
ความขัดแย้งระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ กับอีลอน มัสก์ จุดเชื้อไฟให้นาซาอาจเผชิญ ‘วิกฤตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา'

ที่มาของภาพ : NASA/Johns Hopkins
data
- Creator, พัลลภ โกศ
- Role, ผู้สื่อข่าววิทยาศาสตร์ บีบีซีนิวส์
ความขัดแย้งระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และ อีลอน มัสก์ เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณหลัก ทำให้อนาคตงบประมาณขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา อยู่ในสถานะที่ไม่มั่นคง เพราะกำลังจะเผชิญกับการถูกตัดเงินทุนสนับสนุนครั้งใหญ่
องค์การอวกาศแห่งนี้ได้เปิดเผยคำของบประมาณประจำปีต่อสภาคองเกรสแล้ว พบว่า เงินทุนสำหรับโครงการทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ถูกปรับลดลงเกือบครึ่ง
ภารกิจทางวิทยาศาสตร์ 40 ภารกิจ ซึ่งมีทั้งที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและที่เริ่มปฏิบัติการในอวกาศแล้ว ใกล้จะต้องยุติลง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะยกเลิกสัญญาที่รัฐบาลกลางทำกับบริษัท สเปซเอ็กซ์ (Living X) ของ อีลอน มัสก์ ซึ่งนาซายังพึ่งพาจรวดฟัลคอน 9 (Falcon 9) ของบริษัทในการส่งลูกเรือและเสบียงไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ (World Living Pronounce) และองค์การอวกาศแห่งนี้ยังหวังจะใช้จรวดสตาร์ชิป (Starship) ของสเปซเอ็กซ์ ในการส่งนักบินอวกาศไปสำรวจดวงจันทร์ และอาจไปยังดาวอังคารด้วยหากพัฒนาสำเร็จ
ดร.ซีเมียน บาร์เบอร์ นักวิทยาศาสตร์อวกาศ ที่มหาวิทยาลัยเปิดแห่งสหราชอาณาจักร (Open University) ระบุว่า ความไม่แน่นอนนี้กำลังส่ง “ผลกระทบที่น่าหวาดกังวล” ต่อโครงการอวกาศของมนุษยชาติ
Skip ได้รับความนิยมสูงสุด ได้รับความนิยมสูงสุด
End of ได้รับความนิยมสูงสุด
“การโต้ตอบกันไปมาที่น่าประหลาดใจ การตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วน และการกลับไปกลับมาที่เราได้เห็นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บั่นทอนรากฐานสำคัญในความมุ่งหมายของเรา”
“วิทยาศาสตร์อวกาศและการสำรวจต้องพึ่งพาการวางแผนระยะยาว และความร่วมไม้ร่วมมือระหว่างรัฐบาล บริษัทต่าง ๆ และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ”

ที่มาของภาพ : BBC News
นอกจากความบาดหมางระหว่างทรัมป์ กับ มัสก์ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการที่ทำเนียบขาวเสนอตัดงบประมาณของนาซาจำนวนมาก
ทุกส่วนถูกกันไว้เป็นเงินออม ยกเว้นความพยายามส่งนักบินอวกาศไปดาวอังคารซึ่งได้รับงบประมาณเพิ่ม 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,278 ล้านบาท)
เคซีย์ เดรเยอร์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายอวกาศประจำศูนย์ที่เมืองแพซาดีนาในรัฐแคลิฟอร์เนีย ขององค์กรแพลนเนตทารี โซไซตี (Planetary Society) ซึ่งส่งเสริมการสำรวจอวกาศ ระบุว่า การตัดงบประมาณที่อาจจะเกิดขึ้น จะสะท้อนถึง “วิกฤตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาที่โครงการอวกาศของสหรัฐฯ จะต้องเผชิญ”
ก่อนหน้านี้ นาซาระบุว่าได้เสนอของบประมาณในภาพรวมลดลงเกือบ 1 ใน 4 โดย “ปรับหน่วยงานต่าง ๆ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ของนาซา) ให้สอดคล้องกับภารกิจที่จำเป็นสำหรับการสำรวจดวงจันทร์และดาวอังคาร”
ดร.อดัม เบเกอร์ นักวิเคราะห์ด้านอวกาศแห่งมหาวิทยาลัยแครนฟิลด์ (Cranfield University) บอกกับบีบีซีนิวส์ว่า หากข้อเสนอนี้ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส มันจะเป็นการเปลี่ยนขอบเขตการให้ความสำคัญของนาซาโดยพื้นฐาน
“ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังปรับวัตถุประสงค์ของนาซาใหม่เพื่อ 2 ภารกิจคือ การส่งนักบินอวกาศไปยืนบนดวงจันทร์ให้ได้ก่อนจีน และเพื่อให้นักบินอวกาศไปปักธงสหรัฐฯ บนดาวอังคาร สิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญรองลงไป”

ที่มาของภาพ : NASA
กลุ่มผู้ที่สนับสนุนข้อเสนอนี้มองว่า ทำเนียบขาวให้งบประมาณกับนาซาโดยมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับจากที่ยานอะพอลโลเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์ในทศวรรษที่ 1960–1970 ที่ขณะนั้นมีเป้าหมายเพื่อต้องการเอาชนะสหภาพโซเวียตในภารกิจบนดวงจันทร์ นักวิจารณ์ของนาซากล่าวว่า นับจากนั้นองค์การอวกาศแห่งนี้ก็กลายเป็นระบบราชการที่ใหญ่โตเทอะทะและไม่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน ซึ่งมักใช้งบประมาณเกินตัวในภารกิจอวกาศต่าง ๆ และใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนอย่างสิ้นเปลือง
ตัวอย่างร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่งคือ โครงการจรวดลำใหม่ของนาซาที่มีแผนเพื่อใช้ส่งนักบินอวกาศชาวอเมริกันไปดวงจันทร์อีกครั้ง จรวดลำนี้ชื่อว่า “สเปซลอนช์ซิสเตม” (Living Originate System) ซึ่งพัฒนาล่าช้ากว่ากำหนด และค่าใช้จ่ายสูง โดยต้องใช้เงิน 4.1 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.34 แสนล้านบาท) ในการปล่อยจรวดแต่ละครั้ง ซึ่งในขณะเดียวกัน มีการประเมินว่าระบบจรวดที่เทียบเท่ากันของบริษัทสเปซเอ็กซ์ที่ชื่อ “สตาร์ชิป” (Starship) ใช้เงินราว 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.28 พันล้านบาท) ต่อการปล่อยหนึ่งครั้ง เพราะถูกออกแบบให้สามารถใช้ซ้ำได้ นอกจากนี้บริษัทด้านอวกาศอีกแห่งคือ บลู ออริจิน (Blue Starting put aside) ของ เจฟฟ์ เบซอส ก็ให้คำมั่นสัญญาถึงการประหยัดเงินที่คล้ายคลึงกันในการนำเสนอจรวด “นิวเกล็นน์” ของบริษัท
ไม่น่าแปลกใจที่ “สเปซลอนช์ซิสเตม” จะถูกตัดออกในข้อเสนอของทำเนียบขาว ด้วยความหวังว่าจะใช้จรวด “สตาร์ชิป” และ “นิวเกล็นน์” มาแทนที่ได้ แต่ที่ผ่านมาการทดลองปล่อยจรวดสตาร์ชิปสามครั้งไม่เป็นผลสำเร็จ ขณะที่บริษัทบลู ออริจิน เอง ก็เพิ่งเริ่มการทดสอบจรวดสำหรับส่งไปดวงจันทร์เมื่อไม่นานมานี้
“ข้อกังวลก็คือนาซาอาจจะกำลังกระโดดออกจากกระทะที่กำลังเผาไหม้ ไปลงบนกองไฟ” ดร.บาร์เบอร์ กล่าว
“การพัฒนาทางเลือกต่าง ๆ มาทดแทนสเปซลอนช์ซิสเตม กำลังได้รับเงินทุนสนับสนุนจากอีลอน มัสก์ และเจฟฟ์ เบซอส”
“หากพวกเขาหมดความกระหายในความพยายามนี้ และสเปซเอ็กซ์ หรือบลู ออริจิน บอกว่าต้องการเงินเพิ่มเพื่อพัฒนาระบบของพวกเขา สภาคองเกรสก็จะต้องให้เงินกับพวกเขา” ดร.บาร์เบอร์ ระบุ
หรือที่น่ากังวลไปกว่านั้น ดร.บาร์เบอร์ วิเคราะห์ว่าอาจส่งผลต่อการสูญเสีย 40 ภารกิจในการสำรวจดาวเคราะห์อื่น ๆ และการติดตามผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกจากอวกาศ ซึ่งหลายโครงการอาศัยความร่วมมือกับพันธมิตรนานาประเทศ
“ผมว่ามันน่าเศร้ามากนะ ที่สิ่งที่ใช้เวลาสร้างมาอย่างยาวนานอาจถูกทำลายลงด้วยลูกเหล็กลูกเดียวอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีแผนในการสร้างมันใหม่หลังจากนั้น”
โครงการต่าง ๆ ที่อาจถูกตัดประกอบด้วยหลายสิบภารกิจเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่อยู่บนอวกาศแล้ว ซึ่งค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและส่งยานขึ้นสู่อวกาศส่วนใหญ่ถูกจ่ายไปแล้ว โดยมีการประหยัดต้นทุนการดําเนินงานค่อนข้างน้อย

ที่มาของภาพ : Getty Photos
นอกจากนี้ ความร่วมมือกับองค์การอวกาศยุโรป (European Living Company) ยังมีอีก 2 โครงการที่ตกอยู่ในความเสี่ยงคือ โครงการที่มุ่งหมายจะนำหินจากดาวอังคารที่ยานสำรวจเพอร์เซเวียแรนซ์ (Perseverance) ของนาซาเก็บไว้กลับสู่โลก และภารกิจที่จะส่งยานสำรวจพื้นผิวโรซาลินด์ แฟรงคลิน (Rosalind Franklin) ไปยังดาวเคราะห์สีแดงเพื่อค้นหาสัญญาณของสิ่งมีชีวิตในอดีต
ศาสตราจารย์ เซอร์ มาร์ติน สวีทติง ประธานบริษัท เซอร์เรย์ แซทเทิลไลท์ เทคโนโลยี จำกัด บริษัทด้านอวกาศของสหราชอาญาจักร และผู้ร่วมเขียนรายงานของราชสมาคม (Royal Society) เกี่ยวกับอนาคตของอวกาศ ระบุว่า แม้โครงการพัฒนาดังกล่าวจะ “ไม่ได้รับการต้อนรับนัก” แต่ก็อาจจะมีข้อดีสำหรับยุโรป เนื่องจากยุโรปเข้ามารับผิดชอบมากขึ้นในโครงการสำรวจอวกาศของตนเอง
“บางทีเราอาจจะพึ่งพานาซามากเกินไปในการให้เป็นผู้เล่นหลักที่แบdหน้าที่สำคัญในอวกาศ” เขาบอกกับบีบีซีนิวส์
“มันคือโอกาสในการพิจารณาว่ายุโรปจะสร้างความสมดุลในกิจกรรมอวกาศต่าง ๆ ให้ดีขึ้นได้อย่างไร”
ทว่าในระยะสั้นยุโรปจะต้องเผชิญกับข้อเสียมากกว่า เพราะในการจะส่งตัวอย่างจากดาวอังคารและส่งยานอวกาศกลับโลก องค์การอวกาศยุโรปเสี่ยงที่เข้าถึงสถานีอวกาศนานาชาติได้น้อยลงหากสถานีอวกาศดังกล่าวถูกยกเลิก และการตัดงบประมาณในนาซาก็ส่งผลต่อการความร่วมมือของนาซาในลูนาร์เกตเวย์ (Lunar Gateway) สถานีอวกาศนานาชาติที่ถูกวางแผนให้โคจรรอบดวงจันทร์

ที่มาของภาพ : NASA
ในกลยุทธ์ขององค์การอวกาศยุโรปที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ ระบุว่า พวกเขา “จะพยายามสร้างขีดความสามารถด้านอวกาศที่เป็นอิสระมากขึ้น และจะยังคงเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ แข็งแกร่ง และเป็นที่ต้องการต่อองค์การอวกาศต่าง ๆ ทั่วโลก” ซึ่งมีนัยว่าพวกเขาจะทำเช่นนั้นแม้นาซาจะร่วมด้วยหรือไม่ก็ตาม
ด้าน ดร.เบเกอร์ เปิดเผยว่า โครงการสังเกตการณ์โลกหลายโครงการในปัจจุบัน ทั้งที่เกิดขึ้นแล้วและมีแผนที่จะทำ ก็กำลังเผชิญกับการถูกตัดเงินทุนเช่นกัน
“โครงการสังเกตโลกเหล่านี้จะเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า (canary within the coal mine) ของพวกเรา” เขาบอกกับบีบีซีนิวส์
“ความสามารถของเราในการคาดการณ์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดความรุนแรงของมันอาจจะลดลงอย่างมาก หากเราปิดระบบเตือนภัยล่วงหน้านี้ ซึ่งจะเป็นฉากทัศน์ของอนาคตที่น่าหวาดกังวล”
ข้อเสนอด้านงบประมาณดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส เคซีย์ เดรเยอร์ แห่งองค์กรแพลนเนตทารี โซไซตี บอกกับบีบีซีนิวส์ว่า ผู้แทนจากพรรครีพับลิกันหลายคนได้บอกกับบรรดานายหน้าเป็นการส่วนตัวว่าพวกเขากำลังจะโหวตคว่ำข้อเสนอตัดงบประมาณ
แต่เดรเยอร์ก็กังวลว่า ความขัดแย้งทางการเมืองจะทำให้หาข้อตกลงในเรื่องงบประมาณไม่ได้ ซึ่งเขามองว่ามีโอกาสเกิดขึ้นสูง และมีแนวโน้มที่ข้อเสนอการลดงบประมาณของทำเนียบขาวจะถูกนำมาใช้เป็นมาตรการชั่วคราว ซึ่งอาจทำให้ถอยกลับลำบาก เพราะหากภารกิจบนอวกาศถูกยุติลงแล้ว การจะกลับมาเริ่มภารกิจใหม่นั้นเป็นเรื่องยากหรือเป็นไปไม่ได้เลย
ที่มา BBC.co.uk