ทวี แถลง จับกุมตัว ชวนหลิง จาง กก.บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ – ผู้ต้องหา คดีนอมินี

ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม – ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ – สตม. แถลงข่าวจับกุมตัว ‘ชวนหลิง จาง’ กก.บ.บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 บริษัทกิจการร่วมค้าก่อสร้างตึกสตง.แห่งใหม่ถล่ม ผู้ต้องหา คดีนอมินี  คาด จับ 3 ผู้ต้องหาคนไทย ได้เร็ว ๆ นี้

สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า เมื่อเวลา 19.20 น. วันที่ 19 เมษายน 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พันตำรวจเอก ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวจับกุมตัวนายชวนหลิง จาง กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 37 และมาตรา 41 หรือ ข้อหานอมินี

ทั้งนี้ พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 37 ระบุว่า คนต่างด้าวผู้ใดประกอบธุรกิจโดยฝ่าฝืนมาตรา 6 มาตรา 7 หรือ มาตรา 8 (ประเภทธุรกิจและการประกอบธุรกิจสำหรับคนต่างด้าว) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้ง จำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเลิกการประกอบธุรกิจ หรือเลิกกิจการ หรือสั่งเลิกการเป็นผู้ถือหุ้น หรือ เป็นหุ้นส่วน แล้วแต่กรณี หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัตตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละหนึ่งหมื่นบาทถึงห้าหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

ขณะที่ มาตรา 41 ระบุว่า ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 หรือมาตรา 37 กรรมการ หุ้นส่วน หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลซึ่งรู้เห็น เป็นใจกับการกระทำความผิดนั้น หรือมิได้จัดการตามสมควรเพื่อป้องกันมิให้เกิดความผิดนั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พันตำรวจเอก ทวีกล่าวว่า ภายหลังศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย คนไทย 3 ราย อีก 1 รายมีสถานะเป็นนิติบุคคลต่างชาติ คือ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้ามไม่ให้ประกอบธุรกิจ หลังจากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นำผู้ต้องหาคนไทย 3 คน ถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เนื่องจากมีหลักฐานทางการเงิน 2 พันกว่าล้านบาท กู้ยืมกรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ ฯ ซึ่งเป็นคนจีน

พันตำรวจเอก ทวีกล่าวว่า ขณะที่ผู้ต้องหาคนไทยตามหมายจับอีก 3 ราย ได้แก่ 1.นายมานัส ศรีอนันท์ 2.นายประจวบ ศิริเขตร และ 3.นายโสภณ มีชัย  เชื่อว่าจะได้ตัวเร็ว ๆ นี้

พันตำรวจเอก ทวีกล่าวว่า เป็นปฐมบทที่เป็นเหตุให้บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เข้าไปทำสัญญาโครงการก่อสร้างตึก สตง.แห่งใหม่ ในรูปแบบของกิจการร่วมค้า

ขณะที่พันตำรวจเอก ยุทธนากล่าวว่า จับกุมนายชวนหลิง จาง ได้ที่สถานที่แห่งหนึ่งย่านรัชดา หลังจากนี้ต้องรอล่ามและทนายความของนายชวนหลิง จาง โดยจะมีการดำเนินการสอบสวนตามกฎหมายต่อไปและเป็นไปตามสิทธิของผู้ต้องหา

พันตำรวจเอก ยุทธนากล่าวว่า ในส่วนของข้อหานอมินี แม้ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ตึกสตง.ถล่มโดยตรง แต่อาจจะทำให้บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ มีคุณสมบัติสามารถประมูลงานก่อสร้างตึกสตง.ได้ หรือ เรียกว่า เป็นสาเหตุโดยอ้อม ขณะที่ความผิดเกี่ยวกับความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือ ฮั้ว มาตรา 7 ว่าด้วยผู้ใดใช้อุบายลวงลวงหรือกระทำการโดยวิธีอื่นใดเป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรรม หรือให้มีการเสนอราคาโดยหลงผิด อยู่ระหว่างสอบสวน

พันตำรวจเอก ยุทธนากล่าวว่า ขณะที่ผู้ต้องหาคนไทยอีก 3 ราย เป็นผู้ถือหุ้นสัญชาติไทย 51% ซึ่งเป็นการถือแทนบุคคลต่างด้าว อยู่ระหว่างติดตามตัว และยังอยู่ในประเทศ

ด้าน พลตำรวจตรี ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบก.สส.สตม.) กล่าวว่า ปัจจุบันวีซ่าของนายชวนหลิง จาง จะหมดอายุในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 โดยมีประวัติเข้าออก เป็นการจับกุมตามหมายจับ

มีรายงานระบุว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ขณะนี้นี้ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ติดตามตัวนายชวนหลิง จาง จนพบว่าเจ้าตัวได้เข้าพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ มาประมาณ 2 วัน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเตรียมอ่านหมายจับของศาลอาญาให้นายชวนหลิง จาง (ผู้ต้องหารายสำคัญ) รับฟังพฤติการณ์แห่งคดี โดยเจ้าตัวได้ประสงค์ขอรอล่ามแปลภาษาก่อน ซึ่งล่ามแปลภาษาดังกล่าวเป็นทนายความด้วย

โดยขณะเข้าจับกุมภายในโรงแรมนั้น นายชวนหลิง จาง สวมใส่เสื้อผ้าชุดลำลอง และมีอาการตกใจที่ถูกออกหมายจับ ซึ่งหลังจากจบกระบวนการแจ้งจับแล้ว ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว จึงจะได้มีการควบคุมตัวนายชวนหลิง จาง เข้าไปที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นำส่งให้คณะพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดี เพื่อสอบสวนปากคำและทำบันทึกการจับกุม ส่วนกรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทย 3 ราย คือ นายประจวบ นายโสภณ และนายมานัส เจ้าหน้าที่ยังคงอยู่ระหว่างไล่ล่าติดตามจับกุมตัว

ทั้งนี้ นายชวนหลิง จาง ตามรายงานการสืบสวนพบว่ามีรายชื่อเป็นกรรมการอยู่ในบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมาเป็นกิจการร่วมค้า หรือ Joint Project กับบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) โดยบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ มีที่ตั้งเลขที่ 493 ซอยพุทธบูชา แยก 11 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร โดยตามการจำแนกเป็นสัดส่วนของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ มีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทย 51% ดังนี้ นายโสภณ มีชัย ถือหุ้น 40.7997% นายประจวบ ศิริเขตร ถือหุ้น 10.2% และนายมานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 0.0003% ส่วนสัดส่วนผู้ถือหุ้นสัญชาติจีน 49% เป็นบุคคล 1 ราย คือ นายชวนหลิง จาง และมีนายนายโสภณ มีชัย เป็นกรรมการ