
‘อนุทิน' ตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อเจรจาภาษีทรัมป์ ‘เอกนิติ’ นั่งประธานคณะทำงาน
สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า วันที่ 14 ตุลาคม 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางเยือนมาเลเซียในลักษณะ Working Focus on over with เพื่อเข้าร่วมการหารือ 4 ฝ่าย ระหว่างมาเลเซีย สหรัฐฯ ไทย และกัมพูชา ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โดยมีความคืบหน้า ผลการหารือไปในทางที่ดีมาก ประเทศไทยได้รับการตอบสนองในเงื่อนไขต่างๆ เพื่อที่จะนำไปสู่การดำเนินการขั้นต่อไป ซึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเดินทางไปหารืออีกครั้ง ภายในสัปดาห์นี้
@ตั้ง ‘เอกนิติ’ คณะทำงานเจรจาการค้าภาษีทรัมป์
โฆษกรัฐบาลกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐฯ และการเร่งสรุป FTA กับสหภาพยุโรป เพื่อวางรากฐานทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ของประเทศในระยะยาว ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการในช่วง 4 เดือน สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย และนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบในวงกว้าง รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งการเจรจาเพื่อลดภาษีให้ต่ำกว่าหรืออย่างน้อยไม่เกินระดับปัจจุบันที่ร้อยละ 19 เพื่อปกป้องภาคการส่งออก เกษตร อุตสาหกรรม การจ้างงาน และเศรษฐกิจโดยรวม
โดยนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ร่วมกับรัฐมนตรีจาก 6 กระทรวงหลัก ประกอบด้วย นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสั่งคม และนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นรองประธาน พร้อมผู้แทนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะทำงาน โดยมีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นคณะทำงานและเลขานุการ เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการเจรจากับสหรัฐฯ เนื่องจากหลายประเด็นมีความคาบเกี่ยวกับหลายหน่วยงานและเป็นเรื่องระดับนโยบายที่จะต้องตัดสินใจ เพื่อบูรณาการการทำงานและขับเคลื่อนในระดับนโยบาย และสิ่งที่สหรัฐฯ เรียกร้องหลายประเด็นสอดคล้องกับสิ่งที่ควรปรับปรุงอยู่แล้ว อาทิ กฎระเบียบ การบังคับใช้กฎหมาย หรือมาตรฐานสินค้า
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ และ FTA ไทย – EU เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ขอให้รัฐมนตรีทุกคนกำชับและสั่งการในเรื่องที่จำเป็นกับผู้เข้าร่วมการเจรจาในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อช่วยกันหาทางออกให้การเจรจาสามารถจบลงได้ในเวลาอันเหมาะสม และนำมาซึ่งผลประโยชน์ในภาพรวมของประเทศ
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาการให้ความช่วยเหลือประชาชน ในกรณีที่ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยหลายครั้ง หากมีความจำเป็นต้องทบทวนมติ ครม. ก็ให้เร่งดำเนินการเสนอมาที่ ครม. โดยเร็ว
ที่มา สำนักข่าวอิศรา ( isranews.org )