เรารู้อะไรบ้าง หลังมวลชนกัมพูชาปะทะเจ้าหน้าที่ไทย จนต้อง “ยิvแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง” คุมสถานการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว

ที่มาของภาพ : THAI NEWS PIX

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยตรึงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

กองทัพบกยืนยัน “จำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางควบคุมสถานการณ์” การประท้วงของชาวกัมพูชา บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ประกอบด้วย ตำรวจปราบจลาจล เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและทหารสนธิกำลังและยุทโธปกรณ์ควบคุมฝูงชน เพื่อเข้าควบคุมบังคับใช้กฎหมาย หลังประชาชนชาวกัมพูชาราว 200 คนเริ่มประท้วงปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ โดยรุกล้ำเขตแดนเข้ามารื้อรั้วลวดหนาม บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว จนเกิดการปะทะกัน

เหตุการณ์นี้สงบลงแล้วภายในระยะเวลาประมาณ 1 ชม. 20 นาที ด้วย “ผลของแก๊สน้ำตา” ทำให้ทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนถอยห่างออกจากแนวปะทะ

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวยืนยันว่า การใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามเป็นการจลาจล

ที่มาของภาพ : THAI NEWS PIX

คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) เดินทางมาสังเกตการณ์ในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ก่อนเกิดเหตุปะทะ

ก่อนเกิดเหตุปะทะ ไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Intervening time Observer Groups – IOT) เดินทางมาสังเกตการณ์และเจรจาขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในที่ตั้ง ทว่าภายหลังคณะ IOT เดินทางออกจากพื้นที่แล้ว พบว่า ประชาชนกัมพูชาได้กลับมารื้อลวดหนามและทำร้ายเจ้าหน้าที่ไทย จนเกิดการปะทะกันในช่วงเย็น

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue discovering outได้รับความนิยมสูงสุด

Smash of ได้รับความนิยมสูงสุด

ไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิvเมื่อ 28 ก.ค. ในระหว่างการประชุมนัดพิเศษที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีมาเลเชีย ในฐานะประธานอาเชียน เป็นผู้ประสานงาน โดยให้มีคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว ประกอบด้วย ผู้ช่วยทูตทหารของอาเซียนประจำประเทศไทยและกัมพูชาเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอโดยจะไม่มีการข้ามแดน และมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee – RBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (Regular Border Committee – GBC) ในแต่ละประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการละเมิดการหยุดยิvโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

คำชี้แจงจาก ทบ.

กองทัพบก (ทบ.) ชี้แจงเหตุการณ์มวลชนกัมพูชาชุมนุมประท้วง บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว โดยลำดับเหตุการณ์ สรุปได้ ดังนี้

  • 15.40 น. ทบ. ได้รับรายงานจากกองกำลังบูรพา กรณีฝ่ายกัมพูชานำประชาชนและมวลชนประมาณ 200 คน มาชุมนุมประท้วงการปฏิบัติของฝ่ายไทย ระหว่างการวางเครื่องกีดขวางและลวดหนามหีบเพลงเสริมความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ฝ่ายไทยได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมและดำเนินการวางลวดหนามหีบเพลงตามแผนการปฏิบัติ อย่างไรก็ตามกลุ่มมวลชนกัมพูชายังคงแสดงการประท้วงอย่างต่อเนื่อง
  • 16.20 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยจำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางควบคุมสถานการณ์ ส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนถอยห่างออกจากแนวปะทะ เนื่องจากผลของแก๊สน้ำตา
  • 17.00 น. ฝ่ายไทยยังคงดำเนินการเสริมความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยการวางแนวลวดหนามเพิ่มเติมและใช้ยางรถยนต์ประกอบ รวมถึงควบคุมการประท้วงโดยใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง และเครื่อง LRAD ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาเริ่มถอยออกจากพื้นที่ และมีการตะโกนต่อว่าเจ้าหน้าที่ไทยเป็นระยะ รวมทั้งมีการใช้ความรุนแรงโดยการขว้างปาท่อนไม้ ก้อนหิน และยิvหนังสติ๊กมายังเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย จนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยพยายามเข้าวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคงในบริเวณดังกล่าว กลับพบการเข้าขัดขวางของมวลชนกัมพูชาจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่มีอาวุธเป็นท่อนไม้และหนังสติ๊ก สุดท้ายจำเป็นต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ด้วยการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลามเป็นการจลาจล

โฆษก ทบ. บอกด้วยว่า ได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่บางส่วนได้รับบาดเจ็บจากการถูกขว้างปาด้วยท่อนไม้ ก้อนหิน รวมถึงถูกยิvด้วยหนังสติ๊ก

“การเข้าดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในการระงับเหตุ และใช้เครื่องมือที่เน้นการผลักดันเพื่อระงับเหตุจลาจล จึงถือว่าเป็นไปตามหลักสากล และเหมาะสมต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น”

ที่มาของภาพ : THAI NEWS PIX

พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วอยู่ตรงไหน

สำหรับบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เป็นพื้นที่ที่กองทัพไทยและฝ่ายปกครองของไทยยืนยันว่า “อยู่ในเขตอธิปไตยไทยชัดเจน” และเป็น “ดินแดนของประเทศไทยโดยชอบธรรม” ไม่ใช่พื้นที่พิพาทหรืออยู่ในเขตพื้นที่อ้างสิทธิตาม บันทึกความเข้าใจปี 2540 (MOU43) แต่อย่างใด โดยอยู่เขตที่ 42-43 ฝั่งตรงข้ามเป็นจังหวัดบันเตียเมียนเจยของกัมพูชา

เจ้าหน้าที่ไทยได้ติดป้ายเตือนว่า การบุกรุกพื้นที่นี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย และขัดต่อกฎหมายไทยอย่างชัดเจน ทั้งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522

นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ระบุว่า พื้นที่ประมาณ 20 ไร่ มีราษฎรกัมพูชาปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำประมาณ 335 ครัวเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายไทย

กองทัพบก (ทบ.) เริ่มวางรั้วลวดหนามหลายจุด โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อวางแนวเครื่องกีดขวางในการรักษาความปลอดภัยให้กำลังพล โดยเฉพาะป้องกันการลักลอบเข้ามาใช้อาวุธทุ่นsะเบิดเพื่อทำร้ายฝ่ายไทย และเป็นลักษณะเสริมความมั่นคงต่อที่วางกำลังของหน่วยทหาร” แต่นั่นได้สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวกัมพูชา จนเกิดเหตุกระทบกระทั่งระหว่างทหารไทยกับชาวกัมพูชาเป็นระยะ ๆ

บ่ายของวันที่ 16 ก.ย. ชาวบ้านกัมพูชาได้แสดงความไม่พอใจ และพยายามเข้ารื้อลวดหนามบางส่วน ทำให้กองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศต้องเสริมกำลังในพื้นที่ และประสานไปยังหน่วยทหารกัมพูชาที่ควบคุมพื้นที่ให้ชี้แจงประชาชนของตนให้หยุดการกระทำ

ต่อมาในช่วงเย็น พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า ถึงแม้ปัจจุบันเหตุการณ์คลี่คลายและกลับสู่ภาวะปกติแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมองว่าเข้าข่ายการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิvที่ฝ่ายกัมพูชามีการกระทำที่แสดงออกถึงการยั่วยุฝ่ายไทย โดยใช้ประชาชนมาแสดงออก ขณะที่ฝ่ายทหารกัมพูชาเพิกเฉย ไม่ได้พยายามดำเนินการห้ามปรามใด ๆ

โฆษก ทบ. ระบุต่อไปว่า นอกจากนี้มีความพยายามสร้างกระแสบิดเบือนข้อมูลว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ ทั้งที่จริงแล้วเป็นพื้นที่ในเขตอธิปไตยของไทยชัดเจน ซึ่งฝ่ายไทยจะได้รวบรวมหลักฐานประท้วงผ่านกลไกสากลต่าง ๆ เพื่อให้ทราบถึงการกระทำที่ขัดต่อข้อตกลงที่มีระหว่างกันของฝ่ายกัมพูชาต่อไป

สื่อกัมพูชารายงานเหตุการณ์นี้อย่างไร

สื่อกัมพูชาต่างรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เวลา 16.forty eight น. สำนักข่าว DAP News ของกัมพูชา รายงานเป็นข่าวด่วน โดยอ้างอิงคำกล่าวของนายเนตร พักตรา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศของกัมพูชา ที่ระบุว่า “ทหารไทยยังคงละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา โดยได้ทำการวางกำลังและล่วงล้ำเข้ามาในหมู่บ้านเปรยจัน ตำบลโอว์เบยจัน อำเภอโอว์จรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย รวมถึงมีการใช้แก๊สน้ำตากับประชาชนชาวกัมพูชาด้วย”

เนื้อหาดังกล่าวเป็นเนื้อหาเดียวกับสำนักข่าวเฟรชนิวส์ ซึ่งนำเสนอเป็นข่าวด่วนเช่นกัน และระบุเพิ่มเติมว่าพื้นที่ดังกล่าว “เป็นดินแดนอธิปไตยของกัมพูชา”

ต่อมา เวลา 17.27 สำนักข่าวเฟรชนิวส์รายงานอ้างอิงคำแถลงของนายอุม ราตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย เปิดเผยยอดผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย ได้แก่ ประชาชนชาวกัมพูชา พระสงฆ์ ทหาร และตำรวจ พร้อมระบุว่า “ได้รับบาดเจ็บทั้งสาหัสและเล็กน้อย” โดยรายงานเพิ่มเติมว่ามีการใช้กระสุนยาง