แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/nt6t | ดู : 10 ครั้ง
เมื่อประมาณ-5-ตค.-2568-หลายคนอาจได้ยินข่าวว่าหน่วยเฉพาะกิจร

เมื่อประมาณ 5 ต.ค. 2568 หลายคนอาจได้ยินข่าวว่าหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ดำเนินการช่วยเหลือคนไทย 16 คน หลังจากหลงเชื่อเข้าไปทำงานที่บ่อนคาสิโน ฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา แต่ท่ามกลางข่าวการช่วยเหลือคนไทยในครั้งนี้ ดูเหมือนอาจจะกำลังเป็นสัญญาณที่น่ากังวลที่สะท้อนว่าแก๊งสแกมเมอร์ฝั่งเมียวดี อาจจะกำลังฟื้นฟูกลับมาขึ้นอีกครั้ง

แต่นั่นไม่ใช่หลักฐานชิ้นเดียวที่กำลังสะท้อนการกลับมาของอาชญากรรมข้ามชาติริมแม่น้ำเมย เพราะรายงานการสืบสวนของสำนักข่าว AFP ได้นำภาพถ่ายดาวเทียม และภาพถ่ายทางอากาศจากโดรน ซึ่งสะท้อนว่าช่วงเวลา 7 เดือน ตั้งแต่ ก.พ. จนถึง ต.ค. 2568 แหล่งสแกมเมอร์มีการสร้างอาคารใหม่ พร้อมกับการติดดาวเทียมระบบอินเทอร์เน็ตดาวเทียม ‘สตาร์ลิงก์' เป็นจำนวนมาก

เพื่ออัปเดตสถานการณ์โดยรวมของสแกมเมอร์ฝั่งเมียวดี ประชาไทสัมภาษณ์กัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม และเป็นผู้ที่ติดตามประเด็นปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ฝั่งเมียนมามานาน โดยชวนคุยทั้งประเด็นยุทธวิธี 3 ตัดที่ประเทศไทยที่เคยใช้ ทั้งตัดไฟฟ้า น้ำมัน และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต-โทรคมนาคม ทำไมถึงไม่สามารถปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ฝั่งพม่าให้หายไปได้ พร้อมชูข้อเสนอ 4 ตัดให้รัฐบาลเล่นบทบาทเชิงรุก สอบสวนผู้กระทำผิด ก่อนขยายผลเพื่อจัดการคนบงการ

กัณวีร์ สืบแสง

ปัญหา 2 ข้อ ไทยปราบสแกมเมอร์ฝั่งเมียวดีไม่ได้ผล

ย้อนไปเมื่อช่วงวันที่ 7 ก.พ. 2568 ทางการจีนและไทยได้ร่วมกันทลายแก๊งอาชญากรรมสแกมเมอร์ที่ฝั่งเมียวดี โดยมีมาตรการกดดัน ทั้งการตัดกระแสไฟฟ้า ตัดการส่งออกน้ำมัน และตัดโครงข่ายโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต จนสามารถช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกลวงไปค้ามนุษย์ และบังคับทำงานเป็นสแกมเมอร์ 7,000 ราย ในจำนวนนี้มีทั้งคนเอเชีย และคนแอฟริกัน แต่ปัจจุบัน สถานการณ์ของแก๊งสแกมเมอร์อาจจะกำลังกลับมาอีกครั้ง

เมื่อสอบถามถึงสถานการณ์ปัญหาสแกมเมอร์ฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา กัณวีร์ เกริ่นถึงการแก้ไขปัญหาของไทยก่อนหน้านี้ พร้อมยกปัญหา 2 ประการหลักๆ ที่ทำให้การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ฝั่งเมียวดียังไม่สำเร็จ

ถ้าเราย้อนสถานการณ์เมื่อช่วง 7 ก.พ.2568 คราวนั้นทางการไทยใช้มาตรการ 3 ตัด คือตัดไฟฟ้า ตัดน้ำมัน และตัดโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต ซึ่งทำได้แค่เฉพาะหน้า เพราะไม่ว่าชเวก๊กโกหรือเคเคปาร์ก (KK Park) หลังจากเราตัดไฟ ไฟในเมืองเขายังสว่างไสว แม้ว่าจะไม่เท่ากับตอนแรก ปัญหาในตอนนั้นคือเราตะโกนดัง พอเราตะโกนดัง ฝั่งนั้นได้ยิน เขาก็เตรียมความพร้อม ระบบอินเทอร์เน็ตดาวเทียม ‘สตาร์ลิงก์' เขาก็มี มีการกักตุนน้ำมัน และมีเครื่องปั่นไฟ เขาเตรียมไว้หมดแล้ว สำหรับเครือข่ายอาชญากรรมที่มีเงินหมุนเวียนเป็นหลายหมื่นล้านบาท การรับมือสำหรับพวกเขาไม่ได้เป็นเรื่องยากเลย

ดังนั้น เมื่อประเทศไทยใช้ยุทธวิธี 3 ตัด ผลกระทบเลยไปลงกับชาวบ้านที่อยู่ในฝั่งเมียวดีมากกว่า ซึ่งชาวบ้านที่ได้รับประโยชน์จากไฟฟ้า น้ำมัน และอินเทอร์เน็ตฝั่งไทย เช่นตอนที่เราตัด พวกเขาก็ต้องขับรถเข้ามาเติมน้ำมันในฝั่งไทย

ประการที่ 2 ตอนที่มีการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเมียวดี เราปล่อยให้ทางการจีนนำตัวผู้กระทำผิดกลับไปโดยใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟล์ท) ไม่ได้มีการขยายผลการสอบสวนสืบสวนต่อ ตอนนั้นก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าทำไมเราปล่อยทางการจีนพาตัวผู้ต้องหากลับโดยไม่มาดำเนินคดีในประเทศไทยก่อน เพราะว่าเขาผิดกฎหมายไทยทั้ง พ.ร.บ.ไซเบอร์ฯ หรือ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง เขาใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน กลายเป็นว่าแทนที่เราจะได้ขยายผลการสืบสวนจีนเทา-จีนดำ หรือไทยเทา-ไทยดำ พอเราปล่อยให้จีนพาตัวกลับไป ข้อมูลหลักฐานในการขยายผลการสอบสวนมันก็ขาดตอน ทำให้ไม่สามารถปราบขบวนการ หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้

สแกมเมอร์ขยายฐานไปด่าน ‘เจดีย์สามองค์'

กัณวีร์ เล่าให้ฟังด้วยว่าหลังจากที่มีการปราบปรามเมื่อต้นปี 2568 เครือข่ายอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ และแก๊งสแกมเมอร์ ได้ย้ายฐานอาชญากรรมไปยังด่านเจดีย์สามองค์ หรือชื่อพม่าก็คือ “พญาตองซุ” ฝั่งตรงข้ามจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อหนีการปราบปราม ทำให้เมื่อเขาพาคนไปยังตรงนั้น ก็ทำให้ฝั่งด่านเจดีย์สามองค์กลายเป็น ‘ฮับ’ หรือแหล่งศูนย์รวมอาชญากรรมสแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์อีกด้วย

ต่อมา ในช่วงกลางปี 2568 ประเทศไทยหันความสนใจของเราไปยังฝั่งชายแดนตะวันออก เนื่องจากประเทศไทยมีข้อพิพาททางด้านชายแดนกับประเทศกัมพูชา ธุรกิจสแกมเมอร์ที่ดำเนินการโดยเครือข่ายจีนดำ และจีนเทา ก็ย้ายกลับไปที่เมืองชเวก๊กโก และ KK Park ทำให้ตอนนี้ฮับศูนย์อาชญากรรมลวงลวงออนไลน์หลักๆ 3 แห่ง ได้แก่ ด่านเจดีย์สามองค์ เมือง KK Park และเมืองชเวก๊กโก

ภาพถ่ายดาวเทียมเผย ‘สแกมเมอร์’ เมียวดี กลับมาเฟื่องฟู

สอดคล้องไปกับความเห็นของ ‘กัณวีร์ สืบแสง’สำนักข่าว PPTV รายงานเมื่อ 15 ต.ค. 2568 อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวต่างชาติ AFP เผยแพร่รายงานการสืบสวนด้วยภาพถ่ายดาวเทียม และภาพถ่ายทางอากาศจากโดรน พบว่าแหล่งสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์รอบเมืองเมียวดีดูเหมือนกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง แม้เผชิญการปราบปรามระลอกล่าสุดมเมื่อต้นปี 2568

ขณะที่ตำรวจระดับสูงของประเทศไทย ให้ข้อมูลกับ AFP ว่า หลังการปราบปรามเมื่อต้นปี 2568 ยังมีคนทำงานในศูนย์ลวงลวงออนไลน์รวมกว่า 100,000 คน และมีการคุ้มกันที่แน่นหนาขึ้นโดยกองกำลังติดอาวุธ

นอกจานี้ ภาพถ่ายจาก AFP ยังสะท้อนความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ เพราะเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังการปราบปราม มีการสร้างอาคารใหม่จำนวนมากในพื้นที่ KK Park และชเวก๊กโก รวมถึงมีการติดตั้งจานดาวเทียมสตาร์ลิงก์บนอาคารดังกล่าว ซึ่งมีภาพในพื้นที่ของเคเคปาร์ก ที่ปรากฏภาพการติดดาวเทียมสตาร์ลิงก์บนอาคารมากกว่า 80 ใบ

ข้อมูลจาก AFP ระบุด้วยว่า ปัจจุบัน ศูนย์ลวงลวงออนไลน์รอบใหม่จะเน้นการลวงลวงแบบลวงให้รัก (Romance Rip-off) และการลวงลวงเพื่อการลงทุน โดยวิธีการคือการสร้างความไว้ใจกับเหยื่อ จนเหยื่อยอมโอนเงินเพื่อการลงทุนมาให้ ‘เสมือนการขุนจนหมูอ้วนแล้ว ก็ขึ้นเขียงเพื่อเชือด’ นอกจากนี้ รายงานระบุด้วยว่ากิจการสแกมเมอร์เหล่านี้ยังคงดำเนินการโดยเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติจีนเทา ร่วมมือกับกองกำลังชาติพันธุ์ที่มีอิทธิพลในสามเหลี่ยมทองคำ

ปัจจุบันมีศูนย์สแกมเมอร์มากกว่า 27 แห่งรอบเมืองเมียวดี และมีท่าเรือข้ามฝากระหว่างฝั่งเมียวดี และฝั่งไทย อย่างน้อย 5 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นท่าเรือใหม่

นอกจากนี้ เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เปิดเผยข้อมูลว่า มีผู้ถูกลวงลวงให้ไปทำงานจำนวน 281 คน จาก 33 พิกัดทั้งใน เขตกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) และกองกำลังกะเหรี่ยงประชาธิปไตยผู้มีใจเมตตา (Democratic Karen Benevolent Military) โดยใน 281 คนมาจาก 13 ประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ เอธิโอเปีย จีน เคนยา ปากีสถาน เวียดนาม แคเมอรูน ยูกันดา ไนจีเรีย อินโดนีเซีย แทนซาเนีย รวมถึงไต้หวัน

ขณะที่ข้อมูลจาก จารุวัฒน์ จิณห์มรรคา รองประธานมูลนิธิอิมมานูเอล ที่ทำเรื่องช่วยเหลือคนไทยที่เป็นเหยื่อลวงลวงเป็นสแกมเมอร์ตั้งแต่ปี 2565 ระบุว่าระหว่างปี 2565-2568 มีผู้เสียชีวิตจากแก๊งลวงลวงฯ ประมาณ 21 คน

ทั้งนี้ ข้อมูลเชิงสถิติจากเว็บไซต์ Thai Police Online ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2565 จนถึง 30 ก.ย. 2568 โดยมีจำนวนคดีออนไลน์ทั้งหมด 100,058,056 เรื่อง รวมมูลค่าความเสียหาย จำนวน 100,408,016,872 ล้านบาท

สรุป 5 อันดับกลโกงออนไลน์ดังนี้

อันดับที่ 1 ลวงซื้อขายสินค้า – บริการ (ไม่เป็นขบวนการ) จำนวน 16,785 คดี ความเสียหาย 151,359,145 บาท

อันดับที่ 2 ลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล จำนวน 5,080 คดี ความเสียหาย 590,437,113 บาท

อันดับที่ 3 ลวงให้โอนเงินเพื่อทำงาน จำนวน 2,689 คดี ความเสียหาย 344,316,570 บาท

อันดับที่ 4 ลวงให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน จำนวน 2,224 คดี  ความเสียหาย 64,713,338 บาท

อันดับที่ 5 ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Name  Middle) จำนวน 1,579 คดี  ความเสียหาย  371,577,530 บาท

ทั้งนี้ หากสังเกตจากข้อมูลเชิงสถิติจะพบว่า แม้ว่าจำนวนคดีคอลเซ็นเตอร์ (Name Middle) จะมีเรื่องร้องเรียนมากที่สุดมาเป็นอันดับที่ 5 แต่มูลค่าความเสียหายกลับอยู่ที่ 371 ล้านบาท หรือเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบใน 5 อันดับคดีที่มีผู้แจ้งความมากที่สุด เป็นรองเพียงรูปแบบการลวงลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายอยู่ 590 ล้านบาท

ภาพถ่ายดาวเทียม KK Park จาก Google Earth บันทึกไว้เมื่อ ก.พ. 2568

ภาพถ่ายดาวเทียม ชเวก๊กโก จาก Google Earth บันทึกไว้เมื่อ ก.พ. 2568

ไทยยังถูกใช้เป็นทางผ่าน

กัณวีร์ มองว่า ไทยยังคงถูกใช้เป็นทางผ่านเหมือนเดิม เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ง่าย สะดวกที่สุด และใช้ค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับเส้นทางอื่นๆ โดยยังคงมีการใช้วิธีการเดิมๆ คือการเข้ามาโดย ‘Free VISA’ ก่อนพาไปยังชายแดน และข้ามฝั่งไปเมียนมา

อย่างไรก็ดี แม้ว่าในมุมมองของกัณวีร์ ทางการไทยจะเข้มงวดเรื่องคนที่เดินทางเข้า-ออกมากขึ้น โดยเฉพาะการวางกำลังทหาร ตำรวจท้องที่ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่บริเวณช่องทางขาเข้าสนามบินแม่สอด จ.ตาก เพื่อเช็กการเดินทางเข้า-ออกของผู้โดยสาร พร้อมกันนี้ยังมีการตั้งด่านจุดเช็กพอยต์ทางถนนระหว่างทางอำเภอแม่สอด-อำเภอเมืองตาก

เขาแชร์ข้อมูลที่ได้คุยกับหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร โดยมีการตั้งข้อสังเกตกันว่า ขบวนการนำพาคนข้ามแดนไปเป็นสแกมเมอร์อาจจะมีการใช้วิธีการใหม่ๆ อีกด้วย ผ่านการพาคนมาที่แม่สอด โดยการใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำ หรือเจ็ตส่วนตัว บินมาที่สนามบินแม่สอด คนที่มาด้วยวิธีการนี้จะไม่ต้องผ่านช่องขาเข้าแม่สอดเหมือนผู้โดยสารปกติ แต่จะมีช่องพิเศษของเขาเอง ทีนี้ทำไมถึงคิดว่ามันมีพิรุธ เพราะว่าเจ้าหน้าที่ทหารเขาเห็นว่าแปลก ก็เลยจัดเจ้าหน้าที่ไปตรงช่องทางพิเศษตรงนั้นดู และพบว่ามีครั้งหนึ่งมีเครื่องบินพอบินมาถึงสนามบินแม่สอด ไม่นานก็บินเทคออฟกลับ กรุงเทพมหานครเลย โดยไม่มีผู้โดยสารออกมา

นอกจากนี้ กัณวีร์ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ณ ปัจจุบัน เหยื่อจะเป็นคนไทยจะมากขึ้นกว่าชาวต่างชาติ เนื่องจากคนไทยสามารถเดินทางไปไหนมาไหนในประเทศได้โดยไม่ต้องถูกตรวจตราเข้มงวด แค่แจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามาเที่ยวแม่สอดก็ได้แล้ว

ชงมาตรการเชิงรุก 4 ตัด ทำลายตัวบงการ

กัณวีร์ เสนอว่า เนื่องจากเดิมเราใช้มาตรการ 3 ตัดมันทำได้เฉพาะหน้า เขาเลยเสนอเป็นมาตรการ 4 ตัด ซึ่งเป็นมาตรการเชิงรุกในการจัดการตัวคนบงการศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้ โดย 4 ตัด มีดังนี้

  1. ‘ตัด’ ผู้บงการและสมุน ต้องทำให้ได้ในการตัดตอนกลุ่มนี้ ขยายผลการสอบสวน และจับกุมพวกนี้ให้ได้
  2. ‘ตัด’ เส้นทางการเงิน องค์กรสแกมเมอร์เหล่านี้ขับเคลื่อนได้ด้วยเงิน ซึ่งเชื่อว่าทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มีข้อมูลอยู่
  3. ‘ตัด’ สถานประกอบการ กัณวีร์มองว่าเรื่องนี้อาจทำได้ยาก เนื่องจากกัมพูชา และเมียนมา อยู่นอกขอบเขตอำนาจอธิปไตยของไทย ในประเทศกัมพูชาจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ในฝั่งกองกำลังติดอาวุธ ประเมียนมา อาจจะยังพอทำได้ โดยรัฐบาลต้องเปลี่ยนแนวคิดจากการเจรจาแบบทวิภาคีรัฐต่อรัฐ เปลี่ยนมาเป็นการเจรจาระหว่างรัฐ และกองกำลังชาติพันธุ์ (EAOs) ต่างๆ เพื่อขอความร่วมมือ เรียกว่าเป็นการทูต 2 เส้นทาง (2 Tracks) ไทยต้องกล้าคุยที่จะบอกว่า กองกำลังฯ เหล่านี้ห้ามให้พื้นที่กับพวกสแกมเมอร์ จะทำธุรกิจกาสิโน หรือโรงแรมสามารถทำได้ แต่ห้ามทำเรื่องสแกมเมอร์ หรือศูนย์ลวงลวงออนไลน์เด็ดขาด
  4. ตัดสุดท้าย คือ ‘ตัด บุคลากร และขบวนการนำพาคนข้ามแดน’ โดยการจัดการขบวนการค้ามนุษย์ให้ได้ ไม่ยอมให้ใครใช้ประเทศไทยเป็นประเทศทางผ่านไปยังประเทศอื่นๆ ให้ความรู้กับคนไทยเพื่อป้องกันไม่ให้เขาตกเป็นเหยื่อหรือเข้าไปทำงาน ถ้าตัดอันนี้ได้ก็คือจบ เพราะว่าคุณมีเงิน มีผู้บงการ แต่ไม่มีสถานประกอบการ หรือบุคลากร มันก็ไม่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม มาตรการ 4 ตัดนี้จะทำได้เฉพาะในอนุภูมิภาค ไทย ลาว กัมพูชา และเมียนมา แต่ต้องทำให้ได้

ข้อเสนออย่างสุดท้าย ของกัณวีร์คือประเทศไทยต้องสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศ รัฐบาลต้องมีแถลงการณ์หรือประกาศอย่างชัดเจนว่าจะปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ และดึงตัวแทนจากองค์กรระหว่างประเทศมาทำงานร่วมกัน ยกตัวอย่าง สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) สามารถให้ความรู้ทางการไทยเรื่องการประเมินสถานการณ์ และเชื่อมต่อทางการไทยและประเทศอื่นๆ ต่อยอดความร่วมมือได้ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ที่ให้ความสำคัญเรื่องขบวนการนำพาคนข้ามแดน และให้ความรู้ว่าเราจะมีวิธีการป้องกันเรื่องเหล่านี้ หรือตำรวจสากล (Interpol) ในการช่วยเหลือทางด้านการสืบสวนสอบสวน และออกหมายจับผู้บงการ

เป็นไปได้แค่ไหน ให้ EAOs ยอมทำตาม

เมื่อสอบถามว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้กองกำลังชาติพันธุ์ (EAOs) ยอมร่วมมือกับรัฐบาลไทย กัณวีร์ มองว่า เรื่องนี้รัฐบาลไทยต้องเปิดอกคุยกับกองกำลังชาติพันธุ์ว่าเราจะไม่อนุญาตให้มีศูนย์ลวงลวงออนไลน์เด็ดขาด หากมีคนมาประกอบธุรกิจลักษณะนี้ กองกำลังชาติพันธุ์ต้องเข้าไปยุติ และดำเนินคดีตามกฎหมาย เราต้องบอกเขาแบบนี้

“ผมไปนั่งคุย DKBA และ BGF เขาก็พูดคำเดียวกัน บอกว่าเรา  (กองกำลังชาติพันธุ์ DKBA และ BGF) ให้เขา (กลุ่มจีนเทา) เช่าพื้นที่ 90 ปี และในสัญญาไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร เราก็ไม่เข้าไปก้าวก่ายของเขา นั่นแหละก็เลยหละหลวม ไทยต้องเข้าไปช่วย ต้องบอกเลยอะไรบ้างที่ไม่ยอม กองกำลังฯ คุณเป็นเจ้าของพื้นที่ คุณบอกเขาได้ ไม่ใช่ให้เช่าแล้วไปทำอะไรเขาไม่ได้ ไม่ถูก ถ้าเขาเอาคนไปฆ่-าในบ้านคุณ คุณก็ต้องรับผิดชอบ …คนที่ทำผิดในพื้นที่คุณ คุณก็ต้องรับผิดชอบไปด้วย ผมว่าเราทำได้เพราะเราคุยกับ 2 กลุ่มนี้ เขาบอกว่าเขาทำได้” กัณวีร์ กล่าว

กัณวีร์ เสริมว่า ยุทธวิธีของไทยคือการขอความร่วมมือเป็นหลัก เพราะ EAOs เขาเป็นเจ้าของพื้นที่ ขอความร่วมมือเสร็จ กองกำลังเหล่านี้ต้องไปปราบและกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ได้ ถ้าเขามาเปิดในพื้นที่ของคุณ ก็ต้องจับ และถ้าสมมติว่าสอบสวนจนได้ข้อเท็จจริงว่าใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ก็ให้ส่งให้ฝ่ายความมั่นคงของไทยขยายผลการจับกุม และสอบสวนต่อ หากไม่ได้ก็ต้องมีมาตรการกดดัน โดยใช้ตัด 3 และมาตรการทางเศรษฐกิจเข้ามาร่วม

สส.พรรคเป็นธรรม ระบุว่า หากทางกองกำลังฯ ไม่ยอมทำตาม ไทยอาจจะใช้มาตรการการค้าชายแดนกดดัน เพราะว่าการค้าตลอดแนวไทย-เมียนมา กว่า 2,400 กม. มีมูลค่าสูงถึง 300,000 ล้านบาทต่อปี เพราะฉะนั้น เราก็ต้องใช้เรื่องนี้กดดันว่าถ้าอยากรักษามูลค่าทางเศรษฐกิจตรงนี้คุณมาร่วมมือกับเราดีกว่า การสร้างการพัฒนา ปราบปรามมิจฉาชีพต่างๆ หรือตอนเราตัดน้ำมัน มันทำให้ผลผลิตการเกษตรกรรมฝั่งเมียวดีลดลงด้วย เพราะไม่มีน้ำมัน เขาจะเก็บเกี่ยวผลผลิตอย่างไร มันไม่สามารถตัดด้วยมือไหว เนื้อที่ใหญ่เป็นเอเคอร์อย่างนี้

ขยายผลการจับกุมขบวนการ

กัณวีร์ มองว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ หากต้องการจับกุมขบวนการนำพา หรือคนไทยที่มีเอี่ยวในเรื่องนี้ สมมติว่าเวลาที่จับกุมคนในขบวนการได้ ต้องมีการสืบสวนขยายผล ไม่ใช่ปล่อยให้เหมือนตอนที่จีน พาตัวผู้ต้องหากลับไป

สส.พรรคเป็นธรรม มองว่า คนที่ช่วยมาจากเมืองเมียวดี 16 คน ต้องขยายผลต่อเนื่องเป็นเหมือนโครงการนำร่อง เพื่อนำไปสู่การสกัดกั้นไม่ให้แก๊งสแกมเมอร์ลวงลวงคนไทยไปทำงานและลวงลวงลงทุนกับแก๊งสแกมเมอร์ หรือข้อมูลเหล่านี้อาจจะนำไปสู่การกวาดล้างสแกมเมอร์ในเมืองเมียวดีได้

“เมื่อขยายผลได้แล้ว เราจะได้ทราบเสียทีว่านักการเมืองระดับชาติ และระดับท้องถิ่น พ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการระดับสูงในพื้นที่ หรือชั้นผู้น้อย เราต้องเอาออกมาให้หมด พวกนี้ต้องสืบสวนขยายความให้ได้” กัณวีร์ กล่าว

ทั้งนี้ ข่าว 3 มิติ รายงานเมื่อ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ผลการคัดกรองคนไทยที่ช่วยมาจากเมืองเมียวดี ทั้งหมด 16 คน ตามกระบวนการกลไกส่งต่อระดับชาติ หรือ NRM พบว่าผู้เสียหายทั้ง 16 คนไม่ได้เป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ดังนั้น ทาง ตม. จังหวัดตาก จึงดำเนินคดีฐานออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเปรียบเทียบปรับ ขณะที่ สภ.แม่สอด ดำเนินการส่งตัวทั้ง 14 คนกลับบ้าน และอีก 2 คนพบว่ามีหมายจับฐานช่อโกงและบัญชีม้า จึงมีการส่งตัวไปยังสถานที่เกิดเหตุที่กรุงเทพฯ

กัณวีร์ ยังมองด้วยว่า ส่วนใหญ่คนที่ถูกลวงลวงเป็นเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้อง ต้องการมีชีวิตที่ดีกว่า สะดวกกว่า และยังได้เดินทางไปที่อื่นๆ ด้วย ทำให้คนหลงเชื่อและเดินทางไป ทางแก้ไขปัญหาระยะยาว เราก็ต้องพัฒนาเศรษฐกิจให้มันดีขึ้น ซึ่งมันน่าจะป้องกันปัญหาได้ระดับหนึ่ง และในระยะสั้น เราต้องทำให้คนอย่าหลงเชื่อการเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ กระทรวงแรงงานอาจจะมีมาตรการเชิงรุก สมมติว่าถ้าได้รับการนำเสนองานจากอินเทอร์เน็ต ขอให้มาเช็กข้อมูลกับกระทรวงแรงงานก่อนเดินทางไปทำงาน เพื่อยืนยันข้อมูลว่าต้นตอของบริษัทน่าเชื่อถือจริงหรือไม่ ซึ่งอันนี้น่าจะช่วยชาวบ้านด้วย

กองกำลัง BGF ช่วยเหลือเหยื่อสแกมเมอร์ แฟ้มภาพ 24 ก.พ. 2568 (ที่มา: เฟซบุ๊ก Khit Thit Media)

รัฐบาลต้องตั้งหลักให้ดี มีมาตรการเชิงรุก

กัณวีร์ มองว่า ไทยควรทำให้เรื่องนี้เป็นวาระระดับชาติ เพราะปัจจุบันมีคนไทยและต่างชาติถูกลวงลวงไปทำงานจำนวนมาก อีกทั้งประเทศไทยยังถูกใช้เป็นทางผ่านในการนำคนไปยังศูนย์สแกมเมอร์ ดังนั้น มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าประเทศไทยเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดศูนย์สแกมเมอร์เกิดขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดี มาตรการที่ภาครัฐใช้ในปัจจุบันในการพยายามสกัดกั้นคนที่เดินทางเข้ามาในแม่สอด ยังเป็นมาตรการที่ปลายเหตุ แต่เขาก็เข้าใจได้ เพราะว่าอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทำได้แค่นั้น แต่ว่าการแก้ไขต้นเหตุต้องใช้มาตรการเชิงรุก การเชื่อมต่อกับต่างประเทศ ทำข้อมูล และทำมาตรการปราบปรามคนที่เข้ามาในประเทศไทย ตัดวรจรเส้นทางการเงิน ตัดตอนยึดทรัพย์และจับกุมผู้ร่วมขบวนการ พูดคุยกับกองกำลังชาติพันธุ์ มันต้องทำได้ให้ ยุทธวิธีการ ตัด 4 มันเป็นมาตรการเชิงรุก และเราได้เสนอเรื่องนี้ให้รัฐบาลอนุทิน ไปแล้ว

“(ช่วงเวลา 4 เดือนนี้) ผมไม่คาดหวังเรื่องการแก้ไข แต่ตั้งไข่ให้ถูก ไม่เป๋ ทำให้มันครอบคลุม มีการทูต 2 แนวทาง (2 Tune) มันต้องเริ่มออกนอกกรอบในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เพราะปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แบบรัฐต่อรัฐอย่างเดียว ถ้ารัฐต่อรัฐอย่างเดียวโลกสงบสุขไปแล้ว ไม่มีสแกมเมอร์ ดังนั้น คุณต้อง Flexible (ยืดหยุ่น) ต้องมีความอ่อนตัวในการแก้ไขปัญหา คุณต้องทำเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติให้เป็นวาระแห่งชาติให้ได้ และทำให้ตัด 4 ให้เป็นเรื่องที่ไปที่ไหนต้องพูดเรื่องนี้ ดึงองคาพยพจากต่างประเทศมาร่วมแก้ไขด้วย เพราะว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ” สส.พรรคเป็นธรรม ทิ้งท้าย

ที่มา ประชาไท ( prachatai.com )

เรื่องที่เกี่ยวข้อง:

กรุงเทพมหานคร เร่งเตรียมความพร้อมทุกด้านรองรับประชาชนร่วมพิธีฯ สมเด็จ 2025-10-25 13:forty eight:00

บยสส.4 ชูพลัง 'สื่อสร้างสรรค์' เครื่องมือเปลี่ยนพฤติกรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

เสด็จสู่สวรรคาลัย 🤍 พระแม่ของแผ่นดิน สมเด็จพระพันปีหลวง ด้วย

สำนักพระราชวัง เผยแพร่ประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบร

ครม.อนุมัติจัดตั้ง คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศw ‘พระพันปีหลวง’

ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พร 2025-10-25 05:03:00

สถิตอยู่ในใจตราบนิจนิรันดร์ . น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็

นายกฯชวนแต่งดำ ถวายความอาลัย 25 ต.ค

รัฐบาลขอประชาชนร่วมไว้ทุกข์ 90 วัน และขอความร่วมมืองดหรือลดงานรื่นเริง 30 วัน

ผู้เรียบเรียง

ให้คะแนนความพอใจของคุณ :

0 / 5 คะแนน 0

คุณให้คะแนน:

แชร์ลิ้งค์นี้ : https://ด่วน.com/nt6t | ดู : 10 ครั้ง
  1. 24-ตค-68-เวลา-18forty-five-น.-กลับตัวก็ไม่ได้-ไปก็ไม่ถึง-ซอยรามค-|-2025-10-24-12:03:00 24 ต.ค. 68 เวลา 18.forty five น. กลับตัวก็ไม่ได้ ไปก็ไม่ถึง ซอยรามค 2025-10-24 12:03:00
  2. -live-พระบรมราชชนนีพันปีหลวง-เสด็จสู่สวรรคาลัย-สถิตอยู่ในใจตราบนิจนิรันดร์-|-25-10-68-|-ข่าวช่อง-8 พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสู่สวรรคาลัย สถิตอยู่ในใจตราบนิจนิรันดร์ 25-10-68
  3. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่
  4. ทำเนียบฯ-ลดธงครึ่งเสา-ถวายความอาลัยสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีห ทำเนียบฯ ลดธงครึ่งเสา ถวายความอาลัยสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีห
  5. (25/10/68)-…ภาคเหนืออุณหภูมิจะสูงขึ้น-1-2-องศาเซลเซียส-แต่ (25/10/68) …ภาคเหนืออุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส แต่
  6. นี่ก็คนดีย์คนหนึ่งนะ. นี่ก็คนดีย์คนหนึ่งนะ .
  7. ทำไมต้องเป็นบริษัทนี้-สตงซุ่มเงียบตรวจ-บกันจอมพลังคว้างาน-ก.เกษตรฯ-เจาะจง-7-สัญญารวด ทำไมต้องเป็นบริษัทนี้ สตง.ซุ่มเงียบตรวจ บ.กันจอมพลังคว้างาน ก.เกษตรฯ เจาะจง 7 สัญญารวด
  8. มุ่งหน้าราชมังฯ-ติดแค่ไหน-–-รถชน-ฝั่งธนฯ-เจ็บนับสิบราย-เดินท-|-2025-10-24-12:03:00 มุ่งหน้าราชมังฯ ติดแค่ไหน – รถชน ฝั่งธนฯ เจ็บนับสิบราย เดินท 2025-10-24 12:03:00
  9. เมื่อประมาณ-5-ตค.-2568-หลายคนอาจได้ยินข่าวว่าหน่วยเฉพาะกิจร เมื่อประมาณ 5 ต.ค. 2568 หลายคนอาจได้ยินข่าวว่าหน่วยเฉพาะกิจร
  10. น้อมเสด็จสู่สวรรคาลัย-สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง-พระแม่แห น้อมเสด็จสู่สวรรคาลัย สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระแม่แห
  • No recent comments available.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *


Share via
Click to Hide Advanced Floating Content
Send this to a friend