จะเกิดอะไรขึ้นกับสุนัขครึ่งล้านตัวในเกาหลีใต้ เมื่อกฎหมายห้ามซื้อขายเนื้อสุนัขมีผลใช้บังคับ

ที่มาของภาพ : Hyunjung Kim/BBC Records

Article Records

    • Creator, เกวิน บัตเลอร์ และฮยอน จุง
    • Characteristic, บีบีซีนิวส์
    • Reporting from Singapore and Seoul

ตอนที่บาทหลวง จู ยอง-บอม ไม่ได้กล่าวเทศนาธรรมถึงพระผู้เจ้า อีกด้านหนึ่งของเขา คือคนเลี้ยงสุนัขเพื่อนำไปเชือดเป็นอาหาร

ธุรกิจช่วงนี้ไม่ค่อยดีนัก อันที่จริงมันใกล้ที่จะเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมายแล้วในไม่ช้า

“ตั้งแต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา เราพยายามจะขายสุนัขของเรา แต่พ่อค้าก็เอาแต่ลังเล” นายจู วัย 60 ปี กล่าวกับบีบีซี “ไม่มีแม้แต่รายเดียวที่โผล่มาซื้อ” เขากล่าว

เมื่อปี 2024 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ออกกฎหมายยุติการซื้อขายเนื้อสุนัขเพื่อการบริโภค กฎหมายฉบับสำคัญที่ออกมาเมื่อเดือน ม.ค. ปีที่แล้ว ทำให้ผู้เลี้ยงสุนัขเพื่อขายเนื้ออย่างนายจูมีเวลาถึงปี 2027 เพื่อปิดกิจการของตัวเองและขายสุนัขที่เหลือทั้งหมดในฟาร์ม

แต่หลายคนบอกว่าเวลาเพียงเท่านี้ไม่เพียงพอต่อการเบนออกจากอุตสาหกรรมนี้ซึ่งค้ำจุนวิถีชีวิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุนัขขายมาหลายรุ่น ขณะเดียวกันทางการก็ไม่มีมาตรการปกป้องที่เพียงพอแก่เกษตรกรหรือกระทั่งมาตรการสำหรับสุนัขราวครึ่งล้านตัวที่ถูกขังอยู่ในฟาร์มเลี้ยง

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and proceed studyingได้รับความนิยมสูงสุด

Discontinue of ได้รับความนิยมสูงสุด

แม้กระทั่งผู้สนับสนุนการสั่งแบนซื้อขายเนื้อสุนัข รวมทั้งนักธุรกิจส่งออกและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์ก็มองเห็นปัญหาของการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ทั้งความยากลำบากในการหาบ้านให้กับสุนัขที่ถูกช่วยเหลือให้รอดจากการถูกฆ่-าซึ่งตอนนี้กำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากการุณยฆาตที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

ที่มาของภาพ : News1

จู ยอง-บอม กล่าวว่าเขากังวลกับผลสะท้อนกลับจากการแบนเนื้อสุนัขของเกาหลีใต้

ในช่วงครึ่งทางของระยะเวลาการผ่อนผัน เกษตรกรผู้เลี้ยงสุนัขกลับเผชิญกับสภาพที่ไม่สามารถขายสุนัขนับร้อย ๆ ตัวออกไปจากฟาร์มได้ ไม่สามารถปิดกิจการได้ และแทบไม่มีทางทำมาหากินได้เลย

“ผู้คนกำลังเป็นทุกข์กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” นายจู ซึ่งเป็นนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุนัขเพื่อการบริโภค กล่าว “พวกเราจมปลักอยู่กับหนี้สิน และจ่ายคืนไม่ไหว และบางคนก็ไม่สามารถหางานใหม่ได้เลย”

“มันเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวังมาก”

อุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาราวกับพายุ

ชาน-วู (นามสมมติ) เกษตรกรผู้เลี้ยงสุนัขวัย 33 ปี มีเวลา 18 เดือน ในการกำจัดสุนัขที่เหลืออยู่ 600 ตัว

หลังจากนั้น เกษตรกรผู้นี้ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อจริงเนื่องจากความกังวลต่อปฏิกิริยาตีกลับอย่างรุนแรง จะต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี

“เรื่องจริงคือแม้กระทั่งกับฟาร์มของผม ผมยังประเมินไม่ออกเลยว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะมีสุนัขจำนวนมากแค่ไหน” เขากล่าว “ในจุดนี้ผมลงทุนทรัพย์สินเงินทุนของผมทั้งหมดลงไปกับฟาร์ม และพวกเขายังไม่ได้มารับซื้อสุนัขไปเลย”

“พวกเขา” ที่เกษตรรายนี้กล่าวถึง ไม่ได้หมายถึงแค่เพียงพ่อค้าคนกลางหรือโรงเชือด ซึ่งก่อนหน้ามีกฎหมายแบนเนื้อสุนัข ทั้งสองกลุ่มเป็นผู้รับซื้อสุนัขที่ฟาร์มของเขาเฉลี่ยราว 6 ตัวต่อสัปดาห์

ทว่า “พวกเขา”เกษตรกรเกาหลีใต้คนนี้กล่าวถึงอีกกลุ่ม คือ กลุ่มนักเคลื่อนไหวพิทักษ์สิทธิสัตว์และเจ้าหน้าที่รัฐที่ชาน-วู มองว่าเป็นกลุ่มที่ออกมาต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้การซื้อขายเนื้อสุนัขถูกแบน เขามองว่าทั้งสองกลุ่มนี้ยังไม่มีแผนการชัดเจนว่าจะทำอย่างไรกับสุนัขที่เหลือ ซึ่งจากการประเมินตัวเลขของรัฐบาลเกาหลีใต้มีอยู่เกือบ 5 แสนตัว

“พวกเขา ทางการ ผ่านกฎหมายโดยไม่มีแผนการรับมือที่แท้จริง และตอนนี้พวกเขากลับพูดว่าไม่สามารถแม้แต่กระทั่งจะรับสุนัขไป”

ที่มาของภาพ : Hyunjung Kim/BBC Records

มีการประเมินว่ามีสุนัขที่ตกค้างจากฟาร์มต่าง ๆ ทั่วประเทศ ราวครึ่งล้านตัว ในขณะนี้

ลี ซัง-คยอง ผู้จัดการการรณรงค์ที่องค์กรฮิวเมน เวิลด์ ฟอร์ แอนิมอลส์ โคเรีย (Humane World for Animals Korea -Hwak) สะท้อนถึงความกังวลเหล่านี้

“ถึงแม้ว่ากฎหมายการแบนเนื้อสุนัขจะผ่านแล้ว ทั้งรัฐบาลและกลุ่มประชาสังคมยังคงกำลังดิ้นรนกับการช่วยเหลือสุนัขที่เหลือ” เขาระบุ “หนึ่งในเรื่องที่รู้สึกว่ายังทำน้อยเกินไป คือการหารือมาตรการจัดการสุนัขที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”

โฆษกกระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบทของเกาหลีใต้ บอกกับบีบีซีว่า หากเจ้าของฟาร์มเลิกเลี้ยงสุนัขของพวกเขา รัฐบาลท้องถิ่นจะต้องเข้ามารับเป็นเจ้าของและจัดการสุนัขในแหล่งพักพิง ส่วนการหาบ้านใหม่ให้กับสุนัขเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทาย

ในอุตสาหกรรมการค้าเนื้อสุนัข น้ำหนักของเนื้อย่อมหมายถึงกำไร นั่นทำให้ฟาร์มเลี้ยงสุนัขมีแนวโน้มเลือกเพาะพันธุ์แต่สุนัขสายพันธุ์ใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากสุนัขที่เลี้ยงกันในหมู่สังคมชั้นสูงชาวเมืองของเกาหลีใต้ที่ผู้คนอาศัยในอาคารอะพาร์ตเมนต์ กลุ่มนี้จะเลือกที่มีลักษณะตรงกันข้าม

ลี กล่าวด้วยว่า สุนัขที่มาจากฟาร์มเลี้ยงสุนัขขายเนื้อยังมีตราบาปทางสังคมจากความกังวลเรื่องเชื้อโรคและความบอบช้ำหรือความเจ็บปวด ประเด็นนี้มีความซับซ้อนเนื่องจากสุนัขในฟาร์มที่เลี้ยงเพื่อการกินเนื้อมักเป็นสายพันธุ์โทสะ อินุ (Tosa Inu) หรือไม่ก็พันธุ์ผสม ซึ่งถูกจัดให้เป็นสายพันธุ์ที่ “อันตราย” ในเกาหลีใต้ และการเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้เป็นสัตว์เลี้ยงต้องขออนุญาตจากรัฐบาลก่อน

ในขณะเดียวกันศูนย์พักพิงสุนัขก็แน่นขนัดอยู่แล้วในตอนนี้

อุปสรรคเหล่านี้ที่เปรียบเสมือนมรสุมรมทำให้เห็นความย้อนแย้งที่น่าขัน อย่างเช่น สุนัขที่ได้รับการช่วยเหลือจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีทางไป ในขณะที่ตอนนนี้ ก็กำลังเผชิญความเป็นไปได้ที่พวกมันจะถูกกระทำการุณยฆาต

ที่มาของภาพ : Hyunjung Kim/BBC Records

ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ผสมผสานกันทำให้การรับเลี้ยงสุนัขเป็นเรื่องยากในสังคมเกาหลีใต้

“มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย” ชาน-วู กล่าว

“นับตั้งแต่มีกฎหมายออกมาตามข้อเรียกร้องของกลุ่มเหล่านี้ ผมเข้าใจว่าพวกเขาได้เตรียมทางออกสำหรับสุนัขเหล่านี้เหมือนกับว่าพวกเขาจะมารับผิดชอบมัน แต่ตอนนี้ผมได้ยินว่า กระทั่งกลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์ก็บอกว่า การการุณยฆาตเป็นทางเลือกเดียวที่เหลือยู่”

โช ฮี-คยอง ประธานสมาคมสวัสดิการสัตว์แห่งเกาหลี ( Korean Animal Welfare Association) ยอมรับเมื่อเดือน ก.ย. 2024 ว่า กลุ่มสิทธิสัตว์พยายามจะช่วยสุนัขให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังคง “มีสุนัขที่เหลืออยู่”

“หากสุนัขที่เหลือกลายเป็นสุนัขเร่ร่อนและถูกทิ้ง มันก็เป็นเรื่องที่น่าใจสลาย เพราะพวกมันจะถูกการุณยฆาต” เธอกล่าว

ด้านรัฐบาลเกาหลีใต้ออกมาระงับความกังวลเหล่านี้ในสัปดาห์ต่อมา โดยระบุว่า การการุณยฆาตไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรัฐบาลแน่นอน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ กระทรวงเกษตรฯ เกาหลีใต้ บอกกับบีบีซีว่า รัฐบาลได้ลงทุนราว 6,000 ล้านวอน หรือกว่า 143 ล้านบาท เพื่อขยายศูนย์พักพิงและสนับสนุนกิจการศูนย์พักพิงของเอกชน และจะมอบเงินชดเชยแก่ฟาร์มสุนัขที่ปิดกิจการก่อนโดยจ่ายเป็นรายตัวตัวละ 600,000 วอน หรือราว 14,360 บาท

ที่มาของภาพ : Hyunjung Kim/BBC Records

เกษตรกรฟาร์มสุนัขหลายรายสะท้อนความกังวลต่อผลกระทบเรื่องทำมาหากินของพวกเขาหลังจากที่อุตสาหกรรมซื้อขายเนื้อสุนัขถูกแบน

แต่ ชุน มยอง-ซูน ผู้อำนวยการสำนักวิชาสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University) แสดงความเห็นด้วยว่า แผนการของรัฐบาลเกี่ยวกับการจัดการสุนัขที่เหลือจากฟาร์มต่าง ๆ ยังดูกว้างและขาดรายละเอียดไปอยู่มาก

“มีความจำเป็นต้องมีการหารือที่เป็นรูปธรรมอย่างจริงจังว่าจะขจัดสุนัขที่เหลืออย่างไร” เธอกล่าว

“ทั้งการรับเลี้ยงและการุณยฆาตควรถูกกางขึ้นมาบนโต๊ะ แต่หากเราพยายามจะช่วยสุนัขจากการถูกฆ่-าอย่างโหดร้ายด้วยการมาการุณยฆาตมัน มันเข้าใจได้เลยว่าผู้คนจะรู้สึกใจสลายและเดือดดาล”

วิถีชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม บางฝ่ายมองหาทางออกไปยังหนทางอื่น อย่างการส่งสุนัขเหล่านี้ไปยังผู้ที่ต้องการรับเลี้ยงในต่างประเทศ เช่น ในประเทศแคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

เมื่อปี 2023 ทีมงานขององค์กรช่วยเหลือสุนัข Hwak ช่วยเหลือสุนัขมาได้ 200 ตัวจากฟาร์มในเมืองอาซัน ทั้งหมดถูกส่งไปยังแคนาดาและสหรัฐฯ

ยาง จอง-แท วัย 74 ปี อดีตเจ้าของฟาร์มแห่งนั้นบอกกับบีบีซีว่า ตอนที่เขามองดูกลุ่มที่มาช่วยเหลือนำสุนัขของเขาขึ้นรถบรรทุกไป เขารู้สึกประหลาดใจกับความรู้สึกเห็นอกเห็นใจที่เจ้าหน้าที่เหล่านี้แสดงออกมา

“ตอนที่ผมเห็นวิธีที่เขาเคลื่อนย้ายสัตว์ มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังดูแลคนจริง ๆ ทั้งทะนุถนอมเป็นเต็มไปด้วยความรัก มันกระเทือนใจผมมาก” เขากล่าว

“พวกเราไม่ได้ทำกับสุนัขแบบนั้น สำหรับเราการเลี้ยงสุนัขมันเป็นเพียงวิถีการดำรงชีวิต แต่เจ้าหน้าที่จากกลุ่มพิทักษ์สัตว์ปฏิบัติกับสุนัขเหมือนกับเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรี มันทำให้ผมประทับใจมาก”

ที่มาของภาพ : Hyunjung Kim/BBC Records

องค์กรช่วยเหลือสุนัขบางแห่งที่เลือกส่งสุนัขเหล่านี้ไปยังอย่างประเทศ เช่น แคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ยาง จอง-แท รีบบอกว่าเขาไม่เห็นด้วยกับกฎหมายการแบนฟาร์มเนื้อสุนัข

“หากเนื้อสุนัขถูกแบนเพราะสุนัขเป็นสัตว์ แล้วทำไมจึงโอเคกับการกินสัตว์ชนิดอื่น อย่าง วัว หมู ไก่” เขากล่าว “มันก็เหมือนกัน มันเป็นสิ่งตามธรรมชาติที่เกิดมาเพื่อให้มนุษย์มีชีวิตอยู่”

แต่ ผู้อำนวยการสำนักวิชาสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล บอกว่าการกินเนื้อสุนัขไม่เหมือนกับการกินเนื้อสัตว์ชนิดอื่น เธอบอกว่าเนื้อสุนัขมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยทางอาหารและสุขอนามัยอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกาหลีใต้ที่กิจการเกี่ยวกับการบริโภคเนื้อสุนัขไม่ได้มีการจัดการอย่างเป็นทางการ รวมทั้งการกำกับดูแลระบบการผลิตด้วย

ทั้งนี้ ตามข้อมูลขององค์กรฮิวเมน เวิลด์ ฟอร์ แอนิมอลส์ โคเรีย ระบุว่า เนื้อสุนัขมีการบริโภคในหลายประเทศ เช่น จีน กานา อินโดนีเซีย ไนจีเรีย ไทย และบางพื้นที่ในอินเดีย

แม้ว่าอัตราการบริโภคเนื้อสุนัขมีมากน้อยแตกต่างกันไปแต่ละช่วงของประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ การกินเนื้อสุนัขได้กลายเป็นเรื่องต้องห้ามในเกาหลีใต้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ผลสำรวจความเห็นของรัฐบาลตั้งแต่ปี 2024 พบว่า มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 8% เท่านั้นที่บอกว่าพวกเขาเคยกินเนื้อสุนัขในช่วง 12 เดือนก่อนการสำรวจ ซึ่งลดลงจาก 27% ในปี 2015 ขณะที่ 7% ระบุว่าพวกเขาจะบริโภคเนื้อสุนัขต่อไปจนกระทั่งถึงเดือน ก.พ. 2027 ที่กฎหมายจะห้ามเด็ดขาด นอกจากนี้อีก 3.3% ระบุว่าจะยังคงกินเนื้อสุนัขต่อไป แม้ว่ากฎหมายจะมีผลอย่างเต็มรูปแบบ

หลังจากกฎหมายสั่งห้ามการบริโภคและซื้อขายเนื้อสุนัขประกาศ มีฟาร์มสุนัขในเกาหลีใต 623 แห่งจากทั้งหมด 1,537 แห่งที่ปิดกิจการไปแล้ว

“เมื่อสังคมและวัฒนธรรมพัฒนาไป ตอนนี้สังคมเกาหลีใต้ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะหยุดการผลิตเนื้อสุนัข” ผู้อำนวยการสำนักวิชาสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล กล่าว

ที่มาของภาพ : Hyunjung Kim/BBC Records

กลุ่มนักเคลื่อนไหวมีความกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในระยะยาวกับสุนัขที่ถูกช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม สำหรับหลาย ๆ คน มันยังคงเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมที่พวกเขาสร้างชีวิตขึ้นมา

สมาชิกของสมาคมการค้าเนื้อสุนัขทุกคนที่บีบีซีได้พูดคุยด้วย กล่าวถึงความไม่แน่นอนว่าพวกเขาจะได้รับการสนับสนุนช่วยเหลืออย่างไร เมื่อวิถีการดำรงชีวิตของพวกเขาถูกกำหนดให้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย

บางคนบอกว่าพวกเขาได้ยอมจำนนต่อชีวิตที่ยากจน และบอกว่าพวกเขาเกิดในยุคสงครามเกาหลีและรู้ว่าชีวิตที่อดอย่างเป็นอย่างไร ขณะที่บางคนบอกว่าการซื้อขายเนื้อสุนัขจะขยับไปเป็นการซื้อขายใต้ดิน นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่เห็นด้วยว่า สำหรับฟาร์มที่เกษตรกรเป็นคนรุ่นใหม่ การทลายกิจการฟาร์มยิ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล

“คนรุ่นใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญกับความจริงที่สิ้นหวัง” นายจูกล่าว “เพราะพวกเขาไม่สามารถขายสุนัขออกไปได้ พวกเขาไม่สามารถปิดฟาร์มได้อย่างรวดเร็วด้วย พวกเขาติดอยู่กับที่ไปต่อก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้”

ชาน-วู ย้อนความจำช่วงที่เขาเริ่มทำธุรกิจนี้ใหม่ ๆ เมื่อ 10 ปีที่แล้วตอนที่อายุ 23 ปี เขาบอกว่า “ตอนนั้นมุมมองต่อเนื้อสุนัขไม่ได้เป็นเชิงลบแบบนี้”

“แต่ก็ยังมีความเห็นจากคนรอบ ๆ ตัวผม ดังนั้น แม้กระทั่งในตอนนั้น ผมก็รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะทำได้ตลอดชีวิต”

เขาบอกว่ากฎหมายห้ามซื้อขายเนื้อสุนัขมาเร็วกว่าที่เขาคิด และนับตั้งแต่มีประกาศออกมา เขาบอกว่า “มันทำให้การหาเลี้ยงปากท้องยิ่งมีความไม่แน่นอนกว่าเดิม”

“และเราหวังว่าตอนนี้ ช่วงเวลาการผ่อนผันจะถูกขยายออกไป ดังนั้น กระบวนการ ในการจัดการกับสุนัขที่เหลือ ก็จะค่อย ๆ ทำไปทีละน้อย”

เจ้าของฟาร์มรายอื่น ๆ ก็หวังเช่นเดียวกัน แต่เมื่ออุตสาหกรรมเนื้อสุนัขถูกดึงออกจากผู้คนที่ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมนี้ นายจูอดไม่ได้ที่จะคาดเดาถึงเรื่องเลวร้ายอย่างหนึ่ง คือ เจ้าของฟาร์มบางรายอาจไม่สามารถทนต่อความไม่แน่นอนได้ยาวนานนัก

“ตอนนี้ คนยังรอดูท่าทีอยู่และหวังว่าจะมีบางอย่างเปลี่ยนได้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องการยืดเวลาการผ่อนผัน” เขากล่าว “แต่ภายในปี 2027 ผมเชื่ออย่างจริงจังว่าบางสิ่งที่เลวร้ายมันจะเกิดขึ้น”

“มันมีผู้คนจำนวนมากที่ชีวิตของพวกเขามาถึงจุดที่ย้อนคืนมาไม่ได้โดยสิ้นเชิง”