได้มากถึง 2,028.7 ตารางกิโลเมตร ซึ่งคิดเป็น 80% ของพื้นที่ทั้งหมด แต่ก็ยังไม่สามารถทำงานให้ลุล่วงได้ตามกรอบเวลา ในขณะที่องค์กรต่างประเทศที่เคยให้ความช่วยเหลือก็ค่อยๆ ยุติบทบาทลงเหลือเพียง 13 องค์กร บ้างก็ว่าเมื่อไทยเหลือพื้นที่สงสัยว่ามีทุ่นsะเบิดน้อยลง ก็ไม่จำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลือ เมื่อเทียบกับกัมพูชาและลาวที่มีพื้นที่กับsะเบิดมากกว่าไทยหลายเท่านัก และปัจจุบันเหลือเพียงองค์กรเดียวที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ คือ NPA (Norwegian Folks's Abet Thailand) องค์กรภาคประชาชนจากประเทศนอร์เวย์

ไทยร้องขอต่อเวทีโลกเพื่อขอขยายเวลาการเก็บกู้ทุ่นsะเบิดทั้งหมด 3 ครั้ง ในครั้งแรก เป็นเหตุผลเรื่องการทำงานภาคสนาม ทหารไทยยังขาดประสบการณ์ แต่ครั้งที่ 2 และ 3 คือ ปัญหาเรื่องเขตแดน เพราะไม่สามารถเข้าไปเก็บกู้ในพื้นที่พิพาทได้ ซึ่งเส้นเสียชีวิตในการปลดชนวนsะเบิดทุ่นสุดท้ายคือ ธันวาคม 2569 ซึ่งหมายถึง นับจากตอนนี้เราเหลือเวลาอีกเพียง 1 ปีเท่านั้น แล้วอะไรคือเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้การกวาดล้างทุ่นsะเบิดเป็นไปได้อย่างล่าช้า และเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่ประเทศไทยตจะกลายเป็นพื้นที่ปลอดทุ่นsะเบิด

เมื่อเขตแดนสำคัญกว่าชีวิตคน ความเสียชีวิตยังคงเกิดขึ้นได้รายวัน

“ต่อให้จะมีคนเสียชีวิตรายวันเพราะเพียงแค่ออกไปหาของป่าประทังชีวิต ออกไปทำไร่ไถนา พรุ่งนี้ก็จะมีคนเสียชีวิตอีกเพราะคนที่เสียชีวิตกลายเป็นศwเป็นเพียงตาสียายสา ที่เสียงร้องขอชีวิตไม่ได้ดังไปไกลพอที่จะให้รัฐบาลได้ยิน”

พลตรี ดร.สุชาต จันทรวงศ์ อดีตหัวหน้าส่วนประสานการปฏิบัติและประเมินผล/หัวหน้าส่วนนโยบายและแผนศูนย์ปฏิบัติการทุ่นsะเบิดแห่งชาติ (TMAC) พ.ศ. 2555 – 2559 เน้นย้ำว่าปัญหาที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การปฏิบัติงานของทหารภาคสนาม แต่คือความจริงใจของรัฐบาลทั้งสองประเทศที่ไม่ได้เห็นว่าการเก็บกู้ทุ่นsะเบิดให้หมดไปนั้นเป็นวาระสำคัญระหว่างประเทศเพราะโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของชาวบ้านตัวเล็กๆในพื้นที่ ไม่มีทางที่คนระดับประเทศ หรือสื่อมวลชนจะให้ความสำคัญและแผ่ขยายเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน ชีวิตของผู้คนชายแดนจึงถูกบันทึกไว้เพียงตัวเลขรายงานผู้เสียชีวิต อดีตทหารวิเคราะห์ให้เราฟังต่อว่า สำหรับเขาแล้วปัญหาหลักที่ทำให้การเก็บกู้ทุ่นsะเบิดไม่แล้วเสร็จตามกรอบเวลาแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก

พลตรี ดร.สุชาต จันทรวงศ์  อดีตหัวหน้าส่วนประสานการปฏิบัติและประเมินผล/หัวหน้าส่วนนโยบายและแผน

ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นsะเบิดแห่งชาติ (TMAC) พ.ศ. 2555 – 2559

ส่วนแรก คือ ภูมิศาสตร์ พื้นที่ที่เหลือรอเก็บกู้นั้นเป็นพื้นที่ภูเขาสูง ป่าทึบ บางแห่งต้องใช้เวลาเดินเท้าเข้าไปพักแรมในป่า และหากเป็นช่วงฤดูฝนหรือน้ำหลาก การปฏิบัติงานแทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยเพราะเสี่ยงต่อพลาดเหยียบทุ่นsะเบิด ยังไม่นับว่าพื้นที่ที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา การเข้าทำงานในพื้นที่จึงทำได้ยาก

ส่วนที่สอง คือ การบริหารงานจากส่วนกลาง แม้ว่า TMAC จะเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อปฏิบัติภารกิจเฉพาะ แต่การทำงานยังขึ้นตรงต่อกองทัพไทย บริหารงบประมาณภายใต้กระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าข้อมูลบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นที่การเก็บกู้ งบประมาณ แผนงานต่างๆ มักจะถูกใช้คำว่า ‘ความลับทางการทหาร’ เข้ามาเป็นเงื่อนไขในการเข้าถึงข้อมูล และการเปิดเผยงบประมาณในการเก็บกู้ ยังไม่นับโครงสร้างของระบบราชการที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำงานของ TMAC ที่เกี่ยวพันกันมากกว่าสิบกระทรวง ในขณะที่ฝั่งกัมพูชา องค์กรที่ทำหน้าที่เก็บกู้ทุ่นsะเบิดคือ CMAC เป็นองค์กรเอกชน การทำงานจึงมีความคล่องตัวและโปร่งใสกว่ามาก เพราะโดยสถานะขององค์กรจำเป็นต้องรายงานการใช้งบประมาณและแผนการทำงานอย่างละเอียด

sะเบิดไม่หมด ปักปันเขตแดนไม่ได้

“ไทยและกัมพูชาจะไม่มีวันปักปันเขตแดนได้เลย หากไม่มีการเดินสำรวจเพื่อทำแนวเขตแดนร่วมกัน และการสำรวจร่วมกัน ก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลยหากไม่มีการเก็บกู้sะเบิดร่วมกัน”

สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี นักวิชาการและผู้สื่อข่าวอิสระ มีความเชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหวางไทย-กัมพูชา ตั้งข้อสังเกตว่าพื้นที่ทั้งหมดที่ยังเก็บกู้sะเบิดไม่ได้นั้นเป็นพื้นที่พิพาทที่ระบุอยู่ใน MOU43 คือ บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก เนื่องจากพื้นที่บริเวณนั้นยังไม่สามารถปักปันเขตแดนได้ ทั้งไทยและกัมพูชาจึงไม่สามารถเข้าไปทำกิจกรรมใดๆ บริเวณนั้นได้เลย ดังนั้นในทางหนึ่งการเข้าไปสำรวจและเก็บกู้วัตถุsะเบิดอาจไม่สามรถทำได้ แม้ว่าข้อ 3.3 นั้นจะเขียนเอาไว้ว่า

‘ในการปฏิบัติงานสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ใดๆ ชุดสำรวจร่วมจะได้รับการยืนยันความปลอดภัยจากกับsะเบิดเสียก่อน’

แปลความได้ว่า พื้นที่บริเวณนั้นได้รับการยืนยันแน่ชัดแล้วว่าเป็นพื้นที่ยังคงมีทุ่นsะเบิดสังหารบุคคลตกค้าง และจำเป็นต้องได้รับการเคลียร์พื้นที่ให้แล้วเสร็จก่อนที่จะเกิดการสำรวจร่วมกัน แต่ในขณะเดียวกัน ในข้อ 5 กลับเขียนเอาไว้ว่า

‘เพื่ออำนวยความสะดวกให้การสำรวจตลอดแนวเขตแดนทางบกร่วมกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล หน่วยงานรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนั้นจะต้องงดเว้นการดำเนินการใดๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน เว้นแต่จะเป็นการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วมเพื่อประโยชน์ในการและจัดทำหลักเขตแดน’

สุภลักษณณ์เห็นว่า ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการที่ไทยและกัมพูชาสำรวจและเก็บกู้ทุ่นsะเบิดร่วมกัน ซึ่งในปี พ.ศ. 2565 ไทยได้เสนอพื้นที่ 10 แห่งในพื้นที่พิพาทต่อกัมพูชาเพื่อหารือแนวทางการสำรวจเก็บกู้ทุ่นsะเบิดร่วมกัน แต่ทางกองทัพกัมพูชาซึ่งรับผิดชอบการเก็บกู้ทุ่นsะเบิดในแนวชายแดนกว่า 40% นั้นไม่รับข้อเสนอ และยังมีการเข้าแทรกแซงการทำงานของหน่วยเก็บกู้มากกว่า 10 ครั้งในรอบปี เพราะความระแวงเกรงว่าอีกฝ่ายจะรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของตน  เท่ากับเป็นการปิดประตูเสียชีวิตให้กับโอกาสที่จะยุติความขัดแย้ง

เรียวจิ ทาคายาม่า ผู้แทนประจำประเทศกัมพูชา จากสมาคมผู้สนับสนุนการกำจัดกับsะเบิดและการพัฒนาชุมชนระหว่างประเทศ  หรือ IMCCD องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับการรับรองประเทศญี่ปุ่น ทำงานเก็บกู้ทุ่นsะเบิดในกัมพูชามากว่า 20 ปี

เช่นเดียวกับ เรียวจิ ทาคายาม่า ผู้แทนประจำประเทศกัมพูชา องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้รับการรับรองประเทศญี่ปุ่น สมาคมผู้สนับสนุนการกำจัดกับsะเบิดและการพัฒนาชุมชนระหว่างประเทศ (IMCCD) องค์กรที่ทำงานเก็บกู้sะเบิดในกัมพูชา ให้ความเห็นว่า

“เรื่องนี้ควรได้รับการแก้ไขผ่านการหารือระหว่างองค์กรปฏิบัติการกับsะเบิดของรัฐบาลกัมพูชา (CMAC) และ องค์กรปฏิบัติการกับsะเบิดของรัฐบาลไทย (TMAC ) สิ่งแรกที่ต้องทำคือรัฐบาลไทยและกัมพูชา ต้องแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามุ่งมั่นที่จะประกันความปลอดภัยของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้พื้นที่ทับซ้อน”

สำรวจ เก็บกู้ร่วม ไทย-กัมพูชา คือทางจบสงครามเขตแดน

จะมีโอกาสแค่ไหนที่ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่ปลอดทุ่นsะเบิด และเก็บกู้ได้ทันตามกรอบเวลา คำตอบจากการประเมินโดย Mine Motion Review  คือ ไม่มีทางที่จะบรรลุเป้าหมายได้ทัน ตามกรอบเวลาในปี พ.ศ. 2569

ประเทศกัมพูชาเป็นสมาชิกภาคีอย่างเป็นทางการของอนุสัญญาห้ามทุ่นsะเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention หรือ APMBC) โดยลงนามในสนธิสัญญาออตตาวาพร้อมกับประเทศไทยในวันที่ 3 ธันวาคม ปี 2540 ให้สัตยาบันในวันที่ 28 กรกฎาคม ปี 2542 และมีผลบังคับใช้ หรือเข้าร่วมอย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 1 มกราคม ปี 2543 ในรายงาน Reporting Formats for Article 7 ปี 2568  ประเทศกัมพูชารายงานว่า มีพื้นที่ต้องสงสัยมีทุ่นsะเบิดจำนวน 424,238,236 ตารางเมตร (424.24 ตำรวจกม.) ในปี พ.ศ. 2553 – 2567 กัมพูชาได้ตรวจสอบและเก็บกู้พื้นที่ต้องสงสัยว่ามีทุ่นsะเบิดไปแล้ว 1,586,684,400 ตารางเมตร (1,586.68 ตำรวจกม.)

กล่าวโดยสรุปคือ หากนับตามเวลาที่ลดน้อยลงไปทุกวัน ไทยคงไม่มีทางจะเป็นประเทศปลอดsะเบิดในเร็ววัน ซึ่งทั้งพลตรี ดร.สุชาต , สุภลักษณ์ และ เรียวจิ ทาคายาม่า ต่างให้ข้อเสนอที่สามารถสรุปได้ดังนี้คือ

ประการแรก – รัฐบาลทั้งสองประเทศ ไทย-กัมพูชา ต้องใช้กลไกลเวทีระกว่างประเทศ เช่น Frequent Border Committee: GBC เป็นเวทีในการผลักดันประเด็นการสำรวจและเก็บกู้ทุ่นsะเบิดร่วมกันเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อนำไปสู่การสำรวจและปักปันเขตแดนร่วมกันในอนาคต ซึ่งจากผลการประชุมที่เกิดขึ้นไปเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ที่มาเลเซียนั้นแสดงให้ว่า การเก็บกู้ร่วมกันระหว่างสองประเทศนั้นยังเป็นสิ่งที่ไม่ถูกผลักดันให้เป็นวาระหลัก

ประการที่สอง- ผลักดันให้ภารกิจการเก็บกู้ทุ่นsะเบิดเป็นหน้าที่ของพลเรือนโดยมีกฎหมายจัดตั้งรองรับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาประเทศ และจะเป็นผลดีต่อการร้องขอความช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยีการเก็บกู้และงบประมาณ

ประการที่สาม – สร้างการรับรู้ร่วมกันต่อสังคมในวงกว้างถึงการมีอยู่ของทุ่นsะเบิดและความสำคัญของชีวิตพลเรือนที่อาศัยอยู่แนวตะเข็บชายแดนที่ต้องเสี่ยงภัยกับกับsะเบิด ให้สังคมลดอคติระกว่างไทย-กัมพูชา รับรู้ร่วมกันว่าชีวิตมนุษย์นั้นสำคัญกว่าเส้นเขตแดน

หมายเหตุ

รายงานข่าวชิ้นนี้เป็นหนึ่งในผลงานจากโครงการ TRAINING & WORKSHOP: DATA JOURNALISM FOR INVESTIGATIVE REPORTING โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและชมรมเครือข่ายนักสื่อสารข้อมูลเชิงลึกแห่งประเทศไทย (TDJ) ได้รับทุนสนับสนุนจากสถานทูตสหรัฐอเมริกา

อ้างอิง :

  • https://www.apminebanconvention.org/fileadmin/_APMBC-DOCUMENTS/Art7Reports/2025-Cambodia-Art7Report-for2024.pdf
  • 1999-2024 Article 7 of the Convention, https://disarmament.unoda.org/anti-personnel-landmines-convention/article-7-stories/article-7-database/
  • เอกสารคำขอขยายระยะเวลาการเก็บกู้ทุ่นsะเบิดสังหารบุคคล พ.ศ.2565
  • Https://resolution.soc.scuttle.th/PDF_UPLOAD/2565/P_406076_6.pdf
  • Clearing the Mines 2024 declare for Cambodia
  • Clearing the Mines 2024 declare for Thailand

ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )

ผู้เรียบเรียง

ให้คะแนนความพอใจของคุณ :

0 / 5 คะแนน 0

คุณให้คะแนน:

แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/8rtd | ดู : 10 ครั้ง
  • No recent comments available.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Share via
Click to Hide Advanced Floating Content
Send this to a friend