
ทำเนียบขาววิจารณ์ กก.โนเบลให้ความสำคัญกับการเมืองมากกว่าสันติภาพ หลัง ‘ทรัมป์’ ชวดรางวัลโนเบลสันติภาพ ขณะนักวิชาการอังกฤษชี้ กก.โนเบลตัดสินใจฉลาด มอบรางวัลให้ฝ่ายค้านเวเนฯ เพราะสื่อสารแสดงจุดยืนไม่เอาเผด็จการ หนุน ปชต.
สำนักข่าวอิศรา . รายงานข่าวจากต่างประเทศ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไม่ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2568 แต่คณะกรรมการรางวัลโนเบลตัดสินใจมอบรางวัลให้กับนางมาเรีย คอรินา มาชาโด ฝ่ายค้านเวเนซุเอลาแทน
โดยความเคลื่อนไหวจากทางทำเนียบขาว จากทางนายสตีเวน เชียง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารทำเนียบขาว กล่าวในโพสต์บนทวิตเตอร์หรือว่า X ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์จะยังคงทำข้อตกลงสันติภาพทั่วโลก เพื่อยุติสงคราม และช่วยชีวิตผู้คน” และกล่าวอีกว่าประธานาธิบดีทรัมป์มีจิตใจที่เป็นมนุษยธรรม และจะไม่มีใครเหมือนเขาที่สามารถเคลื่อนภูเขาได้ด้วยพลังแห่งความตั้งใจอันแรงกล้าของเขา
“คณะกรรมการโนเบลพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการเมืองมากกว่าสันติภาพ” นายเชียงกล่าว
อนึ่งสำนักข่าว Newsweek ของอังกฤษรายงานเกี่ยวกับการมอบรางวัลโนเบลดังกล่าวว่ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ซึ่งมอบเป็นประจำทุกปี กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ดำเนินการผ่านกระบวนการคัดเลือกที่เข้มงวดและเป็นความลับ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์ การเสนอชื่อผู้ได้รับรางวัลจะต้องส่งโดยบุคคลที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเท่านั้น ซึ่งรวมถึงสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อาจารย์มหาวิทยาลัยในสาขาที่เกี่ยวข้อง และผู้เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
การเสนอชื่อตนเองจะไม่ได้รับการยอมรับ สำหรับรางวัลประจำปี 2568 มีผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงทั้งหมด 338 ราย แบ่งเป็นบุคคล 244 ราย และองค์กร 94 แห่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจาก 286 รายในปีก่อนหน้า กำหนดส่งรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อคือวันที่ 31 มกราคม และแม้ว่าจะมีการคาดเดากันบ่อยครั้งในสื่อ แต่คณะกรรมการฯ ก็ไม่ได้ยืนยันรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อ ตามกฎเกณฑ์ของมูลนิธิโนเบล
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเสนอชื่อทั้งหมดจะถูกปิดผนึกไว้เป็นเวลา 50 ปี เมื่อสิ้นสุดการเสนอชื่อ คณะกรรมการจะรวบรวมรายชื่อผู้สมัครรอบสุดท้ายจำนวน 20-30 คน จากนั้นคณะที่ปรึกษาจะพิจารณาคัดเลือก ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นนักวิชาการชาวนอร์เวย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสันติภาพ การประเมินของของคณะที่ปรึกษาจะเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาขั้นสุดท้ายของคณะกรรมการ ซึ่งจะสิ้นสุดลงด้วยการลงคะแนนเสียงข้างมากในต้นเดือนตุลาคม ผู้ได้รับรางวัลจะได้รับการประกาศต่อสาธารณชนและมอบเกียรติคุณอย่างเป็นทางการในพิธีมอบรางวัลในวันที่ 10 ธันวาคม
ขณะที่สำนักข่าว The unprejudiced ของอังกฤษรายงานตอนหนึ่งว่าสืบเนื่องจากที่ปีนี้เป็นปีแห่งความขัดแย้งระดับโลก มีสงครามใหญ่หลายที่ นายธีโอ เซนู นักประวัติศาสตร์และนักวิจัยที่ Henry Jackson Society กล่าวว่าการเลือกนางมาชาโดเป็นตัวเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้งใดๆ และยังสื่อให้เห็นว่า คณะกรรมการกำลังยืนยันความมุ่งมั่นต่อประชาธิปไตย พวกเขาตั้งใจที่จะส่งสัญญาณนี้ไปยังกลุ่มเผด็จการและผู้ที่อยากเป็นเผด็จการทั่วโลก
ทางด้านของนายแมทธิง โมเคฟี-แอชตันศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนอตทิงแฮมเทรนต์ เชื่อว่าการตัดสินใจครั้งนี้อาจเป็น “การเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด” เพื่อเอาใจทั้งนายทรัมป์ที่สนับสนุนนางมาชาโดอย่างเปิดเผย เนื่องจากทรัมป์และพรรครีพับลิกันวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสังคมนิยมของเวเนซุเอลามาเป็นเวลานาน การมอบรางวัลนี้ให้กับหนึ่งในฝ่ายต่อต้านหลักของรัฐบาลนายนิโคลัส มาดูโร ทำให้นายทรัมป์และสมาชิกพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจนี้ได้ยากขึ้น
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )