จ่อชง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณา หลักฐาน พีระพันธุ์’ ลงชื่อกก.รับรองงบบ.ปี 67 เสี่ยงขัด รธน.ม.187

เปิดหลักฐานงบการเงิน บ.วีพี แอโร่เทค พบ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ’ ลงชื่อกรรมการรับรอง ปี 67 ทั้งที่แจ้งโอนหุ้นให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี ดูแลไปแล้วช่วงเข้ารับตำแหน่งปี 66 เสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ ม. 187 ทำให้สิ้นสุดความเป็น รมต. – สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจ่อนำเรื่องเข้าที่ประชุมพิจารณาข้อร้องเรียนช่วงต้นสัปดาห์นี้

สำนักข่าวอิศรา . รายงานว่า จากที่มีการยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ตรวจสอบกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หัวหน้าพรรรครวมไทยสร้างชาติ ยังเป็นกรรมการบริษัทและถือหุ้นในบริษัทอื่น จำนวน 4 บริษัท ตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปก่อนหน้านั้น

• ‘สนธิญา' รุกยื่นสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสอบเพิ่ม ‘พีระพันธุ์' ถือหุ้น 4 บ.-ไม่จัดการปันทรัพย์มรดกด้วย

จากการสืบค้นข้อมูลพบหลักฐานเพิ่มเติมว่า นายพีระพันธุ์ ได้กระทำหน้าที่กรรมการ บริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด โดยเป็นผู้ลงนามรับรองในฐานะกรรมการในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ตามที่ปรากฏในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ข้อ 7 ที่ระบุว่า “งบการเงินนี้ได้รับการอนุมัติให้ออกงบการเงินโดยคณะกรรมการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2567” ซึ่งได้ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 67 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นายพีระพันธุ์ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือนมิถุนายน 2567 สำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้เปิดเผยข้อมูลสัญญาจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรี ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคู่สมรสกรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2566  ระบุว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2566 ระบุว่า ณ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด ได้มีการทำสัญญาหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรีระหว่างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด กับนายพีระพันธ์ ระบุรายละเอียดว่านายพีระพันธ์ได้โอนหุ้นของ1.บริษัท วีพี แอโร่เทค จำกัด จำนวน 588,500 หุ้น (หุ้นละ 100 บาท) 2.บริษัทพี แอนด์ เอส แลนด์ แอนด์ วีเวลเลอปเม้นท์ จำกัด จำนวน 46,500 หุ้น (หุ้นละ 100 บาท)  3.บริษัทรพีโสภาค จำกัด จำนวน 22,000 หุ้น (หุ้นละ 100 บาท)  และ4.บริษัทโสภา คอล เล็คชั่นส์ จำกัด จำนวน 1,000 หุ้น (หุ้นละ 100 บาท) ให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด

โดยเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 นายพีระพันธุ์ ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ในพระราชกิจจานุเบกษาที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 ปัจจุบันยังคงดำรงตำแหน่งทั้งสองอยู่

จึงเห็นได้ว่านายพีระพันธุ์ ยังใช้อำนาจกรรมการในการบริหารจัดการงาน ดำเนินงาน และกำกับดูแลกิจการของบริษัท และประสงค์จะได้รับประโยชน์จากบริษัทดังกล่าวต่อไป ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 187 วรรคสาม และส่งผลให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (5)

สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ระบุว่า รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทหรือไม่คงไว้ ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทต่อไปตามจํานวนที่กฎหมายบัญญัติ และต้องไม่เป็นลูกจ้างของบุคคลใด

ในกรณีที่รัฐมนตรีผู้ใดประสงค์จะได้รับประโยชน์จากกรณีตามวรรคหนึ่งต่อไป ให้แจ้งประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช. ) ทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และให้โอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทดังกล่าวให้แก่นิติบุคคล ซึ่งจัดการทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ

รัฐมนตรีจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้นหรือกิจการของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทตามวรรคสอง ไม่ว่าในทางใดๆ มิได้

มาตรานี้เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น ให้ใช้บังคับแก่คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของรัฐมนตรี และการถือหุ้นของรัฐมนตรีที่อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่น ไม่ว่าโดยทางใดๆ ด้วย

ขณะที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจะมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาข้อร้องเรียนเรื่องนี้ด้วย