โลกที่มีสันติและเสถียรภาพกำลังเปลี่ยนไป ลอว์เรนซ์ หว่อง (Law

โลกที่มีสันติและเสถียรภาพกำลังเปลี่ยนไป
ลอว์เรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ออกแถลงเตือนประชาชน ว่าสิงคโปร์ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากสันติและเสถียรภาพของโลกที่เคยมีอยู่ “จะไม่กลับมาในเร็ววัน” นายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง กล่าวในวิดีโอบน YouTube เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2568
.
เขาออกประกาศนี้ หลังจากเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2568 อเมริกาได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าแบบกวาดล้างกับเกือบทุกประเทศคู่ค้า แม้แต่ชาติพันธมิตร ซึ่งเป็นการจุดชนวนให้หลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีเช่นกัน ส่งสัญญาณชัดว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของสงครามการค้า (Alternate Warfare)
.
นโยบายนี้ไม่เพียงกระทบเศรษฐกิจโลก แต่ยังบ่อนทำลายระบบการค้าเสรี ที่ประเทศเล็กอย่างสิงคโปร์เคยพึ่งพา ลอว์เรนซ์ หว่อง เตือนว่า เสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่เคยมีอยู่และคุ้นเคยได้หายไปแล้ว และสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือความไม่แน่นอนและแรงกระแทกรอบใหม่
.
เขายอมรับว่า ประเทศเล็กไม่สามารถพึ่งพากฎหมายหรือระบบการค้าโลก (WTO: World Alternate Organization) แบบเดิมอีกต่อไป และประชาชนต้องเตรียมใจรับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
.
ท่าทีของอเมริกาครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การค้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จะเป็นการเขย่าเสถียรภาพของระบบโลก ที่อาจกระทบทุกประเทศโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งยุคโลกการค้าเสรีตามกฎเกณฑ์เดิมได้สิ้นสุดลงแล้ว และกำลังเปลี่ยนไปสู่ยุคที่ “เป็นไปตามอำเภอใจ มีการกีดกันทางการค้า และอันตรายมากขึ้น” นี่เป็นความเสี่ยงและมีเดิมพันสูงมาก
.
สำหรับประเทศในอาเซียนที่เจอกับภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น ดังนี้
กัมพูชาโดนหนักสุดที่ 49%
ลาว forty eight%
เวียดนาม 46%
เมียนมา 44%
ไทย 36%
อินโดนีเซีย 32%
บรูไน 24%
มาเลเซีย 24%
ฟิลิปมินส์ 17%
สิงคโปร์ 10%
.
แม้สิงคโปร์อยู่ในกลุ่มฐานภาษีต่ำสุด ด้วยอัตราภาษี 10 % ผลกระทบโดยตรงจึงอาจยังไม่มากเท่าประเทศอื่น เฉพาะในขณะนี้ แต่เขาคิดว่ามีผลกระทบจะเกิดขึ้นในวงกว้างและลึก หากประเทศอื่น ๆ ยอมทำตาม จะนำมาซึ่งปัญหา โดยเฉพาะสำหรับประเทศเล็ก ๆ เช่นสิงคโปร์ แต่สิงคโปร์จะเลือกไม่ตอบโต้ด้วยภาษี เพราะเกรงว่าจะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ในประเทศ แต่อาศัยการเจรจาแทน ซึ่งสะท้อนว่าประเทศเล็กมีอำนาจจำกัดเพียงใด
.
“เราเสี่ยงที่จะถูกบีบให้จนมุม ถูกกีดกัน และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” เขากล่าว พร้อมเสริมว่าครั้งสุดท้ายที่โลกประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้คือในช่วงทศวรรษ 1930 นั่นคือช่วงที่สงครามการค้าลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งทางอาวุธ และในที่สุดก็นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
.
เขายังกล่าวให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนสิงคโปร์ว่า “เราจะเฝ้าระวัง เสริมสร้างขีดความสามารถ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน” สิงคโปร์มีความพร้อมมากกว่าอีกหลายประเทศด้วยทุนสำรองและการประกาศให้เตรียมความพร้อมร่วมมือกันในโลกการค้าที่เปลี่ยนไป
.
เป็นเหมือนคำถามที่ตั้งกลับมาว่าประเทศอาเซียนอย่างไทยจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร
.
ที่มา: https://www.channelnewsasia.com/singapore/singapore-should always-brace-itself-extra-shocks-following-us-tariffs-pm-wong-5044901
.
อ่านเพิ่มเติม: เมื่อภาษีเปลี่ยนเกมการค้า: การส่งออกไทยจะได้รับผลกระทบอย่างไร?
https://www.amarintv.com/highlight/economy/510936
.
เครดิตภาพ: youtube.com/@channelnewsasia